With a population of 90,549,390 inh

With a population of 90,549,390 inhabitants, Socialist Republic of Vietnam is the 14th most populous country in the world, and is densely populated with 259 inhabitants per km2. The most densely populated areas are in the low-lying deltas of the Mekong River in the South, and the Red River in the North. Millions of people live in areas that are prone to flooding, which makes Vietnam a hotspot for the impact of climate change, and most notably, sea-level rise.

The research in Vietnam covered the Hung Thanh Commune in the upper delta of the Mekong River. At about 150 km inland, it is an area that is part of the commercial rice production region of the delta which experiences annual flooding and peak flood levels usually from September through November annually. In this area, fishing is a secondary income source, especially during the flood season. The research findings show that over the past 20-30 years, the total amount of annual rainfall has increased; the rainy season starts earlier and lasts longer than before. In addition, rainfall has become less predictable, and the occurrence of extreme weather events─like storms, heavy winds that blow rice plants down, thunder and lightning that impede people from doing their work─has increased. Floods caused by the changing rainfall patterns are a major threat to people’s lives.

Households in the Hung Thanh Commune are highly dependent on agricultural production. Wet rice is the main crop with two annual harvest cycles. The PRA session on cropping patterns and expert interviews revealed that before the mid 1990s, people in the commune had only one rice harvest per year. Since the late 1990s the government has invested heavily in the development of irrigation in the area, the introduction of new rice varieties, and the application of modern farming techniques. The crop period has been shortened to three months, which enables several rice crops a year and higher production. The first crop (Dong Xuan crop) starts in November and is harvested in February, while the second crop (He Thu) is grown from March to June. July to November is the flood period so less farming occurs during this period. In some parts of the commune a third crop (Thu Dong) can be grown due to a recently constructed farm dyke system which prevents fields from being flooded and helps to irrigate farm land during the dry season. Farmers who grow a third crop have different timing for planting and harvesting rice: the first crop (Dong Xuan) is planted in October and harvested in January; the second (He Thu) is planted in late January and harvested in April; and the third (Thu Dong) is done from April to July).

According to the local experts, food shortage is not common in the Hung Thanh Commune. The commune is located in the prime rice producing area of Vietnam. For those who have farming land, the two-crop farming system provides sufficient food for consumption and sale. For those who are landless, there are alternative economic activities, like farm labour, fishing and trading, which generate money to buy food. The local experts further emphasized that besides having enough of the staple food, rice, people also have access to a high quality and nutritious diet because of the availability of vegetables and fish in the commune. However, contrary to the expert interviews and PRA sessions, the findings from the household survey indicate that a sizeable group of households regularly face problems accessing food. Almost half of the respondents had experienced food shortage in the last 12 months and almost 1 on 4 in the past 7 days.

In expert interviews and PRA sessions, some concern was raised about the settlement of migrants from outside the commune. Landlessness is an increasing problem, and the so-called Xâm Canh or ‘invasive farmers’, compete with local residents over the ownership of farmland. Similarly, those who settle in Hung Thanh to sell their farm labour compete with local labourers over employment opportunities, which are at the same time decreasing due to mechanization.

Most people who migrate from Hung Thanh Commune are male and single. Most migrate temporarily for economic reasons. Half of the household members with migration experience were current migrants. Migration for education was most common in the third research village, which also had the highest proportion of current and non-seasonal migrants (i.e. people who migrate for periods of more than 6 months).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีประชากร 90,549,390 คน สาธารณรัฐสังคมนิยมของเวียดนามเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุด 14 ในโลก และเป็นประชากรหนาแน่นไป ด้วยคน 259 / km2 พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดไปอยู่ใน deltas ราบของแม่น้ำโขงในภาคใต้ และแม่น้ำแดงในภาคเหนือ ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มที่น้ำท่วม ซึ่งทำให้เวียดนามจุดสำหรับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสุดยวด ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นการวิจัยในเวียดนามครอบคลุม Commune Thanh ฮังในเดลต้าบนแม่น้ำโขง ประมาณ 150 กิโลเมตรเข้า เป็นพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคผลิตข้าวเพื่อการค้าของเดลต้าที่ประสบน้ำท่วมประจำปีและระดับน้ำท่วมสูงสุดปกติจากช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนเป็นประจำทุกปี ตกปลาเป็นแหล่งรายได้รอง โดยเฉพาะในช่วงฤดูน้ำท่วมนี่ ผลการศึกษาวิจัยแสดงว่า ที่ผ่านมา 20-30 ปี ยอดรวมของปริมาณน้ำฝนประจำปีได้เพิ่มขึ้น ฤดูฝนเริ่มต้นก่อนหน้านี้ และเป็นเวลานานมากกว่า ปริมาณน้ำฝนเป็นได้น้อย และเกิดพายุมากอากาศ events─like กระแสที่พัดข้าวพืช ฟ้าร้อง และฟ้าผ่าที่เป็นอุปสรรคขัดขวางคนจากทำ work─has ของพวกเขาเพิ่มขึ้น น้ำท่วมที่เกิดจากรูปแบบฝนเปลี่ยนเป็นภัยคุกคามชีวิตของผู้คนครัวเรือนใน Commune Thanh ฮังจะสูงขึ้นอยู่กับสินค้าเกษตร ข้าวเปียกเป็นพืชหลัก มีสองรอบเก็บเกี่ยวประจำปี รอบพระบนครอบตัดรูปและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ก่อนกลางปี 1990 คนในโรงแรมคอมมูนที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวเดียวต่อปี ตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 รัฐบาลได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาชลประทานในพื้นที่ การแนะนำพันธุ์ข้าวใหม่ และการประยุกต์ใช้เทคนิคการเลี้ยงที่ทันสมัย รอบระยะเวลาพืชมีการสั้นเพื่อสามเดือน ซึ่งข้าวหลายปีและผลิตสูง พืชแรก (ครอบตัดตงซวน) เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน และเก็บเกี่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่พืชที่สอง (เขา Thu) เติบโตจากเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน กรกฏาคม-พฤศจิกายนเป็นช่วงน้ำท่วมนาน้อยจึงเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ในบางส่วนของโรงแรมคอมมูนได้สาม พืช (Thu ตง) ได้เติบโตจากระบบ dyke เพิ่งสร้างฟาร์มซึ่งป้องกันไม่ให้เขตถูกน้ำท่วม และช่วยให้ทดน้ำผืนไร่ในฤดูแล้ง เกษตรกรที่ปลูกพืชสามมีแตกต่างกันช่วงเวลาปลูก และเก็บเกี่ยวข้าว: พืชแรก (Dong Xuan) ปลูกในเดือนตุลาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนมกราคม ปลูกในช่วงปลายเดือนมกราคม และเก็บเกี่ยวในเดือนเมษายน ที่สอง (เขาทู) และที่สาม (Thu ดงเสร็จตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคม)ตามผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น ขาดแคลนอาหารได้ในโรงแรมคอมมูน Thanh ฮัง โรงแรมคอมมูนที่อยู่ในข้าวเฉพาะผลิตของเวียดนาม สำหรับผู้ที่มีที่ดินการเกษตร ทำฟาร์มพืชสองระบบให้อาหารเพียงพอสำหรับการบริโภคและขาย สำหรับผู้ที่มี landless มีทางเลือกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่นแรงงานฟาร์ม ประมง และการ ค้า ซึ่งสร้างเงินเพื่อซื้ออาหาร ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นเพิ่มเติมเน้นว่า นอกจากมี พออาหารหลัก ข้าว คนยังมีคุณภาพสูงและอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเนื่องจากความพร้อมของผักและปลาโรงแรมคอมมูน อย่างไรก็ตาม ขัดกับบทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและรอบพระ ค้นพบจากการสำรวจครัวเรือนระบุว่า กลุ่มครัวเรือนสำหรับผู้พิการประจำหน้าปัญหาการเข้าถึงอาหาร เกือบครึ่งของผู้ตอบที่มีประสบการณ์ขาดแคลนอาหารในช่วง 12 เดือนและเกือบ 1 ใน 4 วันผ่านมาในการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและรอบพระ กังวลบางถูกยกเกี่ยวกับการชำระเงินของจากนอกโรงแรมคอมมูน Landlessness คือ มี ปัญหาเพิ่มขึ้น และเรียกว่า Xâm Canh หรือ 'รุกรานเกษตรกร' แข่งขันกับชาวเหนือเจ้าของ ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ชำระในฮัง Thanh ขายแรงงานฟาร์มของพวกเขา แข่งขันกับกรรมกรภายในผ่านโอกาสการจ้างงาน ซึ่งเป็นที่เดียวกันเวลาลดลงจาก mechanizationคนส่วนใหญ่ย้ายจาก Commune Thanh ฮังเป็นผู้ชาย และเพียงครั้งเดียว ส่วนใหญ่ย้ายชั่วคราวด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ครึ่งหนึ่งของสมาชิกในครัวเรือนมีประสบการณ์ย้ายอพยพปัจจุบันได้ ย้ายการศึกษาพบมากที่สุดในสามหมู่บ้านวิจัย ซึ่งยัง มีสัดส่วนสูงสุดของปัจจุบัน และไม่มีฤดูกาล (เช่นผู้ที่ย้ายในรอบระยะเวลามากกว่า 6 เดือน)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีประชากร 90549390 ชาวเวียดนามเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและ 14 , 259 คน ต่อตารางกิโลเมตร ประชากรหนาแน่นด้วย . ในพื้นที่ที่ประชากรหนาแน่นที่สุดในสันดอนลุ่มของแม่น้ำโขงในภาคใต้และแม่น้ำในภาคเหนือ ล้านคน อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงน้ำท่วมซึ่งทำให้เวียดนามเป็นฮอตสปอตสำหรับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโดยเฉพาะ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

งานวิจัยในประเทศเวียดนามครอบคลุมแขวนแท็งชุมชนในรูปสามเหลี่ยมบนแม่น้ำโขง ประมาณ 150 กิโลเมตร แหล่งมันคือพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตข้าวเชิงพาณิชย์พื้นที่ของเดลต้า ซึ่งประสบการณ์น้ำท่วมประจำปีสูงสุดระดับปกติตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน น้ำท่วมทุกปี ในพื้นที่นี้เป็นแหล่งประมงระดับรายได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูน้ำท่วม ผลการวิจัยพบว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ปริมาณรวมของปริมาณน้ำฝนได้เพิ่มขึ้นฤดูฝนเริ่มเร็ว และกินเวลานานกว่าครั้งก่อน นอกจากนี้ ปริมาณฝนได้กลายเป็นน้อยกว่าคาดการณ์ไว้ และการเกิดของเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรง─เหมือนพายุ ลม ที่พัดหนักข้าวพืชลง เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าที่ขัดขวางผู้คนทำ─งานของตนเองได้เพิ่มขึ้น น้ำท่วมที่เกิดจากฝนเปลี่ยนรูปแบบเป็นสําคัญคุกคามชีวิตของผู้คน .

ครัวเรือนในชุมชนแขวนแทงสูงอยู่กับการผลิตทางการเกษตร เปียกข้าวเป็นพืชหลักที่มีสองรอบการเก็บเกี่ยวประจำปี พระภาค ในรูปแบบการปลูกพืช และการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ก่อนกลางทศวรรษ 1990 ผู้คนในชุมชนมีเพียงหนึ่งเก็บเกี่ยวข้าวต่อปี ตั้งแต่ปลายปี 1990 รัฐบาลได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่แนะนำข้าวพันธุ์ใหม่ และการประยุกต์ใช้เทคนิคการเลี้ยงที่ทันสมัย ระยะเวลาที่พืชที่ได้รับลดลงไปสามเดือน ซึ่งช่วยให้ปลูกข้าวหลายปีและการผลิตที่สูงขึ้น พืชแรก ( ดงซวนพืช ) จะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน และเก็บเกี่ยวได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่พืชที่สอง ( ก็ตู ) ที่ปลูกตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายนเดือนกรกฎาคม - พฤศจิกายน เป็นช่วงน้ำท่วม ดังนั้น การเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ในบางส่วนของชุมชนพืช 3 ( ตูดง ) สามารถปลูกได้เนื่องจากเพิ่งสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ซึ่งระบบป้องกันฟาร์มจากเขตที่โดนน้ำท่วมและช่วยในการจัดการที่ดิน ไร่ ในฤดูแล้ง เกษตรกรที่ปลูกพืชสามมีเวลาต่างกัน สำหรับการปลูก และเก็บเกี่ยวข้าวพืชแรก ( ดงซวน ) ปลูกในเดือนตุลาคมและเก็บเกี่ยวได้ในเดือนมกราคม ที่สอง ( ก็ตู ) คือปลูกในปลายเดือนมกราคม และเก็บเกี่ยวในเดือนเมษายน และที่สาม ( ตูดง ) เสร็จจากเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ) .

ตามผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น ขาดแคลนอาหารที่ไม่ธรรมดาในแขวนแท็งกลุ่ม ชุมชนตั้งอยู่ในเฉพาะพื้นที่ผลิตข้าวของเวียดนาม สำหรับผู้ที่ต้องการที่ดินสองระบบการเพาะปลูกพืชไร่อาหารให้เพียงพอสำหรับการบริโภคและการขาย สำหรับผู้ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น แรงงานเกษตร ประมง และค้าขาย ซึ่งสร้างเงินเพื่อซื้ออาหาร ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นเพิ่มเติม ย้ำว่า นอกจากมีเพียงพอของอาหารหลัก ข้าวประชาชนสามารถเข้าถึงคุณภาพสูงและอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากความพร้อมของผักและปลาในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ทางผู้เชี่ยวชาญการสัมภาษณ์และพระรอบ ผลที่ได้จากการสำรวจครัวเรือน พบว่า กลุ่มใหญ่ของครัวเรือนเป็นประจำเผชิญปัญหาการเข้าถึงอาหารเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างมีภาวะขาดแคลนอาหารที่มีประสบการณ์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และเกือบ 1 ใน 4 ในรอบ 7 วัน

ในการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ และพระครั้ง บางคนกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของผู้อพยพจากนอกชุมชน landlessness เป็นปัญหาเพิ่มขึ้น และที่เรียกว่า x â m คานหรือ ' เกษตรกร ' ที่แข่งขันกับชาวบ้านมากกว่าการเป็นเจ้าของฟาร์มในทำนองเดียวกันผู้ตั้งถิ่นฐานใน Thanh แขวนขายแรงงานฟาร์มของพวกเขาแข่งขันกับแรงงานท้องถิ่นมากกว่าโอกาสการจ้างงาน ซึ่งในเวลาเดียวกันลดลงเนื่องจากแต่ก่อนนั้น

คนส่วนใหญ่ที่อพยพจากแขวนแท็งชุมชนเป็นเพศชาย และโสด ส่วนใหญ่อพยพชั่วคราว ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ครึ่งหนึ่งของสมาชิกในครัวเรือนที่มีประสบการณ์การเป็นแรงงานในปัจจุบันการย้ายถิ่นเพื่อการศึกษาที่พบบ่อยที่สุดในการวิจัย 3 หมู่บ้าน ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงที่สุดของปัจจุบันและไม่ย้ายถิ่นตามฤดูกาล ( เช่นคนที่อพยพเป็นระยะเวลามากกว่า 6 เดือน )