บัวลอยสามสีกับสองไข่.. บัวลอยอร่อย ใส่ไข่ยิ่งอร่อย ^^
Share the post "บัวลอยสามสีกับสองไข่.. บัวลอยอร่อย ใส่ไข่ยิ่งอร่อย ^^"
บัวลอยไข่หวานและไข่เค็ม
บัวลอย ของหวานที่เป็นของโปรดของใครหลายๆคนค่ะ รวมทั้งเราและสามีด้วย แต่…ต้องทานอย่างระมัดระวังค่ะ เพราะมีทั้งแป้ง น้ำตาล กะทิ และไข่ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอ้วนนั่นเองค่ะ (บัวลอยของเราก็คือ บัวลอยไข่หวาน ที่นำมาปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีสีสันเพิ่มขึ้น หน้าตาน่ารับประทานมากขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของชื่อบัวลอยสามสีค่ะ สีสวยและอร่อยด้วย )
เมนูอร่อยวันนี้หมูเหมือนเดิมค่ะ เสียเวลาในการทำนิดหน่อย (ถ้าชวนคนในครอบครัวมาสนุกกัน มาช่วยกันทำ ทำไปคุยเล่นกันไปเผลอแผล็บเดียวก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ) แต่รับรองว่า เมื่อได้ทานแล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ (ขอเวอร์นิดๆ) ^^ พร้อมแล้วก็ตามไปดูวิธีทำบัวลอยไข่หวาน กันเลยค่ะ
วัตถุดิบ บัวลอยสามสี (บัวลอยไข่หวาน)
เผือกสดๆค่ะ (บัวลอยสีที่ 1) วิธีการเลือกเผือก เลือกผลที่หนักๆเอาไว้ค่ะ เพราะเนื้อที่ฝ่อทำให้ผลเผือกมีน้ำหนักเบา และผิวของเผือกไม่มีรอยช้ำ รอยบุ๋มหรือเน่าค่ะหั่นเผือกเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อให้สุกง่าย
เผือกสด
ฟักทอง (บัวลอยสีที่ 2) วิธีการเลือกก็คล้ายกับเผือกค่ะ ถ้าซื้อทั้งลูก เช่น ฟักทองญี่ปุ่น ให้เลือกลูกที่มีน้ำหนักมาก ผิวเรียบเกลี้ยง ไม่มีรอยถูกแทะ ช้ำ หรือบุบ ถ้าเป็นฟักทองไทยๆ ซื้อเป็นชิ้นที่แม่ค้าแบ่งขายจะง่ายกว่าค่ะ ให้ดูที่สีของเนื้อฟักทอง ถ้ามีสีอมเขียวอมเหลือง มีเนื้อแป้งนวล คือฟักทองที่แก่จัด นำมาปรุงอาหารอะไรก็อร่อยค่ะ และเหมาะสำหรับขนมบัวลอยของเราในวันนี้ค่ะ จะได้มีสีเหลืองสดใสน่ากินหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็ก เพื่อให้สุกง่ายเช่นกันค่ะ
ฟักทองญี่ปุ่น
เราจะนึ่งฟักทอง และเผือกกันก่อนค่ะ ใช้เวลาการนึ่งเมื่อน้ำเดือด จับเวลาประมาณ 5 นาทีค่ะ ถ้าเราหั่นชิ้นใหญ่ก็จะใช้เวลานึ่งนานกว่านั้นค่ะ
เผือกนึ่งและฟักทองนึ่ง
ระหว่างรอฟักทองและเผือกคลายความร้อน เราก็มาเตรียมน้ำใบเตย (บัวลอยสีที่ 3)ล้างใบเตยให้สะอาด โดยรูดตามความยาวใบเลยค่ะ จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กเพื่อนำไปปั่น เน้นว่าอย่าใส่น้ำลงไปมากนะคะ แต่ถ้าชอบสีอ่อนๆก็ตามแต่ความชอบเลยค่ะ ส่วนเราชอบสีเข้มๆเพราะมันหอมจริงๆ ^^
ใบเตยหั่นชิ้นเล็กๆ
ปั่นจนละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นนำไปกรองเอากากใบเตยออกค่ะ
เทใส่กระชอนเพื่อกรองกากใบเตยขยำให้น้ำออกมาให้หมดเลยค่ะ
ขยำให้น้ำออกมาให้หมดวัตถุดิบพร้อมแล้วค่ะ
วัตถุดิบพร้อม
ขั้นตอน/วิธีทำ บัวลอยสามสี
เริ่มลงมือกันเลยค่ะ นำเผือกที่นึ่งสุกแล้วมาบดให้ละเอียด แต่เราชอบแบบหยาบๆ เวลาเคี้ยวเจอเนื้อเผือกแล้วมันอร่อยมากเลยค่ะ
บดเผือกให้ละเอียดเมื่อละเอียดแล้ว ใส่แป้งข้าวเหนียวลงไปผสมค่ะ เน้นว่าค่อยๆใส่แป้งนะคะ (สำหรับคนที่ชอบเนื้อเผือกเยอะๆ) เพราะเผือกมีความชื้นอยู่เล็กน้อย ถ้าใส่มากไปเราต้องเพิ่มน้ำตามอีกค่ะ
ใส่แป้งข้าวเหนียวนวดให้เข้ากันค่ะ ถ้าแห้งเกินไป นวดแล้วจะเป็นเม็ดๆ ก็ค่อยๆเติมน้ำลงไปแล้วนวดจนเหนียวค่ะ
นวดให้เข้ากันเสร็จแล้วได้แบบนี้ค่ะ สังเกตว่าเนื้อแป้งของเรา จะมีเนื้อหยาบ เพราะเผือกเราบดไม่ละเอียด และเราใส่เนื้อเผือกเยอะค่ะ (ทำทานเองเอาให้อร่อยค่ะ ไม่ใส่สีและกลิ่น)
เสร็จแล้วค่ะจากนั้นใครมีลูกมีหลาน ก็เอามาร่วมสนุกในขั้นตอนการปั้นนี้ได้เลยค่ะ
ปั้นเป็นลูกขนาดตามชอบค่ะต่อด้วยฟักทองค่ะ ฟักทองจะบดง่ายกว่าเผือกค่ะ เพราะในเนื้อฟักทองนึ่งมีน้ำอยู่มาก
ฟักทองบดจากนั้นนำมานวดกับแป้งข้าวเหนียว และเหมือนเดิมค่ะ ให้ค่อยๆใส่แป้งค่ะ
นวดฟักทองกับแป้งข้าวเหนียวนวดจนได้ที่จะได้แบบนี้ค่ะ
นวดได้ที่แล้วและนำมาเป็นลูกๆเล็กๆเหมือนกันกับเผือกเลยค่ะ
ปั้นเป็นลูกเล็กๆสุดท้าย น้ำใบเตยสีเขียวของเราค่ะ
นวดแป้งกับบ้ำใบเตยนวดให้เข้ากัน
นวดให้เข้ากันจนได้แบบนี้ สังเกตว่า น้ำใบเตยเข้มข้นของเรา นวดออกมาแล้วสีอ่อนจัง แต่พอสุกแล้วก็สวยสุดๆเลยค่ะ
นวดเสร็จแล้วจากนั้นก็หน้าที่ลูกหลานค่ะ เทคนิคในการปั้น (ทำไมเพิ่งจะมาบอกเนี่ย??) ^^ ปั้นเป็นแท่งยาวๆ แล้วบิออกมาเป็นส่วนๆ แล้วคลึงให้กลมค่ะ
ปั้นบัวลอยเสร็จแล้วค่ะ
เสร็จไปอีกหนึ่งสี
จากนั้นเราจะเอาบัวลอยที่เราปั้นเสร็จแล้ว ผึ่งลมไว้ก่อนนะคะ เพื่อเพิ่มความเหนียวค่ะ ส่วนใครที่ปั้นออกมาแล้วเหลวเกินไป นำเข้าตู้เย็นหรือผึ่งลมให้แห้งนานอีกหน่อยและใครที่ปั้นออกมาแล้วเยอะเกิน ทานไม่หมดแน่ๆ แบ่งเก็บใส่กล่องปิดฝาให้เรียบร้อย อยู่ได้ 3 วันเลยค่ะ ลองเก็บมาแล้ว (ถ้าใครลองเก็บได้นานกว่านี้บอกกันด้วยนะคะ ^^)จากนั้นตั้งหม้อใส่น้ำและน้ำตาลนะคะ เราจะทำไข่หวานกันก่อน ทานกี่คนกี่ฟองก็ทำตอนนี้เลยค่ะ อ้อ ถ้าหากเราใช้น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี ที่สีออกสีน้ำตาลอ่อน ไข่หวานของเราจะสีออกแดงๆ ไม่สวยแต่ดีต่อสุขภาพกว่าค่ะ แต่ถ้าเราใช้น้ำตาลทรายขาวล่ะก็ ไข่หวานที่ได้หน้าตาสวยเลยล่ะค่ะ (สำหรับคนที่อยากทำขายควรเลือกน้ำตาลทรายขาว) และวันนี้เราเลือกที่ความสวยค่ะ ^^
ตั้งหม้อใส่น้ำและน้ำตาล
เมื่อน้ำเดือดแล้ว น้ำตาลละลายหมดแล้วให้หรี่ไฟอ่อนไว้ค่ะ แล้วค่อยใส่ไข่ลงไป
ใส่ไข่ชอบสุกดิบแค่ไหนตามความชอบเลยค่ะ ส่วนไข่เค็มเราใช้ไข่เค็มดิบ แยกเอาแต่ไข่แดง ไปลวกน้ำร้อนค่ะ (ขออภัยไม่มีภาพ)
ไข่หวานแบบดิบๆและนี่คือไข่หวานจากน้ำตาลทรายไม่ฟอกสีค่ะ ถ้าเราทำน้ำกะทิสีเขียวโดยใส่น้ำใบเตยลงไปด้วย เราใช้น้ำตาลธรรมชาติได้เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวน้ำกะทิสีไม่สวย เพราะสีเขียวข่มหมดเลยค่ะ
ไข่หวานจากน้ำตาลทรายธรรมชาคิจากนั้นน้ำเชื่อมที่เราต้มไข่หวานก็ใส่หางกะทิ หรือน้ำเปล่าค่ะ (ที่ใส่น้ำเปล่าเพราะบางครั้งเราซื้อกะทิแบบคั้นแห้ง เราไม่มีหางกะทิ ก็ต้มน้ำเปล่าไปก่อนค่ะ พอทุกอย่างสุกหมดแล้ว เราก็ใส่หัวกะทิเป็นขั้นตอนสุดท้าย)
ต้มหางกะทิ ใส่น้ำตาลใส่เกลือป่นเล็กน้อย เพื่อให้รสชาติหวานแหลมค่ะ จัดการชิมรสชาติให้ได้ที่นะคะ เอาให้รสจัดไว้นิดหน่อย เพราะเราจะใส่หัวกะทิอีกค่ะ
ใส่เกลือป่นเมื่อน้ำเดือด ตามด้วยบัวที่ยังไม่ลอยค่ะ
ใส่เม็ดบัวจมและเมื่อบัวจมสุก มันก็จะลอยขึ้นมาเป็นบัวลอยค่ะ
เดือดพล่านเลยกลายเป็นบัวลอยหมดแล้วค่ะ
บัวลอยของแท้จากนั้นตามด้วยหัวกะทิ ซึ่งหัวกะทิที่เราใช้นั้น เป็นกระทิข้นๆ ที่ใช้สำหรับทำขนมจริงๆ ค่ะ เพราะตอนซื้อจะสั่งค่ะว่าคั้นแห้ง