Acid Neutralization to Retain Chlor

Acid Neutralization to Retain Chlorophyll
The addition of alkalizing agents to canned green vegetables can result in improved retention of
chlorophylls during processing. Techniques have involved the addition of calcium oxide and sodium
dihydrogen phosphate in blanch water to maintain product pH or to raise the pH to 7.0. Magnesium
carbonate or sodium carbonate in combination with sodium phosphate has been tested for this
purpose. However, all of these treatments result in softening of the tissue and an “alkaline” flavor.
Blair [10] in 1940 recognized the toughening effect of calcium and magnesium when added to
vegetables. This observation led to the use of calcium or magnesium hydroxide for the purpose of
raising pH and maintaining texture. This combination of treatments became known as the “Blair
process.” Commercial application of these processes has not been successful because of the inability
of the alkalizing agents to effectively neutralize interior tissue acids over a long period of time,
resulting in substantial color loss after less than 2 months of storage.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปฏิกิริยาสะเทินกรดเพื่อรักษาคลอโรฟิลนอกเหนือจากตัวแทนผักกระป๋องเขียว alkalizing อาจส่งผลในการรักษาดีขึ้นchlorophylls ระหว่างประมวลผล เทคนิคมีส่วนร่วมการเพิ่มแคลเซียมออกไซด์และโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟตใน blanch น้ำ เพื่อรักษาผลิตภัณฑ์ หรือ การเพิ่ม pH 7.0 แมกนีเซียมคาร์บอเนตหรือโซเดียมคาร์บอเนตกับโซเดียมฟอสเฟตผ่านทดสอบนี้วัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้ส่งผลให้ในการอ่อนตัวของเนื้อเยื่อและมีรสชาติ "ด่าง"ผลของแคลเซียมและแมกนีเซียมเมื่อเพิ่ม toughening รู้จักแบลร์ [10] ในปี 1940ผัก ข้อสังเกตนี้นำไปสู่การใช้แคลเซียมหรือแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์เพื่อเป็นเพิ่มค่า pH และรักษาเนื้อ ชุดของการรักษานี้รู้จักกันในชื่อ "แบลร์กระบวนการ" โปรแกรมเชิงพาณิชย์ของกระบวนการเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่สามารถของตัวแทน alkalizing ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อต้านภายในเนื้อเยื่อกรดเป็นระยะเวลานานของเวลาส่งผลให้สูญเสียสีพบหลังจากจัดเก็บไม่เกิน 2 เดือน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรดวางตัวเป็นกลางในการรักษาคลอโรฟิล
นอกจากนี้จากตัวแทนสมุนไพรผักสีเขียวกระป๋องสามารถส่งผลในการเก็บรักษาที่ดีขึ้นของ
chlorophylls ระหว่างการประมวลผล เทคนิคการมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของแคลเซียมออกไซด์และโซเดียม
ไดไฮโดรเจนฟอสเฟตในน้ำลวกเพื่อรักษาค่า pH ผลิตภัณฑ์หรือที่จะยกระดับค่า pH 7.0 แมกนีเซียม
คาร์บอเนตหรือโซเดียมคาร์บอเนตร่วมกับโซเดียมฟอสเฟตได้รับการทดสอบสำหรับการนี้
มีวัตถุประสงค์ แต่ทั้งหมดของการรักษาเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการอ่อนตัวของเนื้อเยื่อและรสชาติ "ด่าง".
แบลร์ [10] ในปี 1940 ได้รับการยอมรับผลทรหดของแคลเซียมและแมกนีเซียมเมื่อเข้ามา
ผัก ข้อสังเกตนี้นำไปสู่การใช้งานของแคลเซียมหรือแมกนีเซียมไฮดรอกไซสำหรับวัตถุประสงค์ของ
การเพิ่มค่า pH และการบำรุงรักษาพื้นผิว การรวมกันของการรักษานี้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "แบลร์
กระบวนการ." การประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ของกระบวนการเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่สามารถที่
ตัวแทนสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้กรดเป็นกลางเนื้อเยื่อภายในช่วงระยะเวลาที่
เกิดการสูญเสียสีอย่างมากหลังจากที่น้อย กว่า 2 เดือนของการจัดเก็บ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรดทำให้เป็นกลางเพื่อรักษาคลอโรฟิลล์นอกเหนือจาก alkalizing ตัวแทนกระป๋องผักสีเขียวจะส่งผลในการปรับปรุงความคงทนของคลอโรฟิลล์ในระหว่างการประมวลผล เทคนิคที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากแคลเซียมและโซเดียมออกไซด์dihydrogen ฟอสเฟตในน้ำเพื่อรักษาความเป็นกรดด่างของผลิตภัณฑ์ หรือ ลวกเพื่อยกระดับ pH 7.0 . แมกนีเซียมคาร์บอเนตหรือโซเดียมคาร์บอเนตผสมกับโซเดียมฟอสเฟตได้รับการทดสอบนี้วัตถุประสงค์ แต่ทั้งหมดของการรักษาเหล่านี้ส่งผลในการชะลอตัวของเยื่อและ " รสเค็ม "แบลร์ [ 10 ] ใน 1940 จำ toughening ผลของแคลเซียมและแมกนีเซียม เมื่อเพิ่มผัก การสังเกตนี้นำไปสู่การใช้แคลเซียม หรือแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ เพื่อวัตถุประสงค์ของเพิ่ม และรักษาผิว การรวมกันของการรักษานี้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ " แบลร์กระบวนการ " การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของกระบวนการเหล่านี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถของ alkalizing ตัวแทนมีประสิทธิภาพต่อต้านกรดเนื้อเยื่อภายในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานของเวลาผลในการสูญเสียสีอย่างมากหลังจากที่น้อยกว่า 2 เดือนของการจัดเก็บ