Dietary trans-fatty acids at suffic

Dietary trans-fatty acids at sufficiently high levels have been found to increase low-density lipoprotein cholesterol and decrease high-density lipoprotein cholesterol compared with diets high in cis monounsaturated or polyunsaturated fatty acids. The dietary levels of trans-fatty acids necessary to do this appear to be approximately 4% of energy or higher to increase low-density lipoprotein cholesterol and approximately 5% to 6% of energy or higher to decrease high-density lipoprotein cholesterol, compared with control diets essentially trans-free. In response, the food industry is working on ways to eliminate or greatly reduce trans-fatty acids in food products. Current efforts focus on 4 technological options: (1) modification of the hydrogenation process, (2) use of interesterification, (3) use of fractions high in solids from natural oils, and (4) use of trait-enhanced oils. Challenges to the food industry in replacing trans-fatty acids in foods are to develop formulation options that provide equivalent functionality, are economically feasible, do not greatly increase saturated fatty acid content, and meet the regulatory deadline of January 1, 2006

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรดทรานส์ไขมันอาหารในระดับที่สูงพอค้นพบการเพิ่มไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำไขมัน และลดคอเลสเตอรไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นสูงเมื่อเทียบกับอาหารใน cis แมคหรือกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ระดับอาหารกรดทรานส์ไขมันที่จำเป็นต้องทำเช่นนี้จะ เป็นประมาณ 4% ของพลังงาน หรือสูงกว่าเพื่อเพิ่มอรไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำและประมาณ 5% ถึง 6% ของพลังงาน หรือสูงกว่าเพื่อลดคอเลสเตอรไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นสูง เมื่อเทียบกับการควบคุมอาหารเป็นหลักทรานส์ฟรี ตอบ อุตสาหกรรมอาหารกำลังทำงานในวิธีการกำจัด หรือลดกรดไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร ความพยายามในปัจจุบันเน้นการเลือกเทคโนโลยีที่ 4: (1) การปรับเปลี่ยนกระบวนการไฮโดรจีเนชัน interesterification ใช้ (2), (3) การใช้เศษส่วนสูงแข็งออกจากน้ำมันตามธรรมชาติ และ (4) การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นลักษณะ ความท้าทายของอุตสาหกรรมอาหารในการเปลี่ยนกรดทรานส์ไขมันในอาหารจะพัฒนาเลือกสูตรที่มีฟังก์ชันเทียบเท่า เป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ไม่ช่วยเพิ่มปริมาณกรดไขมันอิ่มตัว และตามกำหนดเวลาบังคับ 1 มกราคม 2006

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อาหารกรดไขมันทรานส์ในระดับที่สูงพอสมควรได้รับพบว่าเพิ่มความหนาแน่นต่ำไลโปโปรตีนคอเลสเตอรอลและลดความหนาแน่นสูงคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนเมื่อเทียบกับอาหารสูงในไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว CIS หรือกรดไขมันไม่อิ่มตัว ระดับการบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์ที่จำเป็นในการทำเช่นนี้ปรากฏจะอยู่ที่ประมาณ 4% ของพลังงานหรือสูงกว่าเพื่อเพิ่มความหนาแน่นต่ำไลโปโปรตีนคอเลสเตอรอลและประมาณ 5% เป็น 6% ของพลังงานหรือสูงกว่าเพื่อลดความหนาแน่นสูงคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนเมื่อเทียบกับ อาหารควบคุมหลักทรานส์ฟรี ในการตอบสนองอุตสาหกรรมอาหารจะทำงานเกี่ยวกับวิธีที่จะขจัดหรือลดกรดไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร ความพยายามในปัจจุบันมุ่งเน้นใน 4 ตัวเลือกเทคโนโลยี (1) การเปลี่ยนแปลงของกระบวนการไฮโดรจิ (2) การใช้งานของ interesterification (3) การใช้งานของเศษส่วนสูงในของแข็งจากน้ำมันธรรมชาติและ (4) การใช้น้ำมันหอมลักษณะเพิ่ม ความท้าทายให้กับอุตสาหกรรมอาหารในการเปลี่ยนกรดไขมันทรานส์ในอาหารจะพัฒนาตัวเลือกสูตรที่ให้การทำงานเทียบเท่าเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจไม่ได้ช่วยเพิ่มปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวและตอบสนองความเส้นตายการกำกับดูแลของ 1 มกราคม 2006

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรดทรานส์ไขมันอาหารที่เพียงพอในระดับสูงได้ถูกพบเพื่อเพิ่มคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำและลดคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูงเมื่อเทียบกับอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว monounsaturated หรือ CIS . อาหารที่ระดับของกรดไขมันที่จำเป็นที่จะทำนี้ปรากฏอยู่ที่ประมาณ 4% ของพลังงานหรือสูงกว่าเพื่อเพิ่มความหนาแน่นต่ำไลโปโปรตีนคอเลสเตอรอลและประมาณ 5% ถึง 6% ของพลังงานหรือสูงกว่าเพื่อลดคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูงเมื่อเทียบกับอาหารควบคุมหลักข้ามฟรี ในการตอบสนอง , อุตสาหกรรมอาหารจะทำงานในวิธีที่จะขจัดหรือลดกรดไขมันทรานส์ในอาหาร ความพยายามในปัจจุบันมุ่งเน้น 4 ตัวเลือกเทคโนโลยี ( 1 ) การเปลี่ยนแปลงของกระบวนการไฮโดรจิเนชัน ( 2 ) ใช้ interesterification ( 3 ) การใช้เศษส่วนสูงในของแข็งจากน้ำมันธรรมชาติ และ ( 4 ) การใช้ลักษณะน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ความท้าทายต่ออุตสาหกรรมอาหารทดแทนกรดไขมันทรานส์ในอาหาร เพื่อพัฒนาให้เทียบเท่ากับตัวเลือกการกำหนดฟังก์ชันมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ไม่ช่วยเพิ่มปริมาณกรดไขมันที่อิ่มตัว และได้กำหนดกฎระเบียบของวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549