In Greece, 2,500 years ago, only th

In Greece, 2,500 years ago, only the sons of rich people went to school, and they started around the age of seven. Students first learned to read and write syllables and then words, and then they copied famous sayings. They wrote on wax tablets with a stylus , which was like a pen. After they learned to read and write, they used to study Greek poetry and historical works. Music was an important part of their education, and so was physical training. Girls stayed at home with their mothers and learned how to keep the house.
In ancient Rome, boys and girls from wealthy families received a bilingual education. They had to study Greek and Latin. Students usually had classes outside, if the weather was good, or in the teacher’s house. Teachers used to beat students who didn’t pay attention or who were lazy.
In ancient China, many children never got a chance to go to school. With the Han dynasty (206 B.C.-220 A.D.), the emperor paid for free education. Only boys were allowed to study. They typically used to start school. There weren't any math or science lessons. Students learned to read and write, and they used to memorize pages of the great Chinese philosopher Confucius. His teachings stressed the importance of duty, family, and hard work. Boys used to work very hard to pass the government tests. Students with the highest scores could get a job in the government. Around 500 A.D., girls also began to learn how to read and write in Buddhist temples, which were spreading in China.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในกรีซ 2500 ปีที่ผ่านมา เฉพาะบุตรคนรวยไปโรงเรียน และพวกเขาเริ่มต้นรอบอายุเจ็ด นักเรียนได้เรียนรู้การอ่าน และเขียนพยางค์แรก แล้ว คำ แล้ว พวกเขาคัดลอกคำพูดที่มีชื่อเสียง พวกเขาเขียนบนเม็ดขี้ผึ้งกับ stylus ที่เช่นปากกา หลังจากที่พวกเขาเรียนรู้การอ่าน และเขียน พวกเขาใช้เรียนบทกวีกรีกและงานประวัติศาสตร์ ดนตรีเป็นส่วนสำคัญของการศึกษา และการฝึกอบรมทางกายภาพ สาวอยู่บ้านกับแม่ของพวกเขา และเรียนรู้วิธีการรักษาบ้านในสมัยโรมโบราณ เด็กชายและเด็กหญิงจากครอบครัวที่มั่งคั่งได้รับการศึกษาแบบสองภาษา พวกเขาได้เรียนภาษากรีกและละติน นักเรียนจะได้เรียนนอก ถ้าอากาศไม่ดี หรือ ในบ้านของครู ครูตีนักเรียนที่ไม่สนใจ หรือใครขี้เกียจใช้ในประเทศจีนโบราณ เด็กจำนวนมากไม่ได้มีโอกาสไปโรงเรียน มีราชวงศ์ฮั่น (206 บี - 220 A.D.), จักรพรรดิชำระฟรีการศึกษา เด็กผู้ชายเท่านั้นได้รับอนุญาตให้เรียน พวกเขามักจะใช้เริ่มต้นโรงเรียน ไม่มีบทเรียนคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ใด ๆ นักเรียนได้เรียนรู้การอ่าน และเขียน และจะใช้ท่องจำหน้าของนักปราชญ์จีนดีลัทธิขงจื้อ คำสอนของท่านเน้นความสำคัญของภาษี ครอบครัว และการทำงาน เด็กชายเคยทำงานหนักมากผ่านการทดสอบของรัฐบาล นักเรียนที่ มีคะแนนสูงสุดสามารถรับงานในรัฐบาล ประมาณ 500 A.D. หญิงยังเริ่มที่จะเรียนรู้วิธีการอ่าน และเขียนในวัด ที่ถูกแพร่กระจายในประเทศจีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในกรีซ 2,500 ปีที่ผ่านมาเพียงบุตรชายของคนที่รวยไปโรงเรียนและพวกเขาเริ่มต้นรอบอายุเจ็ด นักศึกษาคนแรกเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนพยางค์แล้วคำและพวกเขาก็คัดลอกคำพูดที่มีชื่อเสียง พวกเขาเขียนบนแท็บเล็ตกับสไตลัขี้ผึ้งซึ่งเป็นเหมือนปากกา หลังจากที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนที่พวกเขาใช้ในการศึกษาบทกวีกรีกและผลงานทางประวัติศาสตร์ เพลงเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาของพวกเขาและเพื่อเป็นการฝึกอบรมทางกายภาพ สาวอยู่ที่บ้านกับแม่ของพวกเขาและเรียนรู้วิธีที่จะทำให้บ้าน.
ในกรุงโรมโบราณชายและหญิงจากครอบครัวที่ร่ำรวยได้รับการศึกษาสองภาษา พวกเขาจะต้องศึกษาภาษากรีกและละติน นักเรียนมักจะมีการเรียนนอกถ้าสภาพอากาศเป็นสิ่งที่ดีหรือในบ้านของครู ครูที่ใช้ในการตีนักเรียนที่ไม่ได้ให้ความสนใจหรือผู้ที่ขี้เกียจ.
ในประเทศจีนโบราณเด็กหลายคนไม่เคยได้มีโอกาสที่จะไปโรงเรียน กับราชวงศ์ฮั่น (206 BC-220 AD) จักรพรรดิที่จ่ายสำหรับการศึกษาฟรี ชายเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ศึกษา พวกเขามักจะใช้ในการเริ่มต้นการโรงเรียน มีไม่คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์หรือบทเรียนใด ๆ นักเรียนได้เรียนรู้การอ่านและเขียนและพวกเขาใช้ในการจดจำหน้าของนักปรัชญาจีนที่ดีขงจื้อ คำสอนของพระองค์เน้นความสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ของครอบครัวและการทำงานอย่างหนัก เด็กที่ใช้ในการทำงานอย่างหนักมากที่จะผ่านการทดสอบของรัฐบาล นักเรียนที่มีคะแนนสูงสุดจะได้รับงานในภาครัฐ ประมาณ 500 AD, สาว ๆ ก็เริ่มที่จะเรียนรู้วิธีการอ่านและเขียนในวัดทางพุทธศาสนาซึ่งถูกแพร่กระจายในประเทศจีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในกรีซ , 2500 ปีที่ผ่านมา เฉพาะลูกหลานของคนรวยไปโรงเรียน พวกเขาเริ่มต้นรอบอายุเจ็ดขวบ นักเรียนได้เรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนพยางค์และคำ แล้วจึงคัดลอกคำพูดที่มีชื่อเสียง พวกเขาเขียนบนขี้ผึ้งแก้ ด้วยสไตลัส ซึ่งเป็นเหมือนปากกา หลังจากที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียน พวกเขาเคยศึกษากวีนิพนธ์กรีกและผลงานทางประวัติศาสตร์ดนตรีเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาของพวกเขา และดังนั้น การฝึกอบรมทางกายภาพ สาวอยู่บ้านกับมารดาของตน และเรียนรู้วิธีการรักษาบ้าน .
ในกรุงโรมโบราณ , เด็กชายและเด็กหญิงจากครอบครัวที่ร่ำรวยได้รับการศึกษาสองภาษา พวกเขาได้ศึกษาภาษากรีกและละติน นักเรียนมักจะเคยเรียนข้างนอก ถ้าอากาศดีๆ หรือในบ้านของครูครูตีนักเรียนที่ไม่ได้สนใจหรือใครขี้เกียจ .
ในประเทศจีนโบราณ เด็กๆ หลายคนไม่เคยได้รับโอกาสที่จะไปโรงเรียน กับราชวงศ์ฮั่น ( 206 ก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 220 ) , จักรพรรดิจ่ายเพื่อการศึกษาฟรี เด็กผู้ชายเท่านั้นได้รับอนุญาตให้เรียน พวกเขามักจะใช้เพื่อเริ่มเรียน มีไม่ใด ๆ คณิตศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ บทเรียน นักเรียนเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนและพวกเขาใช้ในการจำหน้าของยอดปราชญ์จีนขงจื้อ คำสอนของเขาเน้นความสำคัญของหน้าที่ของครอบครัวและทำงานหนัก เด็กชายเคยทำงานยากมากที่จะผ่านรัฐบาลการทดสอบ นักเรียนที่มีคะแนนสูงสุดจะได้ทำงานในรัฐบาล ประมาณ 500 คริสตศักราช พวกผู้หญิงก็เริ่มที่จะเรียนรู้วิธีการอ่าน และเขียน ในวัดพุทธ ซึ่งกำลังระบาดในจีน