The aim of the study was to examine

The aim of the study was to examine the employee characteristics self-monitoring and selfefficacy and their relationship to transformational leadership, as rated by employees. Research and theory on charisma and transformational leadership lead to the assumption that employee characteristics influence the perception of leadership behavior and especially transformational leadership (see Klein and House 1995; Weierter 1997, 1999; Weierter, Ashkanasy and Callan 1997). This could also be assumed from Weber’s original model of charisma (1921), in which Weber stated that in order to be charismatic, leaders have to have followers who perceive them as charismatic.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมายของการศึกษาคือการ ตรวจสอบลักษณะของพนักงานที่ตรวจสอบตนเอง และ selfefficacy และความสัมพันธ์ของภาวะผู้นำ เป็นการจัดอันดับโดยพนักงาน งานวิจัยและทฤษฎีภาวะผู้นำและคาริสม่าทำให้สมมติฐานที่ว่า พนักงานลักษณะมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของพฤติกรรมภาวะผู้นำและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะผู้นำ (ดู Klein และบ้าน 1995 Weierter 1997, 1999 Weierter, Ashkanasy และ Callan 1997) นี้สามารถยังทึกทักเอาจากของเวเบอร์รุ่นเดิมของคาริสม่า (1921), ซึ่งแบ่งแยกระบุว่า เพื่อให้บารมี ผู้นำต้องมีลูกศิษย์ที่สังเกตพวกเขาเป็นพิเศษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดมุ่งหมายของการศึกษาคือการตรวจสอบลักษณะการทำงานของพนักงานตรวจสอบตนเองและรู้ความสามารถและความสัมพันธ์ของพวกเขาเพื่อภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในขณะที่จัดอันดับโดยพนักงาน การวิจัยและทฤษฎีเกี่ยวกับความสามารถพิเศษและนำไปสู่​​การเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นผู้นำสมมติฐานที่ว่าลักษณะการทำงานของพนักงานที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของพฤติกรรมความเป็นผู้นำและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง (ดู Klein และบ้าน 1995; Weierter 1997, 1999; Weierter, Ashkanasy และ Callan 1997) นอกจากนี้ยังอาจจะคิดจากรูปแบบเดิมของเวเบอร์ของความสามารถพิเศษ (1921) ซึ่งเวเบอร์กล่าวว่าในการที่จะมีความสามารถพิเศษที่ผู้นำต้องมีการติดตามที่รับรู้พวกเขาเป็นความสามารถพิเศษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จุดมุ่งหมายของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาลักษณะและลูกจ้างตนเอง selfefficacy และความสัมพันธ์ของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นคะแนนโดยพนักงานการวิจัยและทฤษฎีเกี่ยวกับเสน่ห์และภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่สมมติฐานที่ว่าลักษณะของพนักงานมีอิทธิพลต่อการรับรู้พฤติกรรมผู้นำและภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ( โดยเฉพาะเห็นไคลน์และบ้าน 1995 ; weierter 1997 , 1999 ; weierter ashkanasy และภาษาอังกฤษ , 1997 ) นี้อาจจะสันนิษฐานจากเวเบอร์ เดิมรูปแบบของเสน่ห์ ( 1921 )ซึ่ง เวเบอร์ กล่าวว่า เพื่อให้บารมี ผู้นำต้องมีผู้ติดตามรู้สึกมันมีเสน่ห์