Nowadays, the United States has the

Nowadays, the United States has the world’s largest music market and the songs are known worldwide. Moreover, the music originating in the United States is some of the most internationally illustrious musical styles such as jazz, hip-hop, pop, rock and roll, etc., which reflect the country’s multi-ethnic population through a diverse array of styles.
History of American music emphasizes several main themes, including the importance of African-American culture in the origins and development of rock music. The blues, originating in the work songs of American slaves who adapted their African musical heritage to the American environment, were provided the foundation for rock-and-roll. Africans, who were voices glided between the lines of the more rigid European musical scale to create a distinctive new sound, that they clapped, danced, and slapped their bodies in several different rhythms, retained continuity with their past through music.
Such African-inspired church music became the basis for the blues, which applied the music to secular themes. So it continued to create new styles that reflected the African American struggle for equality.
Furthermore, rock-and-roll was reflected and influenced major social changes. So, the popularity of a maniac, teen-oriented rock-and-roll can be attributed to a number of social changes that occurred during the 1950s, which television made radio space available to more recording artists. And after World War II, television became more popular and affordable. Besides, 300 television stations in the United States broadcast to more than 27 million television sets. By absorbing the network radio shows, which created airtime for a greater variety of records, include discs by African-American artist.
Rock-and-Roll’s super promoter was Alan Freed, who was a student of trombone and music theory. He began his broadcasting career in New Castle. In 1951, he began to play R&B records on his program. Moreover, Freed continuously marketed the new music.

By late 1954, the successful Freed landed a key nighttime spot on New York station WINS. So, Freed also managed several R&B acts and appeared in movies such as Don’t Knock the Rock, Rock, and the now-famous Rock Around the Clock, which caused riots in the United States and Europe and further familiarized white youths with R&B, And now being called rock-and-roll by Freed.
Especially, young teens listened to disc jockeys such as Freed on new gadgetry, the portable transistor radio that it developed in 1947 at the Bell Laboratory in New Jersey and it was bought more than 12 million. It offered teens on the move an inexpensive means of experiencing the exciting new music called rock-and-roll.
Marketed initially in the 1950s, was the car radio that served the same purpose as the portable transistor modal and it became standard equipment within a few years. The car radio, introducing rock-and-roll to many teens that used the automobile, helped deliver rock-and-roll to a mobile, young, car-crazy generation.
As the civil rights struggle began to foster an awareness and acceptance of African-American culture, rock-and-roll became accessible to white teenagers, including the African-American-based rock-and-roll. By the mid 1950s, about 5.6 million teenagers attended American high schools. Ten years later, the number of teens increased to 6.8 million. Observers called it the “war time baby boom”, which had became an army of youngsters that they latched onto the new rock-and-roll and idolizing a young.
Many of these teens had money in their pockets to spend on records that living during prosperous times. So, they were favorite artist. In a 1960 survey of 4,500 teenage girls conducted by seventeen magazines, the average teen had “a weekly income of $9.53 and listens to the radio two hour a day. Moreover, more than 70 percent of the girls bought records with their allowances. Along with other factors, an increasingly affluent society paved the way for the mass consumption of rock-and-roll.


Americans of the 1980s became obsessed with a video technology that had first been introduced to the mass market, which was first mass marketed in 1976 by the Victor Co. of Japan (JUC), with the television set. In 1981, Americans spent $9.2 billion on video products. Four years later, they purchased more than $15 billion in video hardware and accessories. By the end of the decade, most American consumers had become part of the expanding video culture.
During the 1980s, they accustomed to the television screen at home and at school, became entranced by video games. By 1981, the TV generation dropped more than 25 billion quarters into video game machines at local arcades. Furthermore, the Atari Corporation, owned by Warner Communications, grossed about $1.3 billion in home video game console and cartridge sales. By that year, more than 8 percent of all households owned home video games in 1982.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีราคาตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเพลงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก นอกจากนี้ เพลงที่เกิดในสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะดนตรีที่ยาวที่สุดในระดับสากลเช่นแจ๊ส กระแส ป๊อป ร็อกแอนด์โรล ฯลฯ ซึ่งประชากรของประเทศชาติผ่านอาร์เรย์ที่มีความหลากหลายของรูปแบบ บางอย่าง ประวัติศาสตร์ดนตรีอเมริกันเน้นธีมหลักหลาย รวมทั้งความสำคัญของวัฒนธรรม African-American ในการกำเนิดและพัฒนาของดนตรีร็อค บลูส์ มาในเพลงงานทาสอเมริกันที่มรดกของดนตรีแอฟริกากับอเมริกันสิ่งแวดล้อม การดัดแปลง ที่มีรากสำหรับ rock-and-roll แอฟริกา ที่เสียงทะยานระหว่างบรรทัดมาตราส่วนดนตรียุโรปเข้มงวดมากขึ้นสร้างโดดเด่นเสียงใหม่ ว่า พวกเขาปรบมือเพื่อเรียก เต้น และ slapped ของพวกเขาในหลายแบบแตกต่างกัน รักษาความต่อเนื่องกับอดีตของพวกเขาผ่านเพลงเช่นแรงบันดาลใจจากแอฟริกาโบสถ์เพลงกลายเป็น ข้อมูลพื้นฐานสำหรับ blues ซึ่งเพลงกับรูปแบบทางโลก ดังนั้น มันยังคงสร้างรูปแบบใหม่ที่สะท้อนการต่อสู้ชาวอเมริกันแอฟริกันสำหรับความเสมอภาคนอกจากนี้ rock-and-roll มีผล และมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ ดังนั้น ความนิยมของ rock-and-roll บ้ามอเตอร์ไซค์ เน้นวัยรุ่นสามารถบันทึกจำนวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 โทรทัศน์ที่ทำวิทยุพื้นที่ว่างเพิ่มเติมศิลปิน และหลังจากสงครามโลก โทรทัศน์กลายเป็นที่นิยมมาก และราคาไม่แพง นอกจาก 300 สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาออกอากาศไปกว่า 27 ล้านโทรทัศน์ชุด โดยเครือข่ายวิทยุรายการ ซึ่งสร้าง airtime สำหรับระเบียนมากกว่า การดูดซับแรงกระแทกรวมดิสก์ โดยศิลปิน African-Americanร็อค และม้วนของซูเปอร์โปรโมเตอร์ Alan Freed ซึ่งเป็นนักศึกษาของทรอมโบนและเพลงทฤษฎี เขาเริ่มอาชีพของเขาออกอากาศในปราสาทใหม่ ใน 1951 เขาเริ่มเล่นคอร์ด R & B ในโปรแกรมของเขา นอกจากนี้ Freed อย่างต่อเนื่องตลาดเพลงใหม่โดยปลาย 1954, Freed สำเร็จที่ดินจุดค่ำคืนสำคัญในนิวยอร์กสถานีชนะ ดังนั้น Freed ยังจัดการกระทำ R & B หลาย และปรากฏในภาพยนตร์เช่นไม่เคาะ หิน หิน และมีชื่อเสียงตอนนี้ร็อค Around นาฬิกา ที่เกิดจลาจลในสหรัฐอเมริกา และยุโรป และเพิ่มเติม familiarized ขาวเยาวชนกับอาร์แอนด์บี และตอนนี้ ถูกเรียกว่า rock-and-roll โดย Freedโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัยรุ่นหนุ่มสาวฟังดิสก์ jockeys เช่น Freed บนเครื่องมือมาร์ทโฟนใหม่ วิทยุทรานซิสเตอร์แบบพกพาที่จะพัฒนาในที่ห้องปฏิบัติการเบลล์ในนิวเจอร์ซี่และ ถูกซื้อมากกว่า 12 ล้าน มันให้วัยรุ่นในการย้ายวิธีการราคาไม่แพงพบเพลงใหม่เรียกว่า rock-and-rollวางตลาดครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1950 วิทยุรถยนต์ที่ทำหน้าที่ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันทรานซิสเตอร์แบบพกพาจน ได้ และมันกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานภายในกี่ปี วิทยุรถยนต์ แนะนำ rock-and-roll กับวัยรุ่นมากที่ใช้รถยนต์ ช่วยส่ง rock-and-roll รุ่นโทรศัพท์มือถือ หนุ่มสาว บ้ารถเป็นการต่อสู้ rights แพ่งเริ่มสร้างการรับรู้และยอมรับวัฒนธรรม African-American, rock-and-roll ก็สามารถเข้าถึงวัยรุ่นสีขาว รวม rock-and-roll African-American ตาม โดยมินิกลาง ประมาณ 5.6 ล้านวัยรุ่นเข้าร่วมโรงเรียนสูงอเมริกัน สิบปีต่อมา จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 6.8 ล้าน ผู้สังเกตการณ์เรียกว่า "สงครามเวลาเด็กบูม" ซึ่งได้กลายเป็นกองทัพของเยาวชนที่พวกเขา latched ลงใหม่ rock-and-roll และ idolizing เป็นหนุ่มของวัยรุ่นเหล่านี้มีเงินในกระเป๋าไปใช้กับระเบียนที่อยู่ในช่วงเวลาที่เจริญ ดังนั้น พวกศิลปินที่ชื่นชอบ ในการสำรวจ 1960 ของวัยรุ่นหญิงจากนิตยสาร 17 4500 วัยรุ่นค่าเฉลี่ยมี "กำไรขาดทุนรายสัปดาห์ $9.53 และฟังวิทยุสองชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่ซื้อมีเงินของพวกเขา รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ การมอบขึ้นปูทางสำหรับการบริโภคมวลของ rock-and-rollชาวอเมริกันของไฟต์กลายเป็นหลังกับเทคโนโลยีวิดีโอที่มีการรู้จักการตลาดโดยรวม ซึ่งถูกแรกโดยรวมตลาดในปี 1976 โดย บริษัทวิคเตอร์ของญี่ปุ่น (JUC), มีการตั้งค่าโทรทัศน์ ในปี 1981 อเมริกันใช้ 9.2 พันล้านเหรียญในผลิตภัณฑ์วิดีโอ สี่ปีหลัง พวกเขาซื้อกว่า 15 พันล้านเหรียญในฮาร์ดแวร์การแสดงผลและอุปกรณ์ โดยจุดสิ้นสุดของทศวรรษ ผู้บริโภคอเมริกันมากที่สุดได้กลายเป็น ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมวิดีโอขยายในช่วงทศวรรษที่ 1980 พวกเขาคุ้นเคยกับหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้าน และที่โรงเรียน กลายเป็น entranced โดยวิดีโอเกม โดย 1981 สร้างโทรทัศน์ลดลงมากกว่า 25 พันล้านไตรมาสเป็นเครื่องวิดีโอเกมที่ล่งท้องถิ่น นอกจากนี้ บริษัทอาตาริ เป็นเจ้าของสื่อสารวอร์เนอร์ grossed เกี่ยวกับ 1.3 พันล้านเหรียญในบ้านวิดีโอเกมคอนโซลและตลับขาย โดยปี มากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนทั้งหมดเป็นเจ้าของบ้านวิดีโอเกมในปี 1982