ชนบท ดีกว่าในเมือง
๑ แน่นอนว่าในเมืองมีแต่สถานที่ท่องเที่ยวแบบปลูกสร้าง อย่างพวกห้าง บาร์ ผับ คือมันต้องมีสิ่งปลูกสร้างที่ทำจาก เหล็กและปูน ส่วนชนบทนี่ ไม่ต้องมีสิ่งปลูกสร้างก็สร้างความหย่อนใจได้ด้วย สถานที่อย่าง ภูเขา ทะเล แม่น้ำ ต้นไม่ใบหญ้า
๒ อยู่ชนบท จริงๆแล้วไปไหนมาไหนได้โดยแทบไม่ต้องจ่ายสตางค์ เพราะทุกคนมีน้ำใจ จะมีการให้ของกัน แบ่งปันกัน หรือบางทีผักหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติเราก็เก็บมาทำอาหารได้ไม่ต้องกังวลพวกมลพิษหรือกลัวใครมาฟ้องร้องแจ้งความ ส่วนในเมืองหน่ะเหรอ แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็จ่ายตังค์แล้ว เปลืองมากกกกก
๓ พูดถึงอาหาร บอกตรงๆว่าอาหารตามร้านอาหารกรุงเทพถ้าให้เทียบอาหารแบบบ้านๆ ตามชนบทนี่คนละโลก เพราะอาหารชาวบ้านเค้าทำอร่อยกว่า อีกอย่างเค้าทำทีไม่ใช่ทำแต่พอขาย แต่เค้าทำเพื่อแบ่งปันกันด้วย ฉะนั้น อาหารนี้ไม่ได้อร่อยแค่รสชาติแต่อร่อยไปถึงในจิตในใจ
๔ ในชนบทหลายพื้นที่ก็ยังคงผู้คนที่ยังดำเนินกิจวัตรประจำวันแบบไทยแท้คือ เช้าตักบาตร เย็นทำวัตร หรือตามงานเทศกาลก็จะมีประเพณีดั้งเดิมตามสถานที่นั้นๆ ซึ้งไม่ได้ให้ใครจัดขึ้นเป็นพิธีเพื่อแหกตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มาดู แต่เป็นการกระทำที่คนในละแวกนั้นเต็มใจทำกันเอง แถมยังได้เห็นความสมัครสมานสามัคคีแบบกันเองอีกด้วย
พอเห็นภาพบ้างหรือยัง ว่าชนบทที่แม้จะล้าหลังทางเทคโนโลยี แต่ศีลธรรมจริยธรรมของคนก็ยังคงเจริญอยู่จนสร้างเป็นอารยธรรมแก่พื้นที่ของตนเองได้จนทุกวันนี้ (และที่บอกมาข้างต้น ขอบอกว่าสังคมชนบทในไทยก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่จริงๆ)