If the contact interface between tw

If the contact interface between two surfaces has interlocking of an inclined or curved contact, ploughing
takes place in sliding. As a result of ploughing, a certain volume of surface material is removed and an
abrasive groove is formed on the weaker surface. This type of wear is called abrasive wear.
Here, we assume a single contact point model where a hard, sharp abrasive is indented against the flat
surface and forms a groove on it by ploughing. When wearing material has a ductile property, a ribbonlike,
long wear particle is generated by the mechanism of microcutting. In the case of brittle material,
however, a wear particle is generated by a crack propagation (Evans and Marshall, 1981). These differences
are summarized schematically in Figures 7.9a and b.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถ้าอินเทอร์เฟซสำหรับติดต่อระหว่างพื้นผิวทั้งสองมีพัวพันของผู้ติดต่อเข้าใจ หรือโค้ง มงคลเกิดขึ้นในการเลื่อน จากมงคล เอาปริมาตรของวัสดุพื้นผิวและabrasive ร่องจะเกิดขึ้นบนพื้นผิวแกร่ง ชนิดของเครื่องแต่งกายคือสวม abrasiveที่นี่ เราสมมติแบบจุดเดียวติดต่อที่เยื้องกับแบนทรายยาก ชาร์ปพื้นผิว และรูปแบบร่องของมัน โดยมงคล เมื่อสวมใส่วัสดุมีคุณสมบัติ ductile, ribbonlikeอนุภาคสวมยาวสร้างขึ้น โดยกลไกของ microcutting ในกรณีของวัสดุเปราะอย่างไรก็ตาม อนุภาคสวมถูกสร้างขึ้น โดยเผยแพร่แตก (อีวานส์และมาร์แชลล์ 1981) ความแตกต่างเหล่านี้มีสรุป schematically เลข 7.9a และ b

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ถ้าอินเตอร์เฟซการติดต่อระหว่างสองพื้นผิวที่มีความเชื่อมต่อกันของการติดต่อหรือเอียงโค้งไถจะเกิดขึ้นในการเลื่อน
อันเป็นผลมาจากการไถเป็นปริมาณบางอย่างของวัสดุพื้นผิวถูกลบออกและร่องขัดจะเกิดขึ้นบนพื้นผิวที่อ่อนแอ ประเภทของการสวมใส่แบบนี้เรียกว่าการสึก. ที่นี่เราถือว่าเป็นรูปแบบจุดติดต่อเดียวที่ยากคมขัดจะเยื้องกับแบนพื้นผิวและรูปแบบร่องกับมันโดยการไถ เมื่อสวมใส่วัสดุที่มีคุณสมบัติที่เหนียว ribbonlike ที่อนุภาคยาวสวมถูกสร้างขึ้นโดยกลไกการทำงานของไมโคร ในกรณีของวัสดุเปราะที่แต่อนุภาคการสึกหรอถูกสร้างขึ้นโดยการขยายพันธุ์แตก (อีแวนส์และมาร์แชลล์, 1981) ความแตกต่างเหล่านี้มีรายละเอียดแผนผังในรูปที่ 7.9a และ B

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถ้าติดต่อที่รอยต่อระหว่างสองพื้นผิวได้ประสานการเอียงหรือติดต่อโค้งไถนา
ใช้สถานที่ในการเลื่อน ผลของไถ ปริมาณบางอย่างของวัสดุพื้นผิวจะถูกลบออกและ
ร่องขัดรูปแบบลงบนพื้นผิว สวมใส่ชนิดนี้เรียกว่าขัดใส่
ที่นี่เราสมมติรูปแบบติดต่อจุดเดียวที่ยากคมขัดอยู่เยื้องกับพื้นผิวเรียบ
และรูปแบบร่องบนโดยไถ . เมื่อใส่วัสดุที่มีคุณสมบัติ เหนียว มี ribbonlike
อนุภาค , สวมยาวถูกสร้างขึ้นโดยกลไกของ microcutting . กรณีวัสดุเปราะ
แต่ใส่อนุภาคถูกสร้างขึ้นโดยแตกกระจาย ( อีแวนส์และมาร์แชล , 1981 ) ความแตกต่างเหล่านี้
สรุปแผนผังในตัวเลข 7.9a และ B