A study that analysed more than eig

A study that analysed more than eight million actual hands-free phone calls placed over a period of five years found only two confirmed cases of crashes that occurred during phone use.

Some state highway authorities in the US have compiled detailed information on crash statistics and have specifically listed using a cell phone or two-way radio as a contributing cause for the crash. For example, in Minnesota in 2007 “Driver on Cell Phone or CB Radio” accounts for some 0.2% across single or multiple vehicle crashes across all age groups. The Tennessee Department of Safety has data available from 2003 to 2007 using a “Telephone or Two-Way Radio”, which listed these factors as the cause of an accident in 0.35% in 2003; 0.32% in 2004; 0.36% in 2005; 0.37% in 2006 and 0.33% in 2007.

Other studies in the USA show alcohol is a factor in approximately 41 per cent of all fatal traffic crashes and in six per cent of all crashes. In comparison, data collected by state highway authorities shows mobile phones have been a factor in an estimated one half of one per cent of all crashes and they are more likely to be a minor, rear-end collision.

Australian crash and fatality research

A recent analysis of 340 serious casualty crashes in Victoria and NSW between 2000 and 2011, using data gleaned from forensic examination of crash scenes and anonymous interviews with drivers has found that in 0.9 per cent of crashes the driver was using a mobile phone.

The study from the Monash University Accident Research Centre (MUARC) found that intoxicated drivers caused 13.5 per cent of crashes, drivers falling asleep resulted in 11.8 per cent of crashes and 3.2 per cent of crashes were caused by passenger interactions.

The MUARC study found the most common subtypes of inattention were restricted attention, primarily due to intoxication and/or fatigue, and diverted attention or distraction.

The most common types of distraction involved voluntary, non-driving related distractions originating within the vehicle, such as passenger interactions.

The study used data gleaned from forensic examination of crash scenes and anonymous interviews with drivers and found the causes of crashes related to inattention and distraction ranked in order of importance in the table below.

MUARC study of 340 casualty crashes in VIC and NSW 2000-2011
13.5% Intoxication
11.8% Fell asleep
10.9% Fatigued
3.2% Failed to look
3.2% Passenger interaction
2.6% Felt ill
2.6% Blacked out
1.8% Feeling stressed
1.5% Looked but failed to see
1.4% Animal or insect in vehicle
0.9% Using a mobile phone
0.9% Changing CD/cassette/radio
0.9% Adjusting vehicle systems
0.9% Looking at vehicle systems
0.3% Searching for object
If using mobile phones is significantly dangerous then we could expect to see a dramatic increase in traffic accidents in the last decade. In fact, the reverse is true.

In Australia road fatalities have continued to decline and correlate with major road safety initiatives, such as the introduction of laws to enforce seatbelt wearing, the introduction of random breath testing and a mandatory 50km speed limit in residential areas.

Almost all Australian drivers now own a mobile phone, but the road fatality reduction has continued despite the exponential increase in mobile phone ownership over the last two decades.

Another important point about the increasing use of mobile phones while driving in recent years - despite the decline in the road toll - is that the dramatic increase in use of mobiles also increases the chance of a fatal crash occurring when a driver is using a mobile phone (both legally or illegally) and this may or may not be a causal association.

Road-Toll-Versus-Mobiles

Despite the exponential growth in mobiles the road toll continues to decline in line with major road safety initiatives

It is often argued that the lack of crash data related to mobile phones is due to under reporting of the crash cause by drivers and the police, therefore, the potential risk is being understated. However, police have been collecting data for some time now in some states of Australia.

For example, the Road Traffic Authority maintains a publically available database of annual crash statistics in New South Wales, which includes reports from 1997 to 2011. All these reports include figures on the possible contribution of mobile phones in crashes. More importantly, the data specifically records crashes in which ‘using hand-held telephone’ are a possible contributor to the crash.

Between 1997 and 2011 there were around 50,000 crashes each year on NSW roads and less than 0.1 per cent of all crashes were related to illegal hand-held mobile phone use.

Year Crashes for
"Using a
hand-held
telephone" Total
Crashes
1997 16 50120
1998 32 52578
1999 51 52866
2000 43 52914
2001 50 51814
2002 32 50448
2003 23 49266
2004 30 47310
2005 20 45554
2006 19 45528
2007 26 45395
2008 27 42833
2009 31 42952
2010 56 60084
2011 50 42953
Between 1997

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาที่วิเคราะห์มากกว่าแปดล้านจริงแฮนด์ฟรีโทรศัพท์วางไว้ในระยะเวลา 5 ปี พบเพียงสองยืนยันกรณีของการล้มเหลวที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้โทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ทางหลวงบางรัฐในสหรัฐอเมริกาได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถิติความล้มเหลว และมีเฉพาะรายการใช้โทรศัพท์หรือวิทยุสองทางเป็นสาเหตุกระตุ้นอื่น ๆ สำหรับความล้มเหลว เช่น ในรัฐมินนิโซตาใน 2007 "โปรแกรมควบคุมบนโทรศัพท์มือถือหรือวิทยุ CB" บัญชีสำหรับบาง 0.2% ทั่วรถเดียว หรือหลายปัญหาในกลุ่มอายุ ฝ่ายความปลอดภัยของเทนเนสซีมีข้อมูลจาก 2003 2007 ใช้ "โทรศัพท์หรือระบบวิทยุ" ซึ่งแสดงปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุใน 0.35% ใน 2003 0.32% ในปี 2004 0.36% ในปี 2005 0.37% ในปี 2549 และ 0.33% ใน 2007การศึกษาอื่น ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาแสดงแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยในประมาณ 41 ร้อยละของการเกิดปัญหาจราจรร้ายแรงทั้งหมด และในหกเปอร์เซ็นต์ของการล้มเหลวทั้งหมด ในการเปรียบเทียบ ข้อมูลรวบรวม โดยเจ้าหน้าที่ทางหลวงรัฐแสดงโทรศัพท์มือถือ เป็นปัจจัยในการประเมินครึ่งของหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของการล้มเหลวทั้งหมดและพวกเขามักจะเป็นผู้เยาว์ rear-end ชนวิจัยความล้มเหลวและตายที่ออสเตรเลียใช้ข้อมูลคาดการวิเคราะห์ล่าสุดล้มเหลววินาศภัยร้ายแรง 340 ในวิคตอเรียและนิวเซาธ์เวลส์ระหว่าง 2000 และ 2011 สอบนิติชนฉาก และบทสัมภาษณ์แบบไม่ระบุชื่อโปรแกรมควบคุมที่พบว่า ใน ร้อยละ 0.9 ของล้มเหลวโปรแกรมควบคุมการใช้โทรศัพท์มือถือศึกษาจาก Monash มหาวิทยาลัยอุบัติเหตุวิจัยศูนย์ (MUARC) พบว่า เกเรควบคุมเกิดจากร้อยละ 13.5 ของการล้มเหลว ควบคุมตกหลับส่งผลให้ใน 11.8 เปอร์เซ็นต์ของการล้มเหลวและ 3.2 ร้อยละของการล้มเหลวที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ของผู้โดยสารการศึกษานี้ MUARC พบ subtypes พบมากที่สุดของพุ่งได้จำกัดความสนใจ หลักเนื่องจากมึนเมาหรือความเมื่อยล้า และโอนสนใจหรือรบกวนชนิดทั่วไปของสิ่งรบกวนที่เกี่ยวข้องกับสมัครใจ ไม่ขับเกี่ยวข้องรบกวนมาภายในรถ เช่นการโต้ตอบผู้โดยสารการศึกษาใช้ข้อมูลคาดสอบนิติชนฉากและการสัมภาษณ์แบบไม่ระบุชื่อมีโปรแกรมควบคุม และไม่พบสาเหตุของความล้มเหลวที่เกี่ยวข้องกับพุ่งและรบกวนการจัดอันดับความสำคัญในตารางด้านล่างMUARC การศึกษาล้มเหลวกลับ 340 ใน VIC และ NSW 2000-2011 13.5% มึนเมา 11.8% ลดลงนอนหลับเหนื่อย 10.9%3.2% ล้มเหลวในการค้นหา3.2 โต้ตอบผู้โดยสาร%2.6% รู้สึกป่วย 2.6% มืด 1.8% ความรู้สึกเครียด 1.5% Looked แต่ไม่เห็น1.4% สัตว์หรือแมลงในรถ 0.9% ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ 0.9% เปลี่ยนซีดี/เทป/วิทยุ 0.9 ระบบยานพาหนะ Adjusting %0.9% ระบบยานพาหนะ 0.3% ค้นหาวัตถุ ถ้าใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอันตรายอย่างมาก เราอาจจะเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในอุบัติเหตุในทศวรรษ ในความเป็นจริง กลับเป็นจริง ในออสเตรเลีย เสียชีวิตถนนยังคงปฏิเสธ และเชื่อมโยงกับโครงการความปลอดภัยที่ถนนใหญ่ เช่นการนำกฎหมายไปบังคับใช้เข็มขัดนิรภัยที่สวมใส่ การแนะนำการหายใจแบบสุ่มทดสอบและจำกัดความเร็ว 50 กมบังคับในพื้นที่อยู่อาศัยโปรแกรมควบคุมที่ออสเตรเลียเกือบทั้งหมดนี้เองที่โทรศัพท์มือถือ แต่ลดการตายของถนนได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือเพิ่มเนนสองทศวรรษ อีกจุดที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้เพิ่มขึ้นของโทรศัพท์มือถือขณะขับรถในปีล่าสุด - แม้ มีการลดลงของโทรถนน - มีที่ตัวละครเพิ่มขึ้นในการใช้โทรศัพท์มือถือยังเพิ่มโอกาสของการผิดพลาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อโปรแกรมควบคุมการใช้โทรศัพท์มือถือ (ทั้งตามกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย) และนี้อาจ หรืออาจไม่มีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุถนนโทรกับโทรศัพท์แม้ มีการเจริญเติบโตเนนในโทรศัพท์มือถือ โทรถนนยังคงลดลงสอดคล้องกับโครงการความปลอดภัยถนนใหญ่นอกจากนี้มันมักจะโต้เถียงที่ ขาดข้อมูลความผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือเนื่องจากอยู่ภายใต้การรายงานสาเหตุความผิดพลาดโดยโปรแกรมควบคุมและตำรวจ ดังนั้น คือถูกนั้นอันตราย อย่างไรก็ตาม ตำรวจมีการรวบรวมข้อมูลสำหรับบางเวลาตอนนี้ในบางรัฐของออสเตรเลียFor example, the Road Traffic Authority maintains a publically available database of annual crash statistics in New South Wales, which includes reports from 1997 to 2011. All these reports include figures on the possible contribution of mobile phones in crashes. More importantly, the data specifically records crashes in which ‘using hand-held telephone’ are a possible contributor to the crash.Between 1997 and 2011 there were around 50,000 crashes each year on NSW roads and less than 0.1 per cent of all crashes were related to illegal hand-held mobile phone use.Year Crashes for "Using a hand-held telephone" Total Crashes1997 16 501201998 32 52578 1999 51 528662000 43 529142001 50 518142002 32 504482003 23 492662004 30 473102005 20 455542006 19 455282007 26 453952008 27 428332009 31 429522010 56 600842011 50 42953Between 1997

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ศึกษาวิเคราะห์มากกว่าแปดล้านที่เกิดขึ้นจริงโทรศัพท์แฮนด์ฟรีวางไว้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาพบเพียงสองยืนยันกรณีของการเกิดปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้โทรศัพท์. บางหน่วยงานทางหลวงของรัฐในสหรัฐอเมริกาได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถิติความผิดพลาดและมีความ ที่ระบุไว้เฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือหรือสองทางวิทยุเป็นสาเหตุที่เอื้อสำหรับการแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่นในมินนิโซตาในปี 2007 "คนขับรถบนโทรศัพท์มือถือหรือวิทยุ CB" บัญชีสำหรับบาง 0.2% ทั่วยานพาหนะเดียวหรือหลายล้มเหลวในทุกกลุ่มอายุ กรมเทนเนสซีมีความปลอดภัยข้อมูลที่มีอยู่ 2,003-2,007 ใช้ "โทรศัพท์หรือ Two-Way Radio" ซึ่งจดทะเบียนปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุใน 0.35% ในปี 2003 ที่; 0.32% ในปี 2004; 0.36% ในปี 2005; 0.37% ในปี 2006 และ 0.33% ในปี 2007 การศึกษาอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกาแสดงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่ประมาณร้อยละ 41 ของทั้งหมดที่เกิดปัญหาการจราจรที่ร้ายแรงและร้อยละหกของการเกิดปัญหาทั้งหมด ในการเปรียบเทียบข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยเจ้าหน้าที่ทางหลวงของรัฐแสดงให้เห็นโทรศัพท์มือถือได้รับปัจจัยในประมาณครึ่งหนึ่งของร้อยละหนึ่งของการเกิดปัญหาและพวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ชนท้าย. ความผิดพลาดของออสเตรเลียและการวิจัยการเสียชีวิตล่าสุดการวิเคราะห์ 340 เกิดปัญหาอุบัติเหตุร้ายแรงในวิคตอเรียและเอ็นเอสระหว่างปี 2000 และปี 2011 โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการตรวจสอบทางนิติเวชฉากความผิดพลาดและการสัมภาษณ์ที่ไม่ระบุชื่อกับคนขับได้พบว่าในร้อยละ 0.9 ของการเกิดปัญหาคนขับรถได้รับการใช้โทรศัพท์มือถือ. การศึกษาจากที่ มหาวิทยาลัย Monash อุบัติเหตุศูนย์วิจัย (MUARC) พบว่าคนขับรถเมาเหล้าที่เกิดร้อยละ 13.5 ของการเกิดปัญหาไดรเวอร์ลดลงส่งผลให้นอนหลับอยู่ในร้อยละ 11.8 ของการเกิดปัญหาและ 3.2 ร้อยละของการเกิดปัญหาที่เกิดจากการปฏิสัมพันธ์ผู้โดยสาร. การศึกษา MUARC พบเชื้อที่พบบ่อยที่สุด ไม่ตั้งใจถูก จำกัด ให้ความสนใจส่วนใหญ่จะเป็นพิษและ / หรือเมื่อยล้าและเบี่ยงเบนความสนใจหรือสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว. ชนิดที่พบมากที่สุดของสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวที่เกี่ยวข้องกับความสมัครใจที่ไม่ได้ขับรถรบกวนที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นภายในรถเช่นปฏิสัมพันธ์ผู้โดยสาร. การศึกษาใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จาก การตรวจสอบทางนิติเวชฉากความผิดพลาดและการสัมภาษณ์ที่ไม่ระบุชื่อกับคนขับและพบว่าสาเหตุของการเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการไม่ตั้งใจและความฟุ้งซ่านจัดอันดับอยู่ในลำดับความสำคัญในตารางด้านล่าง. ศึกษา MUARC 340 เกิดปัญหาอุบัติเหตุใน VIC 2000-2011 และเอ็นเอส13.5% มัวเมา11.8% ลดลง หลับ10.9% เหนื่อย3.2% ไม่สามารถที่จะมอง3.2% ปฏิสัมพันธ์ผู้โดยสาร2.6% รู้สึกไม่ดี2.6% ลบไป1.8% รู้สึกเครียด1.5% มอง แต่ไม่เห็น1.4% สัตว์หรือแมลงในรถ0.9% การใช้โทรศัพท์มือถือ0.9% การเปลี่ยนแผ่น CD / เทป / วิทยุ0.9% การปรับระบบยานพาหนะ0.9% มองไปที่ระบบยานพาหนะ0.3% ค้นหาวัตถุหากมีการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมีนัยสำคัญแล้วเราสามารถคาดหวังที่จะเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในการเกิดอุบัติเหตุการจราจรในทศวรรษที่ผ่านมา ในความเป็นจริงกลับเป็นความจริง. ในประเทศออสเตรเลียเสียชีวิตบนท้องถนนได้อย่างต่อเนื่องที่จะลดลงและมีความสัมพันธ์กับความคิดริเริ่มความปลอดภัยทางถนนที่สำคัญเช่นการแนะนำของกฎหมายในการบังคับใช้เข็มขัดนิรภัยสวมเบื้องต้นของการทดสอบลมหายใจแบบสุ่มและขีด จำกัด ที่บังคับใช้ 50 กมความเร็วในพื้นที่อยู่อาศัย . เกือบทุกคนขับรถของออสเตรเลียตอนนี้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ แต่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเพิ่มขึ้นชี้แจงในการเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา. อีกจุดที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้ที่เพิ่มขึ้นของโทรศัพท์มือถือขณะขับรถในช่วงหลายปีที่ผ่านมา - แม้จะมี การลดลงของค่าผ่านทางถนน - คือการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในการใช้งานของโทรศัพท์มือถือนอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสของความผิดพลาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคนขับรถใช้โทรศัพท์มือถือ (ทั้งถูกต้องตามกฎหมายหรือผิดกฎหมาย) และนี่อาจจะหรืออาจจะไม่สมาคมสาเหตุ. ถนน -Toll เมื่อเทียบกับโทรศัพท์มือถือแม้จะมีการเจริญเติบโตในโทรศัพท์มือถือโทรถนนยังคงลดลงในทิศทางเดียวกับความคิดริเริ่มความปลอดภัยทางถนนที่สำคัญมันมักจะเป็นที่ถกเถียงกันว่าการขาดความผิดพลาดของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือเป็นเพราะภายใต้การรายงานสาเหตุของความผิดพลาดจากการขับรถและตำรวจจึงมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจะถูก understated อย่างไรก็ตามตำรวจได้รับการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับบางเวลาในขณะนี้ในบางรัฐของออสเตรเลีย. ยกตัวอย่างเช่นถนนการจราจรมีอำนาจเก็บฐานข้อมูลมี publically สถิติความผิดพลาดประจำปีใน New South Wales ซึ่งรวมถึงรายงานจากปี 2011 ปี 1997 เพื่อรายงานทั้งหมดเหล่านี้รวมถึง ตัวเลขที่เกี่ยวกับผลงานที่เป็นไปได้ของโทรศัพท์มือถือในการเกิดปัญหา ที่สำคัญข้อมูลเฉพาะบันทึกการเกิดปัญหาในการที่ 'การใช้โทรศัพท์มือถือ' เป็นผู้มีส่วนร่วมไปได้ที่จะผิดพลาด. ระหว่างปี 1997 และ 2011 มีประมาณ 50,000 เกิดปัญหาในแต่ละปีบนถนน NSW และน้อยกว่า 0.1 ร้อยละของการเกิดปัญหาทุกคนที่เกี่ยวข้อง การที่ผิดกฎหมายมือถือใช้งานโทรศัพท์มือถือ. ปีที่เกิดปัญหาสำหรับ"การใช้มือถือโทรศัพท์" รวมเกิดปัญหา1,997 16 50,120 1,998 32 52,578 1,999 51 52,866 2,000 43 52,914 2,001 50 51,814 2,002 32 50,448 2,003 23 49,266 2,004 30 47,310 2,005 20 45554 2006 45528 19 ปี 2007 45395 26 ปี 2008 42833 27 ปี 2009 42,952 วันที่ 31 ปี 2010 60084 56 2011 50 42953 ระหว่าง 1997