Wat Arun (18th century onward)Wat A

Wat Arun (18th century onward)

Wat Arun is one of the few Bangkok temples predating the Chakri dynasty, the current rulers of Thailand. When general Phya Taksin crowned himself king in 1769, he moved the capital across the Chao Phraya river to Thonburi. Wat Makok temple fell within the area intended for the king's new palace along the riverbank. The young king designated it the royal temple and changed its name to Wat Jaeng—the Temple of Dawn, a name thought to commemorate the founding of the new dynasty. King Taksin treated the monks badly, expelling them so that he could worship privately in the temple.

Monks were allowed to return during the rule of Rama I, the first King of the Chakri dynasty, who disestablished Wat Jaeng as the royal temple when he moved the capital across the river to what it today downtown Bangkok. His successor, Rama II, renamed it Wat Arun Rajtharam and renovated the temple. He planned to raise the central spire (called a prang) beyond its original 16 meters, but he died before the project was realized. His successor, Rama III, completed the project in the years 1842-1847. The prang was raised to an astonishing 67 meters, making it the highest one in Thailand even today.

The temple is an architectural reproduction of Mount Meru, the center of the world in Buddhist cosmology. The four corner prang, which house images of the guardian gods of the four directions, reinforce the symbolism.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดอรุณ (ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นไป)วัดอรุณเป็นหนึ่งในวัดกรุงเทพไม่กี่ predating ราชวงศ์จักรี พระปัจจุบันของประเทศไทย เมื่อมงกุฎทั่วไปเจ้าพระยาตากสิน เองคิงใน 1769 เขาย้ายเมืองหลวงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปธนบุรี วัดมะกอกวัดตกภายในพื้นที่ไว้สำหรับกษัตริย์วังใหม่ริมฝั่งแม่น้ำ กษัตริย์หนุ่มกำหนดให้วัดหลวง และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจง — วัดอรุณ คิดชื่อเพื่อระลึกถึงการก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินถือว่าพระสงฆ์ไม่ดี เพิ่มเพื่อให้เขาสามารถบูชาเอกชนในวัดพระสงฆ์ได้รับอนุญาตให้กลับในระหว่างการปกครองของพระรามที่ฉัน กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์จักรี ที่ disestablished วัดแจงเป็นวัดหลวงเมื่อเขาย้ายเมืองหลวงข้ามแม่น้ำไปจะวันนี้ กรุงเทพฯ เขาสืบ ราม เปลี่ยนชื่อ Rajtharam อรุณวัด และบูรณะวัด เขาวางแผนจะเพิ่มสไปร์กลาง (เรียกว่าปรางมี) นอกเหนือจากของเดิม 16 เมตร แต่เขาตายก่อนมีการรับรู้โครงการ เขาสืบ พระราม III เสร็จสิ้นโครงการในปี 1842-1847 ปรางที่ขึ้นเมตร 67 ทันสมัย ทำให้ได้สูงที่สุดในประเทศไทยทุกวันนี้วัดการทำสถาปัตยกรรมของเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางของโลกในสังสารวัฏได้ มุมสี่ ปรางค์ ภาพที่บ้านของเทพเจ้าผู้ปกครองทิศทาง 4 เสริมสร้างสัญลักษณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดอรุณ (ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นไป) วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในวัดไม่กี่กรุงเทพฯ predating ราชวงศ์จักรีปกครองของประเทศในปัจจุบัน เมื่อนายพันเอกพระยาตากสินครองตำแหน่งตัวเองเป็นกษัตริย์ในปี 1769 เขาย้ายเมืองหลวงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งธนบุรี วัดมะกอกวัดตกอยู่ในพื้นที่ที่มีไว้สำหรับพระราชวังใหม่ของกษัตริย์ไปตามริมตลิ่ง กษัตริย์หนุ่มที่กำหนดมันพระอารามหลวงและเปลี่ยนชื่อเป็นวัด Jaeng-วัดอรุณชื่อคิดว่าเพื่อรำลึกถึงการก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระสงฆ์ได้รับการรักษาไม่ดีขับไล่พวกเขาเพื่อที่เขาจะได้นมัสการเอกชนในวัด. พระสงฆ์ได้รับอนุญาตให้กลับมาในช่วงการปกครองของพระรามเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ disestablished วัด Jaeng เป็นพระอารามหลวงเมื่อเขาย้าย ทุนข้ามแม่น้ำกับสิ่งที่มันวันนี้ใจกลางกรุงเทพฯ ทายาทพระรามเปลี่ยนชื่อเป็นวัดอรุณ Rajtharam และได้รับการบูรณะวัด เขาวางแผนที่จะเพิ่มยอดกลาง (เรียกว่าปรางค์) เกินกว่าเดิม 16 เมตร แต่เขาเสียชีวิตก่อนที่โครงการจะได้รับการตระหนัก ทายาทพระรามสามและเสร็จสิ้นโครงการในปี 1842-1847 พระปรางค์ถูกยกขึ้นไปน่าอัศจรรย์ 67 เมตรทำให้มันเป็นหนึ่งในที่สูงที่สุดในประเทศไทยแม้วันนี้. วัดเป็นสืบพันธุ์สถาปัตยกรรมของเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของโลกในพุทธจักรวาล สี่มุมปรางค์ซึ่งภาพบ้านของเทพผู้ปกครองของทั้งสี่ทิศ, เสริมสร้างสัญลักษณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัดอรุณ ( ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นไป )

วัดอรุณ เป็นหนึ่งในไม่กี่ กรุงเทพมหานคร วัด predating ราชวงศ์จักรี ผู้ปกครองปัจจุบันของประเทศไทย ทั่วไปตากสินปราบดาภิเษกตนเป็นกษัตริย์ เมื่อพระยาใน 1769 เขาย้ายเมืองหลวง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งธนบุรี วัดมะกอก วัดอยู่ภายในพื้นที่ไว้สำหรับพระราชาวังใหม่ตามแนวตลิ่งกษัตริย์หนุ่มเขตเป็นพระอารามหลวง และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดแจ้ง วัดอรุณ ชื่อว่า เพื่อระลึกถึงการก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ พระเจ้าตากสินถือว่าพระสงฆ์เลว ขับไล่พวกเขา เพื่อที่เขาจะบูชาเป็นการส่วนตัวในวัด

พระอนุญาตให้กลับไปในช่วงการปกครองของพระราม ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ 2425 วัดแจ้งเป็นพระอารามหลวงเมื่อเขาย้ายเมืองหลวง ข้ามแม่น้ำแล้ววันนี้ในตัวเมืองกรุงเทพฯ เขาเป็นผู้สืบทอด พระราม 2 เปลี่ยนชื่อมันวัดอรุณ rajtharam และบูรณะปฏิสังขรณ์วัด เขาวางแผนที่จะเพิ่มขนาดกลาง ( เรียกว่าปรางค์ ) จากเดิม 16 เมตร แต่เขาเสียชีวิตก่อนโครงการตระหนัก เขาเป็นผู้สืบทอด พระรามสามโครงการเสร็จสมบูรณ์ในปี 1842-1847 . พระปรางค์ถูกยกขึ้นไปที่น่าอัศจรรย์ 67 เมตร ทำให้มันที่สุดในวันนี้ประเทศไทย .

เป็นวัดที่มีการสืบพันธุ์สถาปัตยกรรมของเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางของโลกในพุทธจักรวาลวิทยา สี่มุมบ้านปรางค์ ซึ่งภาพของเทพผู้พิทักษ์ทั้ง 4 เส้นทาง รวมแสดงสัญลักษณ์