Only a handful of details are known

Only a handful of details are known about the life of Sappho. She was born around 615 B.C. to an aristocratic family on the Greek island of Lesbos. Evidence suggests that she had several brothers, married a wealthy man named Cercylas, and had a daughter named Cleis. She spent most of her adult life in the city of Mytilene on Lesbos where she ran an academy for unmarried young women. Sappho’s school devoted itself to the cult of Aphrodite and Eros, and Sappho earned great prominence as a dedicated teacher and poet. A legend from Ovid suggests that she threw herself from a cliff when her heart was broken by Phaon, a young sailor, and died at an early age. Other historians posit that she died of old age around 550 B.C.

The history of her poems is as speculative as that of her biography. She was known in antiquity as a great poet: Plato called her “the tenth Muse” and her likeness appeared on coins. It is unclear whether she invented or simply refined the meter of her day, but today it is known as “Sapphic” meter. Her poems were first collected into nine volumes around the third century B.C., but her work was lost almost entirely for many years. Merely one twenty-eight-line poem of hers has survived intact, and she was known principally through quotations found in the works of other authors until the nineteenth century. In 1898 scholars unearthed papyri that contained fragments of her poems. In 1914 in Egypt, archeologists discovered papier-mâché coffins made from scraps of paper that contained more verse fragments attributed to Sappho.

Three centuries after her death the writers of the New Comedy parodied Sappho as both overly promiscuous and lesbian. This characterization held fast, so much so that the very term “lesbian” is derived from the name of her home island. Her reputation for licentiousness would cause Pope Gregory to burn her work in 1073. Because social norms in ancient Greece differed from those of today and because so little is actually known of her life, it is difficult to unequivocally answer such claims. Her poems about Eros, however, speak with equal force to men as well as to women.

Sappho is not only one of the few women poets we know of from antiquity, but also is one of the greatest lyric poets from any age. Most of her poems were meant to be sung by one person to the accompaniment of the lyre (hence the name, “lyric” poetry). Rather than addressing the gods or recounting epic narratives such as those of Homer, Sappho’s verses speak from one individual to another. They speak simply and directly to the “bittersweet” difficulties of love. Many critics and readers alike have responded to the personal tone and urgency of her verses, and an abundance of translations of her fragments are available today.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กำมือของรายละเอียดเท่ารู้จักกันเกี่ยวกับชีวิตของ Sappho เธอเกิดประมาณ 615 บีครอบครัวมีรูปเกาะ Lesbos กรีก หลักฐานแสดงให้เห็นว่า เธอมีพี่น้องหลาย แต่งงานกับคนรวยที่มีชื่อว่า Cercylas และมีบุตรสาวชื่อ Cleis เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตผู้ใหญ่ในเมือง Mytilene ใน Lesbos ที่เธอวิ่งออสการ์เป็นหญิงสาวโสด โรงเรียนของ Sappho ทุ่มเทเองเพื่อลัทธิแรมอโฟร์ไดต์และอีรอส และความโดดเด่นมากเป็นครูที่ทุ่มเทและกวีได้รับ Sappho คำอธิบายแผนภูมิจาก Ovid แนะนำว่า เธอโยนตัวเองจากหน้าผาเมื่อหัวใจของเธอโดย Phaon หนุ่มทหารเรือ และเสียชีวิตก่อนอายุ นักประวัติศาสตร์อื่น ๆ posit ที่ ตายเก่าอายุประมาณ 550 บีประวัติความเป็นมาของบทกวีของเธอจะเป็นถือว่าประวัติของเธอ เธอเป็นที่รู้จักกันในความเป็นกวีดี: เพลโตเรียกว่าเธอ "มิวส์สิบ" และคล้ายของเธอปรากฏบนเหรียญ เป็นที่ชัดเจนว่าเธอคิดค้น หรือเพียงกลั่นวัดวันของเธอ แต่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักเป็นวัดที่ "Sapphic" บทกวีของเธอถูกเก็บรวบรวมลงในไดรฟ์ข้อมูลเก้ารอบบีศตวรรษที่สามก่อน แต่งานของเธอสูญเสียเกือบทั้งหมดมาหลายปี เพียงหนึ่งบรรทัดยี่สิบแปดกลอนของเธอมีชีวิตรอดเหมือนเดิม และเธอได้รู้จักหลักเสนอที่พบในงานของผู้เขียนอื่น ๆ จนถึงศตวรรษนี้ ใน papyri unearthed 1898 นักวิชาการ ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนของบทกวีของเธอ นักโบราณคดีค้นพบ papier mâché coffins ทำจากเศษกระดาษที่ประกอบด้วยบางส่วนของข้อมากที่บันทึก Sappho ใน 1914 ในอียิปต์สามศตวรรษหลังจากการตายของเธอนักเขียนของตลกใหม่ parodied Sappho เป็นเกินไป promiscuous ทั้งเลสเบี้ย นี้จำแนกจัดเร็ว มากให้มากคำว่า "เลสเบี้ยน" มาจากชื่อของเกาะที่บ้านของเธอ ชื่อเสียงของเธอสำหรับ licentiousness จะทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีเขียนงานของเธอใน 1073 เนื่อง จากบรรทัดฐานทางสังคมในกรีซโบราณที่แตกต่างจากวันนี้ และจึงน้อยจริงเรียกว่าชีวิตของเธอ มันเป็นเรื่องยาก unequivocally ตอบเรียกร้องดังกล่าว บทกวีของเธอเกี่ยวกับอีรอส ไร พูด ด้วยแรงเท่ากับผู้ชายเช่นเป็นผู้หญิงSappho ไม่เท่าหนึ่งของกวีหญิงน้อยที่เรารู้จักจากโบราณ แต่ยัง เป็นหนึ่งในกวีเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากยุคใด ๆ ส่วนใหญ่ของบทกวีของเธอมีความหมายเมื่อจะสูง โดยบุคคลหนึ่งไพเราะ lyre (ดังนั้นชื่อ "เพลง" บทกวี) แทนที่จะจัดการกับเทพเจ้า หรือ recounting narratives มหากาพย์ของโฮเมอร์เช่น ข้อของ Sappho พูดจากบุคคลหนึ่งไปยังอีก พวกเขาพูดเรียบง่าย และตรงกับความยากลำบาก "bittersweet" ของความรัก นักวิจารณ์และผู้อ่านเหมือนมากตอบสนองเสียงส่วนบุคคลและของข้อของเธอ และมายแปลบางส่วนของเธอมีวันนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพียงไม่กี่รายละเอียดเป็นที่รู้จักกันเกี่ยวกับชีวิตของแซฟโฟ เธอเกิดรอบ 615 ปีก่อนคริสตกาลถึงครอบครัวของชนชั้นสูงบนเกาะกรีกเลสบอส หลักฐานแสดงให้เห็นว่าเธอมีพี่น้องหลายคนแต่งงานกับคนรวยชื่อ Cercylas และมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ Cleis เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของเธอในเมืองของ Mytilene ในเลสบอสที่เธอวิ่งสถาบันการศึกษาสำหรับหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน โรงเรียนแซฟโฟอุทิศตัวเพื่อการศาสนาของโฟรและอีรอสและแซฟโฟได้รับชื่อเสียงที่ดีเป็นครูที่ทุ่มเทและกวี ตำนานจากโอวิดแสดงให้เห็นว่าเธอทิ้งตัวจากหน้าผาเมื่อหัวใจของเธอถูกทำลายโดย Phaon, กะลาสีหนุ่มและเสียชีวิตในวัยเด็ก ประวัติศาสตร์อื่น ๆ วางตัวว่าเธอเสียชีวิตด้วยวัยชรารอบ 550 ปีก่อนคริสตกาลประวัติศาสตร์ของบทกวีของเธอจะเป็นการเก็งกำไรเป็นที่ของชีวประวัติของเธอ เธอเป็นที่รู้จักในสมัยโบราณเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่: เพลโตเรียกเธอว่า "Muse สิบ" และภาพของเธอปรากฏบนเหรียญ มันก็ไม่มีความชัดเจนว่าเธอคิดค้นหรือเพียงแค่การกลั่นเมตรแต่ละวันของเธอ แต่วันนี้มันเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "เบี้ย" เมตร บทกวีของเธอถูกเก็บรวบรวมครั้งแรกในรอบเก้าเล่มศตวรรษที่สาม แต่การทำงานของเธอก็หายไปเกือบทั้งหมดเป็นเวลาหลายปี เพียงหนึ่งบทกวียี่สิบแปดเส้นของเธอรอดมาได้เหมือนเดิมและเธอเป็นที่รู้จักกันส่วนใหญ่มาจากใบเสนอราคาที่พบในผลงานของผู้เขียนอื่น ๆ จนกระทั่งศตวรรษที่สิบเก้า ในปี 1898 นักวิชาการค้นพบ papyri ที่มีชิ้นส่วนของบทกวีของเธอ ในปี 1914 ในอียิปต์นักโบราณคดีค้นพบโลงศพเปเปอร์มาเช่ที่ทำจากเศษกระดาษที่มีมากขึ้นชิ้นส่วนบทกวีประกอบกับแซฟโฟ. สามศตวรรษหลังจากการตายของเธอนักเขียนตลกใหม่ parodied แซฟโฟขณะที่ทั้งสองมากเกินไปสำส่อนและเลสเบี้ยน ลักษณะนี้จัดขึ้นอย่างรวดเร็วมากเพื่อให้คำมาก "เลสเบี้ยน" มาจากชื่อของเกาะที่บ้านของเธอ ชื่อเสียงของเธอสำหรับมักมากในกามจะทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรี่ในการเผาผลาญทำงานของเธอใน 1073 เพราะบรรทัดฐานของสังคมในสมัยกรีกโบราณที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ได้ในวันนี้และเนื่องจากเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักกันจริงในชีวิตของเธอมันเป็นเรื่องยากที่จะตอบอย่างแจ่มแจ้งเรียกร้องดังกล่าว บทกวีของเธอเกี่ยวกับความรัก แต่พูดคุยกับแรงเท่าเทียมกับผู้ชายเช่นเดียวกับผู้หญิง. แซฟโฟไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในกวีผู้หญิงไม่กี่คนที่เรารู้ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ยังเป็นหนึ่งในกวีบทกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่บทกวีของเธอมีความหมายที่จะร้องโดยคนคนหนึ่งที่จะประกอบของพิณที่ (เพราะฉะนั้นชื่อ "บทกวี" บทกวี) แทนที่จะอยู่พระเจ้าหรือเล่าเรื่องเล่ามหากาพย์เช่นพวกโฮเมอร์แซฟโฟโองการพูดจากบุคคลหนึ่งไปยังอีก พวกเขาพูดเพียงและโดยตรงกับ "ไม้เลื้อย" ความยากลำบากของความรัก นักวิจารณ์หลายคนและผู้อ่านเหมือนกันมีการตอบสนองเสียงส่วนบุคคลและความเร่งด่วนของโองการของเธอและความอุดมสมบูรณ์ของการแปลของชิ้นส่วนของเธอมีวันนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพียงไม่กี่รายละเอียดเป็นที่รู้จักกันเกี่ยวกับชีวิตของแซปโฟ . เธอเกิดมาเพื่อครอบครัวของชนชั้นสูงใน 615 ปีก่อนคริสตกาล กรีกเกาะ Lesbos . หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเธอมีหลายพี่น้อง แต่งงานกับชายที่ชื่อ cercylas ร่ำรวยและมีลูกสาวชื่อ cleis . เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตผู้ใหญ่ของเธอในเมืองที่เธอวิ่ง greece prefectures . kgm ที่เลสเบี้ยนโรงเรียนหญิงสาวโสดได้โรงเรียนแซปโฟก็อุทิศตัวเพื่อศาสนาของแอฟรอไดทีและ Eros และแซปโฟได้รับที่ดีมีชื่อเสียงในฐานะครูที่ทุ่มเทและกวี ตำนานจากโอวิดแสดงให้เห็นว่าเธอโดดจากหน้าผา เมื่อหัวใจเธอเสียโดย phaon , กะลาสีหนุ่มและเสียชีวิตเมื่ออายุก่อน ประวัติศาสตร์อื่น ๆ เดาว่าเธอตายอายุประมาณ 550 B.C .

ประวัติศาสตร์ของบทกวีเป็นเก็งเป็นชีวประวัติของเธอ เธอเป็นที่รู้จักในสมัยโบราณเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ : เพลโตเรียกเธอว่า " สิบมิวส์ " และฉายาของเธอปรากฏบนเหรียญ มันยังไม่ชัดเจนว่าเธอคิดค้นหรือเพียงแค่การกลั่นเมตรของวันของเธอ แต่ในวันนี้มันเป็นที่รู้จักกันเป็น " เมตร sapphic " บทกวีของเธอถูกเก็บลงในรอบเก้าเล่มศตวรรษที่สามก่อนคริสต์ศักราช ,แต่ผลงานของเธอก็หายไปเกือบทั้งหมด เป็นเวลาหลายปี เพียงหนึ่งในยี่สิบแปดบรรทัดบทกวีของเธอรอดชีวิตมาได้เหมือนเดิม และ เธอเป็นที่รู้จักหลักผ่านใบเสนอราคาที่พบในงานของนักเขียนอื่น ๆจนกระทั่งศตวรรษที่สิบเก้า ใน 1898 นักวิชาการค้นพบ papyri ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนของบทกวีของเธอ ในปี 1914 ในอียิปต์