The quantity demanded generally dec

The quantity demanded generally decreases when the
price increases, so this ratio is usually expected to be
negative. For example, if a 10% increase in the price of
good A results in a 6% fall in the quantity demanded of
that good, its own price elasticity is -0.6. By contrast, if a
10% fall in the price of good B leads to a 12% increase in
the quantity demanded of good B, its own price elasticity
is -1.2.
Goods with elasticities less than one in absolute value
are commonly referred to as having inelastic or price
insensitive demand. In other words, the proportional
change in quantity demanded will be less than the
proportional change in price. In this situation, increasing
the price will increase the revenue received by the
producer of the good, since the revenue lost by the
decrease in quantity is less than the revenue gained from
the higher price.
Goods with elasticities greater than one in absolute
value are referred to as having elastic or price sensitive
demand. In other words, the proportional change in
quantity demanded will be greater than the proportional
change in price. A price increase will result in a revenue
decrease to the producer since the revenue lost from
the resulting decrease in quantity sold is more than the
revenue gained from the price increase.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปริมาณที่ต้องการโดยทั่วไปลดลงเมื่อการราคาที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้อัตราส่วนนี้มักจะคาดว่าจะลบ ตัวอย่างเช่น ถ้าเพิ่ม 10% ของราคาของดีผลใน 6% อยู่ในปริมาณที่ต้องการของที่ดี ความยืดหยุ่นของตัวเองราคาเป็น-0.6 โดยคมชัด ถ้าเป็นฤดูใบไม้ร่วง 10% ราคาดีบีนำไปเพิ่มเป็น 12%ปริมาณแค่ดีบี ความยืดหยุ่นของตัวเองราคา-1.2 ได้สินค้าที่ มี elasticities น้อยกว่าในค่าสัมบูรณ์โดยทั่วไปอย่างเป็นมี inelastic หรือราคาความซ้อน ในคำอื่น ๆ สัดส่วนเปลี่ยนแปลงในปริมาณที่ต้องจะน้อยกว่าสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงในราคา ในสถานการณ์นี้ เพิ่มราคาจะเพิ่มรายได้รับการโปรดิวเซอร์ของดี เนื่องจากรายได้หายไปโดยลดลงปริมาณจะน้อยกว่ารายได้ได้รับจากราคาสูงขึ้นสินค้าที่ มีมากกว่าหนึ่งในสัมบูรณ์ elasticitiesค่าที่เรียกว่ามียางยืดหรือราคาที่สำคัญความต้องการ ในคำอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนในปริมาณที่ต้องจะสูงกว่าสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงในราคา การเพิ่มขึ้นของราคาจะส่งผลให้มีรายได้ลดการผลิตเนื่องจากรายได้หายไปจากลดลงได้ในปริมาณที่ขายได้มากขึ้นกว่ารายได้ที่ได้จากการเพิ่มขึ้นของราคา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปริมาณการเรียกร้องโดยทั่วไปลดลงเมื่อราคาเพิ่มขึ้นดังนั้นอัตราส่วนนี้คาดว่าจะเป็นมักจะเป็นเชิงลบ ตัวอย่างเช่นถ้าเพิ่มขึ้น 10% ในราคาของผลที่ดีในฤดูใบไม้ร่วง6% ในปริมาณที่เรียกร้องของดีที่ยืดหยุ่นราคาของตัวเองเป็น-0.6 ในทางตรงกันข้ามถ้าฤดูใบไม้ร่วง 10% ในราคาของ B ที่ดีนำไปสู่การเพิ่มขึ้น 12% ในปริมาณที่เรียกร้องของบีดียืดหยุ่นของราคาของตัวเองเป็น-1.2. สินค้าที่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าหนึ่งในค่าสัมบูรณ์จะเรียกกันทั่วไปว่าเป็นมีไม่ยืดหยุ่นหรือราคาความต้องการความรู้สึก ในคำอื่น ๆ ที่มีสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงในปริมาณที่เรียกร้องจะน้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของราคา ในสถานการณ์เช่นนี้เพิ่มขึ้นราคาจะเพิ่มรายได้ที่ได้รับจากผู้ผลิตของที่ดีเนื่องจากรายได้ที่หายไปจากการลดลงของปริมาณที่น้อยกว่ารายได้ที่ได้จากราคาที่สูงขึ้น. สินค้าที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าหนึ่งแน่นอนค่าจะเรียกว่าที่จะมีความยืดหยุ่นหรือราคาที่ไวต่อความต้องการ ในคำอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนปริมาณการเรียกร้องจะสูงกว่าสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงราคา ราคาที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้รายได้ลดลงในการผลิตตั้งแต่รายได้ที่หายไปจากการลดลงส่งผลให้ในปริมาณขายมากกว่ารายได้ที่ได้รับจากการเพิ่มขึ้นของราคา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปริมาณที่ต้องการ โดยทั่วไปจะลดลงเมื่อ
ราคาเพิ่มขึ้น ดังนั้น อัตราส่วนนี้มักจะคาดว่าจะ
ลบ ตัวอย่างเช่น ถ้า 10% เพิ่มขึ้นในราคาของ
ดีผลลัพธ์ในลดลง 6% ในปริมาณที่สั่ง
ดี ความยืดหยุ่นของมันคือ - 0.6 ในทางตรงกันข้าม ถ้าล้ม
10 % ในราคาดี บี นำไปสู่การเพิ่ม 12 %
ปริมาณความต้องการสินค้าของ ดี บี
ความยืดหยุ่นของตัวเองคือ - 1.2 .
สินค้าที่มีค่าความยืดหยุ่นน้อยกว่า 1 ใน
ค่าสัมบูรณ์มักเรียกว่ามีความยืดหยุ่นราคา
ความต้องการหรือความรู้สึก ในคำอื่น ๆเปลี่ยนสัดส่วน
ปริมาณอุปสงค์จะน้อยกว่า
เปลี่ยนตามสัดส่วนในราคา ในสถานการณ์นี้ เพิ่ม
ราคาจะเพิ่มรายได้ที่ได้รับโดย
โปรดิวเซอร์ของดีเนื่องจากรายได้ที่สูญเสียไปโดย
ลดลงในปริมาณที่น้อยกว่ารายได้ที่ได้รับจาก

สินค้ากับราคาที่สูงขึ้น โดยมากกว่าหนึ่งในค่าสัมบูรณ์
จะเรียกว่ามีความยืดหยุ่นหรือราคาไว

ในคำอื่น ๆเปลี่ยนสัดส่วนใน
ปริมาณอุปสงค์จะมากกว่าเปลี่ยนสัดส่วน
ในราคา ราคาที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้รายได้
ลดการผลิตเนื่องจากรายได้ที่หายไปจาก
ส่งผลให้ปริมาณขายลดลงมากกว่า
รายได้ที่ได้รับจากการเพิ่มขึ้นของราคา