Rama VI was the first Chakri monarc

Rama VI was the first Chakri monarch to be educated overseas in Great Britain and he basically sought to legitimise absolutism through the promotion of Thai nationalism, using a secular and western approach.[21] He was determined to maintain the absolute monarchy and carried out many unpopular policies and decisions that lowered the prestige and influence of the Chakri dynasty.[22] He was blamed for the rapid deterioration of the Siamese government’s fiscal health. His lavish spending on his court, his inability to control the corruption of his inner circle and his creation of the Wild Tiger Corps to promote modern-style Siamese nationalism was widely deemed as wasteful and unproductive.[23] By 1920, fiscal mismanagement under Rama VI and the global economic downturn took the Siamese state budget into deficit.[24] In 1925, even the most senior princes decided to demand large cuts in expenditures, especially the royal household.[25] This represented a bold challenge to the authority of the absolute monarch and reflected the severity of the fiscal malaise in Siam.[26]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พระรามเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์จักรีเพื่อการศึกษาในต่างประเทศในสหราชอาณาจักรและเขาเป็นพื้นพยายามที่จะถูกต้องตามกฎหมายสมบูรณาญาสิทธิราชย์ผ่านโปรโมชั่นของลัทธิชาตินิยมไทยโดยใช้วิธีการทางโลกและทางตะวันตก. [21] เขาก็มุ่งมั่นที่จะรักษาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และนำออกไปจำนวนมาก นโยบายไม่เป็นที่นิยมและการตัดสินใจที่ลดศักดิ์ศรีและอิทธิพลของราชวงศ์จักรี[22] เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วของสุขภาพทางการคลังของรัฐบาลสยามของ การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเขาในศาลของเขาที่เขาไม่สามารถที่จะควบคุมความเสียหายจากวงในของเขาและการสร้างป่าเสือกองพลเพื่อส่งเสริมทันสมัย​​สไตล์ชาตินิยมสยามของเขาก็ถือว่าอย่างกว้างขวางว่าเป็นสิ้นเปลืองและไม่ก่อผล. [23] โดย 1920,การปรับตัวทางการคลังภายใต้พระรามหกและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกเอางบประมาณของรัฐสยามเป็นขาดดุล. [24] ในปี 1925 แม้เจ้าชายที่อาวุโสที่สุดจึงตัดสินใจที่จะเรียกร้องให้ลดขนาดใหญ่ในค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชวัง. [25] นี้เป็นตัวแทนของความท้าทายที่เป็นตัวหนา เพื่ออำนาจของกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของอาการป่วยไข้ทางการคลังในสยาม. [26]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พระรามหกเป็นพระมหากษัตริย์จักรีแรกศึกษาต่างประเทศในสหราชอาณาจักร และเขาโดยทั่วไปพยายามที่จะ legitimise อันทรงภูมิธรรมผ่านส่งเสริมชาตินิยมไทย โดยใช้วิธีการแบบตะวันตก และทางโลก[21] เขาถูกกำหนดให้รักษาแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และดำเนินนโยบายกฏหมายมากและตัดสินใจที่ลดลงศักดิ์ศรีและอิทธิพลของราชวงศ์จักรี[22] เขาถูกตำหนิสำหรับเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วของสุขภาพทางการเงินของรัฐบาลสยาม ใช้ของฟุ่มเฟือยจ่ายในศาลของเขา เขาไม่สามารถควบคุมความเสียหายของวงในของเขาและเขาสร้างหน่วยเสือป่าเพื่อส่งเสริมชาตินิยมสยามสไตล์ที่ทันสมัยไม่ว่าเป็น wasteful และก่อ[23] โดย 1920 mismanagement เงินภายใต้พระรามหกและวิกฤติเศรษฐกิจเอางบประมาณรัฐสยามในดุล[24] ใน 1925 ปริ๊นซ์อาวุโสที่สุดได้ตัดสินใจขอตัดขนาดใหญ่ในค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะพระราชวัง[25] ซึ่งแสดงความหนาท้าทายอำนาจของพระมหากษัตริย์แน่นอน และผลความรุนแรงของอาการทางการเงินในไทย[26]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สมเด็จพระรามาธิบดีจักรีครั้งแรกเป็นพระมหากษัตริย์ที่จะได้รับการศึกษาในต่างประเทศในบริเตนใหญ่และเขาโดยพื้นฐานแล้วหาช่องที่จะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับปัญหาสมบูรณาญาสิทธิราชผ่านการส่งเสริมการขายของลัทธิชาตินิยมไทยโดยใช้ในซานฟรานซิสโกและอาหารตะวันตกวิธีการ.[ 21 ]ที่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะรักษาสมบูรณาญาสิทธิราชและนำออกจากการตัดสินใจและนโยบายเร่งด่วนจำนวนมากที่ลงชื่อเสียงและอิทธิพลของราชวงศ์จักรีซึ่ง[ 22 ]เขาตำหนิสำหรับลงอย่างรวดเร็วที่สำคัญของ สุขภาพ ปีงบประมาณของรัฐบาลที่สยาม การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของเขาในสนามของเขาไม่สามารถของเขาในการควบคุมการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงกลมด้านในของเขาและการสร้างของเขาในป่าเสือคณะที่จะส่งเสริมความเป็นชาติไทยสไตล์ที่ทันสมัยนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางให้ถือว่าเป็นความเสียหายและไม่มีประโยชน์.[ 23 ]โดย 1920แรกเริ่มเบคเทลประเมินโครงการปีงบประมาณตามสมเด็จพระรามาธิบดีและ ภาวะ เศรษฐกิจโลกที่มาแบบจำกัดงบประมาณของรัฐสยามเข้าไปในการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด.[ 24 ]ในปี 1925 แม้จะได้เจ้านายอาวุโสสูงสุดมีมติในการตอบสนองความต้องการการลดขนาดใหญ่ในการใช้จ่ายโดยเฉพาะในครัวเรือนที่ใช้ในพระราช.[ 25 ]นี้แทนความท้าทายกล้าที่จะได้ไม่ว่าในกรณีใดๆของกษัตริย์และสะท้อนถึงความรุนแรงของคลื่นเหียนปีงบประมาณในสยาม.[ 26 ]