3.3 Methodology of reliability test

3.3 Methodology of reliability testing
It is necessary to find the reliability of the EFQM scale and it is going to be tested through the usage of five
models. It is necessary to indicate that the sample of this pilot study was chosen randomly and all the variablesmeasurements
are independent. The data for analysis was based on 5-Likert equal in strength rating. Also, every
couple of variables had bivariate normality. Each item was linearly correlated with the sum of all the items which
indicates that the type of the developed scale was an additive model (Dafermos, 2011). Moreover, statistics errors
were uncorrelated within the various variables.
The following five models of reliability testing, suggesting by Dafermos (Dafermos, 2011) is going to be
presented.
1. Model Alfa (Cronbach’s α). This measures the reliability of the measurement scale with the sense of internal
consistency, it is based on the average of all the correlations of all the variables per two and it is independent from
the setting of questions. Specifically, the evaluation of the reliability and internal consistency of the questionnaire is
achieved by the contribution of the coefficient alpha (α) of Cronbach (Cronbach, 1984). According to Nunnally
(1978) and (Dafermos, 2009) this coefficient is considered to be the most important coefficient and it is based on the
number of the variables/items of the questionnaire and their interrelation. In addition, the coefficient alpha (α) is the
most important coefficient of internal consistency and it is based on the average of all the variables’ correlations and
it is independent from their disposition (Anastasiadou, 2006).
2. Model Spit-Half. It divides the measurement scale in two, not necessarily, equal parts and furthermore, it
examines whether the two parts have any correlation (Dafermos, 2009).
3. Model Guttman. It estimates the lowest limits of the coefficient for the real reliability (Dafermos, 2011)
4. Model Parallel. It assumes that all variables-items that constitute the measurement scale have equal variances
and equal error variances within the structure of replications.
5. Model Strict Parallel. It has the same acceptances (acknowledgements) to the model parallel and is based on
the assumption that all the items of the questionnaire have equal averages (Dafermos, 2009). As the Model Parallel
as the Model Strict Parallel are tests that estimate the adjustment level of a notional structure to the available data.
They also evaluate the common and the true dispersion, the common correlation of the variables and finally, provide
with impartial reliability.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3.3 วิธีการของการทดสอบความน่าเชื่อถือจำเป็นต้องค้นหาความน่าเชื่อถือของขนาด EFQM และมันจะถูกทดสอบ โดยการใช้ห้ารูปแบบจำลอง มันเป็นความจำเป็นในการบ่งชี้ว่า ตัวอย่างของการศึกษานำร่องนี้ถูกเลือกแบบสุ่มและ variablesmeasurements ทั้งหมดเป็นอิสระ ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์เป็นไปตามเท่ากับ 5 Likert ในอันดับความแข็งแกร่ง ยัง ทุกbivariate normality คู่ของตัวแปรได้ สินค้าแต่ละรายการมีเชิงเส้น correlated กับผลรวมของรายการทั้งหมดที่บ่งชี้ว่า ชนิดของระดับการพัฒนาเป็นแบบจำลองสามารถ (Dafermos, 2011) นอกจากนี้ สถิติข้อผิดพลาดมี uncorrelated ภายในตัวแปรต่าง ๆรุ่น 5 ต่อไปนี้การทดสอบความน่าเชื่อถือ แนะนำ โดย Dafermos (Dafermos, 2011) เป็นไปได้การนำเสนอ1. รุ่นอัลฟ่า (Cronbach ของด้วยกองทัพ) ซึ่งวัดความน่าเชื่อถือของสเกลวัด ด้วยความรู้สึกภายในความสอดคล้อง มันขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวแปรทั้งหมดต่อสอง และเป็นอิสระจากตั้งคำถาม โดยเฉพาะ การประเมินความน่าเชื่อถือและความสอดคล้องภายในของแบบสอบถามเป็นทำได้ โดยการผันแปรของสัมประสิทธิ์อัลฟา (ด้วยกองทัพ) ของ Cronbach (Cronbach, 1984) ตาม Nunnally(1978) (Dafermos, 2009) และสัมประสิทธิ์นี้ถือเป็นค่าสัมประสิทธิ์ที่สำคัญ และเป็นจำนวนของตัวแปร/รายการแบบสอบถามความสัมพันธ์ของพวกเขา นอกจากนี้ อัลฟาสัมประสิทธิ์(ด้วยกองทัพ) เป็นการสัมประสิทธิ์ของความสอดคล้องภายในและที่สำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งหมด และเป็นอิสระจากการโอนการครอบครอง (Anastasiadou, 2006)2. รูปแบบแบ่งครึ่ง มันแบ่งสเกลวัด 2 เท่ากับชิ้นส่วนไม่จำเป็น และนอกจาก นี้ มันตรวจสอบว่าส่วนที่สองมีความสัมพันธ์ใด ๆ (Dafermos, 2009)3. รุ่น Guttman มันประเมินค่าขีดจำกัดต่ำสุดของค่าสัมประสิทธิ์สำหรับความน่าเชื่อถือจริง (Dafermos, 2011)4. แบบขนาน สมมติว่า รายการตัวแปรที่ประกอบเป็นมาตราวัดทั้งหมดมีผลต่างเท่ากับและเท่ากับผลต่างของข้อผิดพลาดภายในโครงสร้างของระยะ5. รูปแบบควบคู่กันอย่างเข้มงวด มีอำนาจกระทำเดียวกัน (ถาม-ตอบ) จะขนานรุ่น และขึ้นอยู่กับอัสสัมชัญที่ได้เท่ากับรายการทั้งหมดของแบบสอบถามหาค่าเฉลี่ย (Dafermos, 2009) เป็นขนานรุ่นเป็นการจำลองอย่างเข้มงวดพร้อมได้ทดสอบที่ประเมินการปรับปรุงระดับของโครงสร้างข้อมูลแบบประจำชาติพวกเขายัง ประเมินมวลและการกระจายตัวจริง ความสัมพันธ์ทั่วไปของตัวแปร และในที่สุด ให้ด้วยความเป็นธรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3.3
วิธีการทดสอบความน่าเชื่อถือของมันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะพบว่าความน่าเชื่อถือของขนาดEFQM
และมันเป็นไปได้ที่จะมีการทดสอบการใช้งานผ่านห้ารุ่น มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นตัวอย่างของการศึกษานำร่องนี้ได้รับเลือกแบบสุ่มและ variablesmeasurements
ทั้งหมดที่มีความเป็นอิสระ ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์อยู่บนพื้นฐานของ 5 Likert เท่ากันในอันดับความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ทุกคู่ของตัวแปรที่มีภาวะปกติ bivariate
แต่ละรายการมีความสัมพันธ์เป็นเส้นตรงกับผลรวมของรายการทั้งหมดซึ่งแสดงให้เห็นว่าชนิดของระดับการพัฒนารูปแบบการเป็นสารเติมแต่ง (Dafermos 2011)
นอกจากนี้ยังมีข้อผิดพลาดสถิติถูก uncorrelated ภายในตัวแปรต่างๆ. ต่อไปนี้ห้ารูปแบบของการทดสอบความน่าเชื่อถือบอกโดย Dafermos (Dafermos 2011) กำลังจะถูกนำเสนอ. 1 รุ่นอัลฟ่า (αของครอนบาค) มีขนาดความน่าเชื่อถือของการวัดขนาดด้วยความรู้สึกภายในที่สอดคล้องก็จะขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวแปรทั้งหมดต่อสองและเป็นอิสระจากการตั้งค่าของคำถาม โดยเฉพาะการประเมินผลของความน่าเชื่อถือและความสอดคล้องภายในของแบบสอบถามจะทำได้โดยการมีส่วนร่วมของค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α) ของครอนบาค (Cronbach, 1984) ตามที่ Nunnally (1978) และ (Dafermos 2009) ค่าสัมประสิทธิ์นี้จะถือเป็นค่าสัมประสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดและมันจะขึ้นอยู่กับจำนวนของตัวแปร/ รายการแบบสอบถามและความสัมพันธ์ของพวกเขา นอกจากนี้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α) เป็นค่าสัมประสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของความมั่นคงภายในและมันขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งหมดและมันมีความเป็นอิสระจากการขายของพวกเขา(Anastasiadou 2006). 2 รุ่น Spit ครึ่ง มันแบ่งระดับการวัดในสองไม่จำเป็นต้อง, ส่วนเท่า ๆ กันและนอกจากนี้ก็จะตรวจสอบว่าทั้งสองส่วนมีความสัมพันธ์ใดๆ (Dafermos 2009). 3 รุ่น Guttman มันประเมินขีด จำกัด ต่ำสุดของค่าสัมประสิทธิ์สำหรับความน่าเชื่อถือจริง (Dafermos 2011) 4 รุ่นขนาน ก็ถือว่าตัวแปรทุกรายการที่เป็นระดับการวัดมีความแปรปรวนเท่ากันและความแปรปรวนเท่ากับข้อผิดพลาดภายในโครงสร้างของซ้ำได้. 5 รุ่นขนานเข้มงวด แต่ก็มีการรับรองเดียวกัน (กิตติกรรมประกาศ) เพื่อขนานรูปแบบและอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานที่ว่าทุกรายการของแบบสอบถามมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ(Dafermos 2009) ในฐานะที่เป็นคู่ขนานรุ่นเป็นรุ่นขนานเข้มงวดการทดสอบประเมินว่าระดับของการปรับโครงสร้างทางความคิดเพื่อข้อมูลที่มีอยู่. พวกเขายังประเมินร่วมกันและกระจายความจริงความสัมพันธ์ร่วมกันของตัวแปรและในที่สุดก็ให้มีความน่าเชื่อถือที่เป็นกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3.3 วิธีการ
การทดสอบความน่าเชื่อถือมันเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อหาค่าความเที่ยงของ efqm มาตราส่วน และมันกำลังถูกทดสอบด้วยการใช้ห้า
รุ่น มันเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อบ่งชี้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษานำร่องครั้งนี้ถูกเลือกแบบสุ่มและทั้งหมด variablesmeasurements
อิสระ ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์บนพื้นฐานของ 5-likert เท่ากับแรงในการประเมิน นอกจากนี้ทุก
คู่ของตัวแปรได้โดยใช้การแจกแจงแบบปกติ แต่ละรายการมีความสัมพันธ์เป็นเส้นตรงกับผลรวมของรายการทั้งหมดที่
พบว่าประเภทของการพัฒนาและสารเติมแต่งแบบ ( dafermos , 2011 ) นอกจากนี้ สถิติข้อผิดพลาด
ถูก uncorrelated ภายในตัวแปรต่าง ๆ .
5 รุ่นของการทดสอบความน่าเชื่อถือดังต่อไปนี้ แนะนำโดย dafermos ( dafermos 2011 ) จะนำเสนอ
.
1รุ่นอัลฟ่า ( มีค่าα ) มาตรการนี้ความน่าเชื่อถือของการวัดค่าความรู้สึกของความสอดคล้องภายใน
มันขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของความสัมพันธ์ของตัวแปรต่อ 2 และเป็นอิสระจาก
การตั้งค่าของคำถาม โดยเฉพาะการประเมินความน่าเชื่อถือและความสอดคล้องภายในของแบบสอบถาม
โดยผลงานของสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ( α ) ( ครอนบาค , 1984 ) ตามนันนาลี่
( 1978 ) และ ( dafermos 2009 ) วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญที่สุดและมันขึ้นอยู่กับจำนวนของตัวแปร
/ รายการของแบบสอบถาม และความสัมพันธ์ของพวกเขา นอกจากนี้ ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา ( α
) คือที่สำคัญที่สุดของสัมประสิทธิ์ความสอดคล้องภายในและมันขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของทุกตัวแปรความสัมพันธ์และเป็นอิสระจากนิสัยของพวกเขา
( anastasiadou , 2006 )
2 แบบพ่นครึ่งหนึ่ง มันแบ่งการวัดในระดับสอง ไม่จําเป็น ส่วนเท่ากันและนอกจากนี้
ตรวจสอบว่าทั้งสองส่วนมีความสัมพันธ์ ( dafermos , 2009 ) .
3 แบบกัตต์แมน .ซึ่งประมาณการต่ำสุดขีด จำกัด ของค่าสัมประสิทธิ์สำหรับความน่าเชื่อถือจริง ( dafermos 2011 )
4 แบบขนาน ก็ถือว่า ตัวแปรทั้งหมดรายการที่ถือเป็นการวัดขนาดมีความแปรปรวนและความแปรปรวนเท่ากับเท่ากับ
ข้อผิดพลาดภายในโครงสร้างของซ้ำ .
5 เข้มงวดแบบขนาน มันมีทำกัน ( ขอบคุณ ) แบบขนานและขึ้นอยู่กับ
สันนิษฐานว่ารายการทั้งหมดของแบบสอบถามได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( dafermos , 2009 ) เป็นแบบขนาน
เป็นแบบขนานมีการทดสอบที่เข้มงวดกะการปรับระดับของโครงสร้างทางความคิดกับข้อมูลที่มีอยู่ พวกเขายังประเมิน
ร่วมและกระจายจริง ความสัมพันธ์กันของตัวแปรและในที่สุดให้
แบบยุติธรรม