The research objective was to empir

The research objective was to empirically examine the relationship
between construction quality and safety performance for the first
time. Data from 32 construction projects of varying size, scope,
and location were collected to meet this objective. On the basis
of the empirical and opinion-based data analysis, it is evident that
there is a correlation between construction safety performance and
construction quality. The empirical data suggest two relationships
that support this finding: the recordable injury rate is positively
correlated to rework, and the first-aid rate is positively correlated to number of defects. The authors conclude that a project with
a poor quality performance has a higher likelihood of injuries.
The opinion-based data support this finding, showing that there
is a relationship between perceived safety on a project and perceived
construction quality. Finally, qualitative interview data were
used to discover more specifically why a relationship exists and
possible management approaches to simultaneous improvement of
safety and quality.
The empirical findings fill a significant gap in the existing
literature by using project-based data to explain the relationship between
quality and safety. Although existing literature used opinionbased
data to anecdotally establish a relationship (Hatush and
Skitmore 1997; Hoonakker et al. 2010), previous research had
not mathematically modeled the interaction between quality and
safety. Because the empirical findings were supported by the
opinion-based data, this work supports the existing body of knowledge
and validates previous qualitative studies. Effectively, the
authors repeated the qualitative opinion-based portion of other studies
and concluded that their findings were accurate and repeatable
and that there was a theoretical relationship between quality and
safety. This combination of empirical and opinion-based data provides
a firm base on which to build future studies. Although safety is
a desirable outcome by itself, companies must balance safety investments
with a number of other business decisions. On a strategic
level, this study reveals that safety and quality are related on construction
projects, and that there are management strategies that can
jointly improve safety and quality performance. This is important
because it allows better allocation of resources and links an outcome
desired by owners (quality) to a liability held by contractors (safety).
Furthermore, a number of useful management strategies have been
identified that simultaneously improve safety and quality. These include
devoting resources to preplanning, dedicating the necessary
time to complete tasks well during estimating, encouraging leadership
on a crew level, and encouraging workers to take pride in their
work by holding them accountable for their responsibilities.
Linking safety to quality provides the academic field with a
more holistic pathway to encouraging safety improvements. Some
researchers have taken a more holistic perspective, examining how
total quality management (TQM) can lead to simultaneous
improvement of both safety and quality. With this approach, researchers
can begin to explore construction safety in terms of
the confounding factors and complexity that are inherent in an
actual worksite.
Future studies can build on this research paradigm in a number
of ways. First, the extant literature has yet to relate safety to other
confounding factors on construction sites. For instance, simple
building practices versus complex construction may positively or
negatively impact safety performance and strengthen the argument
that one should design for safety. Similarly, the project delivery
method may affect safety on a project, but current studies provide
no empirical evidence. It is important for future research to empirically
relate safety to other factors on construction sites to provide
added incentive to drive safety forward.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์การวิจัยคือการ empirically ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างก่อสร้างคุณภาพและความปลอดภัยประสิทธิภาพในครั้งแรกเวลา ข้อมูลจากโครงการก่อสร้าง 32 ขนาดแตกต่างกัน ขอบเขตและสถานถูกเก็บรวบรวมเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์นี้ บนพื้นฐานวิเคราะห์ข้อมูล ตามความคิด และประจักษ์ จึงเห็นได้ชัดที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการทำงานความปลอดภัยงานก่อสร้าง และคุณภาพก่อสร้าง รวมข้อมูลแนะนำสองความสัมพันธ์ที่สนับสนุนการค้นหานี้: อัตราการบาดเจ็บลงเป็นบวกcorrelated ตามปกติ และอัตราการปฐมพยาบาลเป็นบวก correlated จำนวนข้อบกพร่อง ผู้เขียนสรุปที่โครงการที่มีประสิทธิภาพคุณภาพไม่ดีมีโอกาสสูงขึ้นของการบาดเจ็บข้อมูลตามความเห็นสนับสนุนการค้นหานี้ แสดงที่มีความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ด้านความปลอดภัยในโครงการ และการรับรู้คุณภาพก่อสร้าง ในที่สุด ข้อมูลสัมภาษณ์เชิงคุณภาพได้ใช้ได้มากขึ้นโดยเฉพาะเหตุความสัมพันธ์อยู่ และแนวทางการจัดการได้ปรับปรุงพร้อมคุณภาพและความปลอดภัยค้นพบประจักษ์เติมช่องว่างสำคัญที่มีอยู่วรรณกรรม โดยใช้ข้อมูลตามโครงการเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพและความปลอดภัย ถึงแม้ว่าวรรณกรรมที่มีอยู่ใช้ opinionbasedข้อมูลการสร้างความสัมพันธ์ anecdotally (Hatush และSkitmore 1997 Hoonakker et al. 2010), การวิจัยก่อนหน้านี้ได้ไม่ mathematically จำลองการโต้ตอบระหว่างคุณภาพ และความปลอดภัย เนื่องจากค้นพบประจักษ์ได้รับการสนับสนุนโดยการข้อมูลใช้ความคิด งานนี้รองรับร่างกายที่มีอยู่ของความรู้และตรวจสอบคุณภาพศึกษาก่อนหน้านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผู้เขียนซ้ำส่วนตามความคิดเห็นที่คุณภาพของการศึกษาอื่น ๆและสรุปผลการวิจัยของพวกเขาได้ถูกต้อง และทำซ้ำและว่า มีทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพ และความปลอดภัย แสดงนี้ชุดข้อมูล ตามความคิด และประจักษ์บริษัทฐานที่จะสร้างการศึกษาในอนาคต แม้ว่าความปลอดภัยเป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ ด้วยตัวเอง บริษัทต้องดุลการลงทุนความปลอดภัยมีหมายเลขของการตัดสินใจทางธุรกิจอื่น ๆ ในกลยุทธ์ระดับ การศึกษานี้พบว่า สัมพันธ์ที่ คุณภาพและความปลอดภัยในงานก่อสร้างโครงการ และที่มีกลยุทธ์การจัดการที่สามารถร่วมปรับปรุงประสิทธิภาพคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะช่วยให้ดีขึ้นการปันส่วนทรัพยากรและเชื่อมโยงผลต้อง โดยเจ้าของ (คุณภาพ) กับภาระรับผิดชอบ โดยผู้รับเหมา (ความปลอดภัย)นอกจากนี้ จำนวนกลยุทธ์การจัดการเป็นประโยชน์ได้ระบุที่พร้อมปรับปรุงคุณภาพและความปลอดภัย เหล่านี้รวมถึงdevoting ทรัพยากรการ preplanning ทุ่มเทที่จำเป็นเวลาการทำงานด้วยประมาณ ส่งเสริมความเป็นผู้นำในระดับลูกเรือ และส่งเสริมให้คนมีความภาคภูมิใจในตนทำงาน โดยถือความรับผิดชอบความรับผิดชอบเชื่อมโยงความปลอดภัยคุณภาพให้เขตศึกษากับการทางเดินแบบองค์รวมมากขึ้นเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยนิมิต บางนักวิจัยได้นำมุมมองแบบองค์รวมมากขึ้น ตรวจสอบอย่างไรการจัดการคุณภาพรวม (TQM) อาจทำให้เกิดปรับปรุงคุณภาพและความปลอดภัย ด้วยวิธีนี้ นักวิจัยสามารถเริ่มต้นการก่อสร้างความปลอดภัยในแง่ของปัจจัยและความซับซ้อนที่ใน confounding การผลงานของจริงการศึกษาในอนาคตสามารถสร้างกระบวนทัศน์การวิจัยนี้จำนวนวิธีการ ครั้งแรก วรรณคดียังยังไม่ได้เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยอื่น ๆconfounding ปัจจัยในไซต์ก่อสร้าง ตัวอย่าง เรื่องอาคารปฏิบัติเทียบกับการก่อสร้างที่ซับซ้อนอาจบวก หรือส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยประสิทธิภาพ และเสริมสร้างอาร์กิวเมนต์ส่งนั้นควรออกแบบเพื่อความปลอดภัย ในทำนองเดียวกัน การส่งมอบโครงการวิธีอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในโครงการ แต่มีการศึกษาปัจจุบันไม่มีหลักฐานประจักษ์ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิจัยในอนาคต empiricallyความปลอดภัยเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่น ๆ ในการก่อให้เพิ่มการจูงใจเพื่อความปลอดภัยขับรถไปข้างหน้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์การวิจัยคือการสังเกตุตรวจสอบความสัมพันธ์
ระหว่างคุณภาพและประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยสำหรับแรก
เวลา ข้อมูลจาก 32 โครงการก่อสร้างที่มีขนาดแตกต่างกัน, ขอบเขต
และทำเลที่ตั้งที่ถูกเก็บรวบรวมเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์นี้ บนพื้นฐาน
ของการทดลองและความเห็นตามการวิเคราะห์ข้อมูลจะเห็นว่า
มีความสัมพันธ์ระหว่างผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างและ
คุณภาพการก่อสร้าง ข้อมูลเชิงประจักษ์แนะนำสองความสัมพันธ์
ที่สนับสนุนการค้นพบนี้: อัตราการบาดเจ็บที่บันทึกเป็นบวก
ความสัมพันธ์กับการทำงานซ้ำและอัตราการปฐมพยาบาลมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับจำนวนข้อบกพร่อง เขียนสรุปว่าโครงการที่มี
ประสิทธิภาพการทำงานที่มีคุณภาพดีมีความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นของการบาดเจ็บ.
ข้อมูลความคิดเห็นตามสนับสนุนการค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่ามี
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างความปลอดภัยการรับรู้เกี่ยวกับโครงการและการรับรู้
คุณภาพการก่อสร้าง สุดท้ายข้อมูลการสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ
ที่ใช้ในการค้นพบโดยเฉพาะเหตุผลที่มากขึ้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่และ
เป็นไปได้วิธีการจัดการเพื่อการปรับปรุงพร้อมกันของ
ความปลอดภัยและคุณภาพ.
ผลการวิจัยเชิงประจักษ์เติมช่องว่างอย่างมีนัยสำคัญที่มีอยู่ใน
วรรณคดีโดยใช้ข้อมูลตามโครงการที่จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
คุณภาพ และความปลอดภัย แม้ว่าวรรณกรรมที่มีอยู่ใช้ opinionbased
ข้อมูลไปยัง anecdotally สร้างความสัมพันธ์ (Hatush และ
Skitmore. 1997; Hoonakker et al, 2010), วิจัยก่อนหน้านี้ได้
สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพและ
ความปลอดภัย เพราะผลการวิจัยเชิงประจักษ์ได้รับการสนับสนุนโดย
ข้อมูลความคิดเห็นตามงานนี้สนับสนุนร่างกายที่มีอยู่ของความรู้
และตรวจสอบคุณภาพการศึกษาก่อนหน้านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้เขียนซ้ำส่วนความคิดเห็นตามคุณภาพของการศึกษาอื่น ๆ
และได้ข้อสรุปว่าการค้นพบของพวกเขามีความถูกต้องและทำซ้ำ
และบอกว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีที่มีคุณภาพและ
ความปลอดภัย การรวมกันของข้อมูลเชิงประจักษ์และความเห็นตามที่มี
ฐาน บริษัท ที่จะสร้างการศึกษาในอนาคต แม้ว่าความปลอดภัยเป็น
ผลที่น่าพอใจด้วยตัวเอง บริษัท จะต้องรักษาความสมดุลของการลงทุนด้านความปลอดภัย
ที่มีจำนวนของการตัดสินใจทางธุรกิจอื่น ๆ ในเชิงกลยุทธ์
ระดับการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าคุณภาพและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
โครงการและที่มีกลยุทธ์การจัดการที่สามารถ
ร่วมกันปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานที่มีคุณภาพ นี้เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะจะช่วยให้การจัดสรรทรัพยากรที่ดีขึ้นและการเชื่อมโยงผล
ที่ต้องการโดยเจ้าของ (คุณภาพ) ที่จะจัดขึ้นรับผิดโดยผู้รับเหมา (ปลอดภัย).
นอกจากนี้จำนวนของกลยุทธ์การจัดการที่มีประโยชน์ได้รับการ
ระบุว่าพร้อมกันปรับปรุงความปลอดภัยและคุณภาพ เหล่านี้รวมถึง
การอุทิศทรัพยากรเพื่อการวางแผนล่วงหน้าพลีจำเป็น
เวลาเพื่อให้งานดีในช่วงประมาณส่งเสริมความเป็นผู้นำ
ในระดับลูกเรือและส่งเสริมให้คนงานที่จะนำความภาคภูมิใจของพวกเขาใน
การทำงานโดยถือพวกเขารับผิดชอบสำหรับความรับผิดชอบของตน.
การเชื่อมโยงที่มีคุณภาพความปลอดภัยในการให้ข้อมูลทางวิชาการ กับ
ทางเดินแบบองค์รวมมากขึ้นเพื่อส่งเสริมให้การปรับปรุงความปลอดภัย บาง
นักวิจัยได้นำมุมมองแบบองค์รวมมากขึ้นการตรวจสอบวิธีการ
จัดการคุณภาพโดยรวม (TQM) สามารถนำไปสู่การพร้อมกัน
ทั้งการปรับปรุงความปลอดภัยและคุณภาพ ด้วยวิธีการนี้นักวิจัย
สามารถเริ่มต้นในการสำรวจความปลอดภัยในการก่อสร้างในแง่ของ
ปัจจัยและความซับซ้อนที่มีอยู่ใน
สถานที่ทำงานที่เกิดขึ้นจริง.
การศึกษาในอนาคตสามารถสร้างกระบวนทัศน์การวิจัยครั้งนี้ในหลาย
วิธี ครั้งแรกที่วรรณกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอื่น ๆ
ปัจจัยในสถานที่ก่อสร้าง ยกตัวอย่างง่าย
ปฏิบัติอาคารเมื่อเทียบกับการก่อสร้างที่มีความซับซ้อนในเชิงบวกหรืออาจจะ
ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพความปลอดภัยและเสริมสร้างการโต้แย้ง
ว่าควรออกแบบเพื่อความปลอดภัย ในทำนองเดียวกันการส่งมอบโครงการ
วิธีการอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในโครงการ แต่การศึกษาในปัจจุบันให้
ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิจัยในอนาคตที่จะสังเกตุ
ที่เกี่ยวข้องความปลอดภัยให้กับปัจจัยอื่น ๆ ในสถานที่ก่อสร้างเพื่อให้การ
เพิ่มแรงจูงใจในการขับรถไปข้างหน้าเพื่อความปลอดภัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการใช้
ก่อสร้างที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพความปลอดภัยเป็นครั้งแรก

ข้อมูลจากโครงการก่อสร้างที่แตกต่างกันขนาด , ขอบเขต ,
และสถานที่จำนวนเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์นี้ บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ และความเห็น
การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน พบว่า มีความสัมพันธ์ระหว่าง

ประสิทธิภาพความปลอดภัยและการก่อสร้างคุณภาพการก่อสร้าง ข้อมูลเชิงประจักษ์แนะนำสองความสัมพันธ์
ที่สนับสนุนนี้ พบอัตราการบาดเจ็บบันทึกบวก
ความสัมพันธ์ตามปกติ และอัตราการปฐมพยาบาล มีความสัมพันธ์กับจำนวนของข้อบกพร่อง ผู้เขียนสรุปว่า โครงการที่มีประสิทธิภาพคุณภาพไม่ดี
มีที่สูงกว่าโอกาสของการบาดเจ็บ .
ความคิดเห็นตามข้อมูลสนับสนุนการค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่ามี
คือ ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความปลอดภัยในโครงการและการรับรู้
คุณภาพการก่อสร้าง และการสัมภาษณ์เชิงปริมาณ
เคยค้นพบมากขึ้นโดยเฉพาะทำไมความสัมพันธ์ที่มีอยู่และวิธีการจัดการที่เป็นไปได้เพื่อปรับปรุงพร้อมกัน


ของความปลอดภัยและคุณภาพ ผลการวิจัยเชิงประจักษ์เติมช่องว่างที่สำคัญในที่มีอยู่
วรรณกรรม โดยใช้โครงงานข้อมูลเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
คุณภาพและความปลอดภัย แม้ว่าวรรณกรรมที่มีอยู่ใช้ opinionbased
ข้อมูล anecdotally สร้างความสัมพันธ์ ( hatush และ
skitmore 1997 ; hoonakker et al . 2010 ) , การวิจัยก่อนหน้านี้ไม่จําลองทางคณิตศาสตร์ได้

ระหว่างคุณภาพและความปลอดภัย เพราะผลการวิจัยเชิงประจักษ์ได้รับการสนับสนุนโดย
ความคิดเห็นตามข้อมูลที่มีอยู่ งานนี้สนับสนุนองค์ความรู้ และแนวทางการศึกษาเชิงคุณภาพ
ก่อนหน้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ,
เขียนซ้ำความเห็นเชิงคุณภาพที่ใช้ส่วนของ
และการศึกษาอื่น ๆสรุปได้ว่า ผลการวิจัยของพวกเขามีความถูกต้องและทำซ้ำ
และมีทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพและ
ความปลอดภัยการรวมกันของข้อมูลเชิงประจักษ์ และให้ความเห็นตาม
ฐานบริษัทที่สร้างการศึกษาในอนาคต แม้ว่าความปลอดภัย
ผลที่พึงประสงค์ โดยตัวเอง บริษัท จะต้องปรับสมดุลการลงทุนตู้
กับจำนวนของการตัดสินใจทางธุรกิจอื่น ๆ ในระดับยุทธศาสตร์
, การศึกษาพบว่า คุณภาพและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้าง
, และมีกลยุทธ์การจัดการที่สามารถ
ร่วมกันปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานที่มีคุณภาพ นี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะช่วยให้ดีกว่านี้
จัดสรรทรัพยากรและการเชื่อมโยงผล
ต้องการโดยเจ้าของ ( คุณภาพ ) เพื่อรับผิด จัดขึ้นโดยผู้รับเหมา ( ความปลอดภัย ) .
นอกจากนี้จำนวนของกลยุทธ์การจัดการที่มีประโยชน์ได้รับ
ระบุว่า พร้อมปรับปรุงความปลอดภัยและคุณภาพ เหล่านี้รวมถึงการทุ่มเททรัพยากรเพื่อ preplanning
,ทุ่มเทเวลาที่จำเป็นเพื่อให้งานได้ดีในระหว่างการ

) ผู้นำในทีมงานระดับและส่งเสริมให้คนงาน เพื่อความภาคภูมิใจในงานของพวกเขา
โดยถือพวกเขารับผิดชอบต่อความรับผิดชอบของตน .
เชื่อมโยงความปลอดภัยคุณภาพให้บริการด้านวิชาการกับ
แบบองค์รวมมากขึ้นเส้นทางเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงความปลอดภัย นักวิจัยบางคน
ถ่ายมุมมองแบบองค์รวมมากขึ้นการตรวจสอบว่าการจัดการคุณภาพโดยรวม ( TQM ) สามารถนำไปสู่การปรับปรุงพร้อมกัน
ทั้งความปลอดภัยและคุณภาพ ด้วยวิธีนี้ , นักวิจัย
สามารถเริ่มต้นการสํารวจความปลอดภัยในงานก่อสร้างในแง่ของ
ปัจจัยที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงและความซับซ้อนที่แท้จริงในที่ทำงานจริง
.
การศึกษาในอนาคตสามารถสร้างบนนี้วิจัยกระบวนทัศน์ในตัวเลข
วิธี ครั้งแรกวรรณกรรมเท่าที่มีอยู่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอื่น ๆปัจจัย
confounding ก่อสร้าง ตัวอย่าง ง่ายๆ
อาคารการปฏิบัติเมื่อเทียบกับการก่อสร้างที่ซับซ้อนอาจจะบวกหรือลบต่อ
ประสิทธิภาพความปลอดภัยและเสริมสร้างอาร์กิวเมนต์
นั้นควรออกแบบเพื่อความปลอดภัย ส่วนโครงการจัดส่ง
วิธีอาจมีผลต่อความปลอดภัยในโครงการ แต่ปัจจุบันศึกษาให้
ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ . มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิจัยในอนาคตจะใช้ปัจจัยอื่น ๆที่เกี่ยวข้องเพื่อความปลอดภัย

ก่อสร้างให้เพิ่มแรงจูงใจที่จะขับรถตู้ต่อไป