Introductionthe suicide rate in the

Introduction
the suicide rate in the United States fell approximately
14 percent from 1985 to 1999.1 the decline
was largely attributed to the increased use of
selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI)
antidepressants during this same period.1
In 2004,
however, labeling for SSRIs, as well as all prescription
antidepressants in the United States, began to
include warnings of an increased risk for suicidal
thinking or behavior with use in children and
adolescents. this “boxed” warning also cautioned
prescribers, other healthcare providers, and
families to be vigilant for behavioral changes (e.g.,
hostility, agitation) in those taking antidepressants,
as these behaviors could be precursors to suicidal.
this class labeling change was based on a
meta-analysis conducted by the U.S. Food and Drug
Administration (FDA) that revealed a greater
incidence of possible suicidal (behavior or
ideation) in clinical trials of pediatric patients
treated with antidepressants, compared to
placebo.2
In 2007, following further analyses, the
FDA expanded the warning to include young adults
(18-24 years) among those potentially at risk

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนะนำอัตราการฆ่าตัวตายในสหรัฐอเมริกาลดลงประมาณร้อยละ 14 จากปี 1985 กับ 1999.1 ลดลงส่วนใหญ่ถูกบันทึกการใช้เพิ่มขึ้นselective serotonin reuptake ผล (SSRI)antidepressants ใน period.1 นี้เหมือนกัน ในปี 2004อย่างไรก็ตาม ติดฉลาก SSRIs เช่นเดียวกับใบสั่งยาทั้งหมดเริ่ม antidepressants ในสหรัฐอเมริการวมคำเตือนความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอยากฆ่าตัวตายความคิดหรือพฤติกรรมกับการใช้ในเด็ก และวัยรุ่น คำเตือนนี้ "กล่อง" นี้prescribers ผู้ให้บริการอื่น ๆ ด้านการดูแลสุขภาพ และครอบครัวให้ระวังการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (เช่นศัตรู อาการกังวลต่อ) ในเหล่านั้นสละ antidepressantsพฤติกรรมเหล่านี้อาจจะ precursors การอยากฆ่าตัวตายคลาสนี้ติดฉลากเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามmeta-analysis โดยสหรัฐอเมริกาอาหารและยาจัดการ (FDA) ที่เปิดเผยตัวมากกว่าเกิดอยากฆ่าตัวตายได้ (ลักษณะการทำงาน หรือideation) ในการทดลองทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กรับ antidepressants เปรียบเทียบกับplacebo.2 ในปี 2007 วิธีวิเคราะห์เพิ่มเติม การองค์การอาหารและยาขยายคำเตือนแก่ผู้ใหญ่(18-24 ปี) ที่อาจเสี่ยง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนำอัตราการฆ่าตัวตายในสหรัฐอเมริกาลดลงประมาณร้อยละ14 1985-1999.1 ลดลงเป็นผลมาจากส่วนใหญ่จะใช้เพิ่มขึ้นของserotonin เลือกยับยั้ง reuptake (SSRI) ซึมเศร้าในช่วง period.1 เดียวกันนี้ในปี2004 แต่การติดฉลากสำหรับกลุ่ม SSRIs เป็น เดียวกับใบสั่งยาซึมเศร้าในสหรัฐอเมริกาเริ่มที่จะรวมถึงคำเตือนของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับการฆ่าตัวตายความคิดหรือพฤติกรรมที่มีการใช้ในเด็กและวัยรุ่น นี้ "ชนิดบรรจุกล่อง" เตือนยังเตือนผู้สั่งจ่ายยาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพอื่นๆ และครอบครัวที่จะต้องระมัดระวังในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม(เช่นศัตรูกวน) ในผู้ที่สละซึมเศร้าเป็นพฤติกรรมเหล่านี้อาจจะเป็นสารตั้งต้นในการฆ่าตัวตาย. การเปลี่ยนแปลงการติดฉลากชั้นนี้อยู่บนพื้นฐานของmeta-analysis ดำเนินการโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐ(FDA) ที่เผยให้เห็นมากขึ้นอุบัติการณ์ของการฆ่าตัวตายที่เป็นไปได้(พฤติกรรมหรือความคิด) ในการทดลองทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กที่รับการรักษาด้วยยาต้านซึมเศร้าเมื่อเทียบกับplacebo.2 ในปี 2007 ต่อไปนี้การวิเคราะห์ต่อไปนี้องค์การอาหารและยาขยายคำเตือนที่จะรวมถึงคนหนุ่มสาว(18-24 ปี) ที่อาจเกิดขึ้นในหมู่ผู้ที่มีความเสี่ยง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนำ
อัตราการฆ่าตัวตายในสหรัฐอเมริกาลดลงประมาณร้อยละ 14 จากปี 1985

1999.1 ลดลงส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการใช้
selective serotonin reuptake inhibitor ( ssri )
ซึมเศร้าในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้ 1

แต่ในปี 2004 , การติดฉลากสำหรับ SSRIs รวมทั้ง antidepressants
ทั้งหมดในใบสั่งยา สหรัฐอเมริกาเริ่ม

,รวมถึงการเตือนของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับการคิดฆ่าตัวตาย
หรือพฤติกรรมที่มีการใช้ในเด็ก /
วัยรุ่น " กล่อง " เตือนก็เตือน
prescribers ผู้ให้บริการการดูแลสุขภาพอื่น ๆและครอบครัวระวังตัว
สำหรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ( เช่น
อริ การกวน ) ในผู้ที่สละ antidepressants ,
เป็นพฤติกรรมเหล่านี้ อาจเป็นสารตั้งต้นเพื่อฆ่าตัวตาย
ชั้นเปลี่ยนฉลากก็ขึ้นอยู่กับ
การสังเคราะห์งานวิจัยที่จัดทำโดยสหรัฐอเมริกาอาหารและ ยา ( FDA )
) พบว่ามีอุบัติการณ์สูงที่สุด (

) พฤติกรรมการฆ่าตัวตายหรือ ) ในการทดลองทางคลินิกของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านซึมเศร้า
,
2
เมื่อเทียบกับยาหลอก ใน 2007 , ตามการวิเคราะห์ต่อไป
FDA ขยายเตือนที่จะรวมเด็กผู้ใหญ่
( 18-24 ปี ) ระหว่างนั้นอาจเสี่ยง