Concrete barriers were found to hav

Concrete barriers were found to have a significantly increased
propensity for airbag deployment compared to other metal beam or
cable barriers. Based on the weighted data, the airbag deployment
rates were 72% for concrete barriers compared to 61% for other
longitudinal barriers. Concrete barriers are more rigid than the metal
beam and cable barriers typically classified as“other barriers” in
NASS/CDS. These deployment differences are also consistent with
the limited amount of longitudinal barrier crash testing conducted
with the airbag systems activated.Grzebieta et al. (2002, 2005)found
that concrete barriers caused airbag deployment for all high speed
impact conditions investigated while only one of the two impact tests
with w-beam barrier resulted in airbag deployment.
Fig. 2shows that the probability of airbag deployment in longitudinal barrier collisions increased with increasing equivalent barrier
speed. Based on the available data, it appears that airbag deployment
occurs in all barrier collisions with an equivalent barrier speed greater
than 35 km/hr (21 mph). Approximately 83% of occupants exposed to
a tow-away longitudinal barrier collision were in vehicles where the
equivalent barrier speed was at or below 24 km/hr (15 mph).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อุปสรรคคอนกรีตพบว่ามีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสิ่งสำหรับการใช้งาน airbag เปรียบเทียบกับคานโลหะอื่น ๆ หรือสายอุปสรรค ตามข้อมูลถ่วงน้ำหนัก ใช้ airbagราคาถูกราคา 72% อุปสรรคคอนกรีตเปรียบเทียบกับ 61% สำหรับอื่น ๆอุปสรรคระยะยาว อุปสรรคที่คอนกรีตจะแข็งกว่าโลหะมากขึ้นโดยทั่วไปจัดเป็น "อุปสรรคอื่นๆ" ในอุปสรรคคานและเคเบิลNASS/ซี ดี ความแตกต่างเหล่านี้ใช้ก็สอดคล้องกับดำเนินการจำนวนจำกัดของการทดสอบชนสิ่งกีดขวางระยะยาวมีระบบ airbag เรียกใช้Grzebieta et al. (2002, 2005) พบว่า อุปสรรคคอนกรีตเกิดจากการใช้งาน airbag สำหรับความเร็วสูงทั้งหมดเงื่อนไขผลสอบสวนขณะเดียวของการทดสอบผลกระทบสองมีอุปสรรค w แสงให้ใช้งาน airbag2shows fig. ที่น่าใช้งาน airbag ในตามสิ่งกีดขวางระยะยาวเพิ่มขึ้น มีอุปสรรคเพิ่มขึ้นเทียบเท่าความเร็วของ ตามข้อมูลมี ปรากฏว่าใช้ airbagเกิดขึ้นในทุกอุปสรรคตามด้วยความเร็วเทียบเท่าอุปสรรคมากกว่ากว่า 35 กม/ชม (ความเร็ว 21) ประมาณ 83% ของครอบครัวที่สัมผัสกับชนสิ่งกีดขวางระยะยาวใยเก็บอยู่ในยานพาหนะซึ่งการความเร็วเทียบเท่าอุปสรรคถูกที่ หรือต่ำ กว่า 24 km/hr (15 ความเร็ว)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุปสรรคคอนกรีตที่พบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นิสัยชอบสำหรับการใช้งานเมื่อเทียบกับถุงลมนิรภัยคานโลหะอื่น ๆ หรือ
อุปสรรคสาย บนพื้นฐานของข้อมูลถ่วงน้ำหนักการใช้งานถุงลมนิรภัย
มีอัตรา 72% สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่เป็นรูปธรรมเมื่อเทียบกับ 61% อื่น ๆ
อุปสรรคยาว อุปสรรคคอนกรีตเข้มงวดมากขึ้นกว่าโลหะ
คานและอุปสรรคสายมักจะจัดเป็น "อุปสรรคอื่น ๆ " ใน
NASS / CDS ความแตกต่างของการใช้งานเหล่านี้ยังสอดคล้องกับ
จำนวนเงินที่ จำกัด ของการทดสอบความผิดพลาดอุปสรรคยาวดำเนินการ
กับระบบถุงลมนิรภัย activated.Grzebieta และคณะ (2002, 2005) พบ
ว่าปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากการใช้งานที่เป็นรูปธรรมของถุงลมนิรภัยสำหรับความเร็วสูงทุก
เงื่อนไขที่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบขณะที่มีเพียงหนึ่งในสองของการทดสอบผลกระทบ
กับสิ่งกีดขวาง W-คานส่งผลให้การใช้งานของถุงลมนิรภัย.
รูป 2shows ว่าน่าจะเป็นของการใช้งานถุงลมนิรภัยในการชนสิ่งกีดขวางยาวเพิ่มขึ้นด้วยการเพิ่มอุปสรรคเทียบเท่า
ความเร็ว ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีอยู่ก็จะปรากฏขึ้นการใช้งานของถุงลมนิรภัยที่
เกิดขึ้นในทุกการชนสิ่งกีดขวางที่มีความเร็วเทียบเท่าอุปสรรคมากขึ้น
กว่า 35 กม. / ชม (21 ไมล์ต่อชั่วโมง) ประมาณ 83% ของผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับ
การดึงออกไปชนสิ่งกีดขวางยาวอยู่ในยานพาหนะที่
มีความเร็วเทียบเท่าเป็นอุปสรรคที่หรือต่ำกว่า 24 กม. / ชม (15 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กั้นคอนกรีต พบว่ามีสถิติเพิ่มขึ้น
ความโน้มเอียงสำหรับการใช้งานถุงลมนิรภัยเมื่อเทียบกับโลหะอื่น ๆหรือคาน
อุปสรรคสายเคเบิล ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ถ่วงน้ำหนัก , การใช้งานถุงลมนิรภัย
อัตราจำนวน 72 % เมื่อเทียบกับคอนกรีตอุปสรรค 61% สำหรับอุปสรรคระยะยาวอื่น ๆ

อุปสรรคของคอนกรีตที่แข็งกว่าเหล็กคานและสายเคเบิลอุปสรรค
มักจะจัดเป็น " อุปสรรคอื่น ๆใน
"นซ / ซีดี ความแตกต่างของการใช้งานเหล่านี้สอดคล้องกับการทดสอบ
จํากัดกั้นชนตามยาวดำเนินการ
กับระบบถุงลมนิรภัยทำงาน grzebieta et al . ( 2002 , 2005 ) พบว่า อุปสรรคที่ทำให้การใช้งานถุงลมนิรภัยคอนกรีต

สำหรับความเร็วสูงต่อเงื่อนไขตรวจสอบในขณะที่มีเพียงหนึ่งของทั้งสองกระแทกกับสิ่งกีดขวาง w-beam ส่งผลการทดสอบ

รูปการใช้งานถุงลมนิรภัย .2shows ว่าน่าจะเป็นของการใช้งานถุงลมนิรภัยในตามยาวกั้นชนเพิ่มขึ้นตามความเร็วกั้น
เทียบเท่า จากข้อมูลที่มีอยู่พบว่า การใช้งานถุงลมนิรภัย
เกิดขึ้นในการชนอุปสรรคทั้งหมดที่มีความเร็วเทียบเท่ากั้นมากขึ้น
กว่า 35 กม. / ชม. ( 21 ไมล์ต่อชั่วโมง ) ประมาณ 83 เปอร์เซ็นต์ อาศัยตาก
พ่วงไปตามยาวกั้นชนอยู่ในยานพาหนะที่ความเร็วที่เทียบเท่ากั้น
หรือด้านล่าง / hr 24 กิโลเมตร ( 15 ไมล์ )