After silk originated in ancient Ch

After silk originated in ancient China and India where the practice of weaving silk began around 2,640 BCE, Chinese merchants spread the use of silk to different regions throughout Asia through trade. Some accounts indicate that archaeologists found the first fibers of silk in Thailand to be over 3,000 years old in the ruins of Baan Chiang, the site is considered by many to be Southeast Asia's oldest civilization.[2]

However, the silk produced on the Khorat plateau was generally only used for private consumption, with the Thai court preferring to purchase Chinese silk imports. There was an attempt in the early twentieth century to develop the industry, with the help of a Japanese sericulture expert, Kametaro Toyama. But these attempts failed due to a lack of interest locally to produce for a larger market.[3]

However, after World War II, an American OSS officer called Jim Thompson decided that silk would be popular back at home in America and through his connections in New York began marketing the product as a traditional Siamese material. In fact, the material he created had little relationship to what had previously been produced in the country. But through clever branding and by developing a range of 'Thai' patterns, he managed to establish Thai Silk as a recognizable brand.[4]

Writing in the Bangkok Post in 1949, Alexander MacDonald described that 'out of a number of scattered remains of history, from cultures borrowed from Siam's neighbors, and from colonies of fat and lazy Siamese silk worms, Jim Thompson is trying to build a modest business.'

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลังจากไหมมาในโบราณจีนและอินเดียที่ฝึกทอผ้าไหมเริ่มคริสตศักราชประมาณ 2,640 หลุมบ่อแพร่กระจายใช้ไหมไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วเอเชียผ่านทางการค้า บัญชีบางอย่างบ่งชี้ว่า นักโบราณคดีค้นพบแรกเส้นใยของผ้าไหมในประเทศไทยที่มีอายุกว่า 3000 ปีพังบ้านเชียง เว็บไซต์ถือเป็นอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะ[2]อย่างไรก็ตาม ผ้าไหมที่ผลิตบนราบสูงโคราชทั่วไปเพียงใช้สำหรับปริมาณการใช้ส่วนตัว กับศาลไทยพลุกพล่านซื้อนำเข้าผ้าไหมจีน มีความพยายามในศตวรรษที่ยี่สิบต้นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม ช่วย sericulture ญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญ Kametaro โท แต่ความพยายามเหล่านี้ล้มเหลวเนื่องจากการขาดความสนใจในท้องถิ่นในการผลิตสำหรับตลาดขนาดใหญ่[3]อย่างไรก็ตาม หลังจากสงครามโลก นาย OSS อเมริกันเรียกว่าจิมทอมป์สันตัดสินใจว่า ไหมจะนิยมหลังบ้าน ในอเมริกา และ ผ่านการเชื่อมต่อของเขาในนิวยอร์ค เริ่มการตลาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัสดุแบบสยามโบราณ ในความเป็นจริง วัสดุที่เขาสร้างมีความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยที่ได้ก่อนหน้านี้ถูกผลิตในประเทศ แต่ผ่านฉลาด สร้างตราสินค้า และพัฒนาหลากหลายรูปแบบ 'ไทย' เขาได้สร้างผ้าไหมไทยเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก[4]แมคโดนัลด์อเล็กซานเดอร์เขียนในบางกอกโพสต์ใน 1949 อธิบายที่ 'จากเลขยังคงกระจายของประวัติศาสตร์ จากวัฒนธรรมที่พยายามจะสร้างธุรกิจเจียมเนื้อเจียมตัวยืม จากเพื่อนบ้านของไทย และอาณานิคมของไขมัน และขี้เกียจสยามไหมหนอน จิมทอมป์สัน'

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังผ้าไหมมาจากโบราณ จีน และอินเดีย ที่ฝึกการทอผ้าไหมเริ่มรอบ 1 ปี พ่อค้าจีนกระจายใช้ผ้าไหมในภูมิภาคต่าง ๆทั่วเอเชียผ่านทางการค้า บางบัญชีที่ระบุว่า นักโบราณคดีพบครั้งแรกในเส้นใยไหมในไทยได้กว่า 3 , 000 ปีในซากบ้าน เชียงเว็บไซต์มีการพิจารณาโดยมากจะเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ . [ 2 ]

แต่ ผ้าที่ผลิตบนที่ราบสูงโคราช มักใช้เพื่อการบริโภคส่วนตัว กับศาลพอใจที่จะซื้อ นำเข้า ผ้าไหมจีน มีความพยายามในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 การพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญด้านหม่อนไหมญี่ปุ่นคาเมทาโร โตยามา .แต่ความพยายามนี้ล้มเหลวเนื่องจากการขาดความสนใจในประเทศที่ผลิตสำหรับตลาดขนาดใหญ่ . [ 3 ]

แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเจ้าหน้าที่โอเอสอเมริกันเรียกจิม ทอมป์สันตัดสินใจว่าผ้าไหมจะได้รับความนิยมกลับมาที่บ้านที่อเมริกาและผ่านการเชื่อมต่อของเขาในนิวยอร์กเริ่มต้นการตลาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัสดุแบบสยาม . ในความเป็นจริงวัสดุที่เขาสร้างขึ้นมีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับสิ่งที่ได้รับก่อนหน้านี้ที่ผลิตในประเทศ แต่ถึงฉลาดสร้างโดยการพัฒนาช่วงของ ' ไทย ' รูปแบบ เขาจัดการเพื่อสร้างผ้าไหมเป็นแบรนด์ที่รู้จัก [ 4 ]

เขียนในบางกอกโพสต์ในปี 1949 อเล็กซานเดอร์แม็คอธิบายว่าจากตัวเลขของกระจัดกระจาย ซากของประวัติศาสตร์จากวัฒนธรรมที่ยืมจาก สยาม ประเทศเพื่อนบ้าน และจากอาณานิคมของไขมันและขี้เกียจหนอนไหมสยาม , จิม ทอมป์สัน พยายามที่จะสร้างธุรกิจที่เจียมเนื้อเจียมตัว .