When her five daughters were young,

When her five daughters were young, Helene An always told them that there was strength in unity. To show this, she held up one chopstick, representing one person. Then she easily broke it into two pieces. Next, she tied several chopsticks together, representing a family. She showed the girls it was hard to break the tied chopsticks. This lesson about family unity stayed with the daughters as they grew up.

Helene An and her family own a multi-million dollar restaurant business in California. However, when Helene and her husband Danny left their home in Vietnam in 1975, they didn't have much money. They moved their family to San Francisco There they joined Danny's mother, Who owned a small Italian sandwich shop. The Ans began with only a small idea and never dreamed of the success they have today.

Soon after the Ans' arrival in the United States, Helene and her mother-in-law, Diana, changed the sandwich shop into a small Vietnamese restaurant. They named it Green Dragon, which symbolizes good luck in Vietnamese. The restaurant was very popular, and they expanded from 20 seats to 70. The five daughters helped in the restaurant when they were young. Their mother told them that they all had to work hard to reach their goals and make their family stronger. Helene did not want her daughters to always work in the family business because she thought it was too hard.

Eventually the girls all graduated from college and went away to work for themselves, but one by one, the daughters returned to work in the family business. They opened new restaurants in San Francisco and in Beverly Hills, a wealthy area in Los Angeles. The daughters chose new names and styles for their restaurants. Over the years, some ideas were successful, but others were not. Even though family members sometimes disagreed with each other, they worked together to make the business successful. Daughter Elizabeth explains, "Our mother taught us that to succeed we must have unity, and to have unity we must have peace. Without the strength of the family, there is no business. So even when we don't agree, we are willing to try a new idea."

Their expanding business became a large corporation in 1996, with three generations of Ans working together. Helene is the expert on cooking. Helene's husband Danny An is good at making decisions. Their daughter Hannah is good with computers. Hannah's husband Danny Vu is good at thinking of new ideas and doing research. Hannah's sister Elizabeth is the family designer. She designs the insides of the restaurants. Their sister Monique is good at managing. Elizabeth says, "If you're going to work as a family, you have to know what you're good at. We work well together because we have different strengths." Even the grandchildren help out.

Now the corporation makes more Ans' than $20 million each year. Although they began with a small restaurant, they had big dreams, and they worked together. Now they are a big success. Helene says, "In Vietnam I didn't have to do anything for myself. Here, I've had to do everything But I was never unhappy because every day I could see all the members of my family, and that gave me courage to do more. This has been our greatest fortune1, to work together as a family

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อลูกสาวของเธอห้าหนุ่ม เที่ยวที่มักจะบอกพวกเขาว่า มีความแข็งแรงในความสามัคคี การแสดงนี้ เธอจัดขึ้นตะเกียบหนึ่ง เป็นตัวแทนคน แล้ว เธอได้มันแตกเป็นสองท่อน ถัดไป เธอยึดตะเกียบหลายเข้าด้วยกัน เป็นตัวแทนของครอบครัว เธอพบสาวถูกตะเกียบผูกยาก บทเรียนนี้เกี่ยวกับครอบครัวอยู่กับลูกสาวพวกเขาเติบโตขึ้นมา เที่ยวมี และครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตาม เมื่อเที่ยวและสามีแดนซ้ายบ้านในเวียดนามในปี 1975 พวกเขาไม่มีเงินมาก จะย้ายครอบครัวไปซานฟรานซิสโกมีจะร่วม เป็นแม่ของ Danny ที่เป็นเจ้าของร้านแซนวิชอิตาลีขนาดเล็ก ตอบการเริ่มต้นเท่านั้นเป็นความคิดในการขนาดเล็ก และไม่เคยฝันถึงความสำเร็จมีวันนี้ หลังจากการมาถึงของ Ans ในสหรัฐอเมริกา เที่ยวและยายของเธอ ไดอาน่า เปลี่ยนร้านแซนด์วิชเป็นอาหารเวียดนามขนาดเล็ก พวกเขาตั้งชื่อมันว่ามังกรเขียว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีในเวียดนาม ร้านอาหารเป็นที่นิยมมาก และพวกเขาขยายจาก 20 ที่ 70 ลูกสาวห้าช่วยอาหารวัยเด็ก แม่บอกพวกเขาว่า พวกเขาทั้งหมดมีการทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายของพวกเขา และทำให้ครอบครัวแข็งแรง เที่ยวไม่ชอบลูกสาวของเธอทำงานในธุรกิจครอบครัวเสมอ เพราะเธอคิดว่า มันยากเกินไป ในที่สุดหญิงสาวทั้งหมดจบศึกษาจากวิทยาลัย และไปทำงานให้ตัวเอง แต่หนึ่ง ลูกสาวกลับมาทำงานในธุรกิจครอบครัว พวกเขาเปิดร้านอาหารใหม่ ในซานฟรานซิสโก และ ใน Beverly Hills พื้นที่ร่ำรวยในลอสแองเจลิส ลูกสาวเลือกชื่อใหม่และรูปแบบสำหรับร้าน ปี ความคิดบางอย่างประสบความสำเร็จ แต่คนอื่น ๆ ไม่ได้ แม้ว่าสมาชิกในครอบครัวบางครั้งมีความเห็นกับคนอื่น ๆ พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ลูกสาวเอลิซาเบธอธิบาย, "แม่เราสอนเราที่ประสบความสำเร็จเราต้องมีความสามัคคี และมีความสามัคคี เราต้องมีความสงบ ไม่ มีความแข็งแรงของครอบครัว มีธุรกิจไม่ ได้ว่าเมื่อเราไม่ยอมรับ เรายินดีที่จะลองคิดใหม่ " ธุรกิจขยายตัวกลายเป็น บริษัทขนาดใหญ่ในปี 1996 มีสามรุ่นและทำงานร่วมกัน เที่ยวมีเชี่ยวชาญในการปรุงอาหาร เที่ยวของสามีแดนนี่มีดีที่ตัดสินใจ ลูกสาวของนางฮันนาห์เป็นดีกับคอมพิวเตอร์ สามีของนางฮันนาห์ Danny Vu คือในความคิดของความคิดใหม่ และทำวิจัย น้องสาวของนางฮันนาห์เอลิซาเบธเป็นแบบครอบครัว เธอออกแบบ insides ร้านอาหาร โมนิคน้องสาวของตนมีดีที่การจัดการ เอลิซาเบธว่า "คุณจะทำงานเป็นครอบครัว คุณได้ทราบว่าสิ่งที่คุณกำลังที่ดี เราทำงานกัน เพราะเรามีจุดแข็งที่แตกต่างกัน" แม้ลูกหลานช่วยออก ตอนนี้ บริษัททำ Ans' มากขึ้นกว่า $20 ล้านบาทแต่ละปี แม้ว่าพวกเขาเริ่ม มีภัตตาคารขนาดเล็ก พวกเขามีความฝันใหญ่ และพวกเขาทำงานร่วมกัน ตอนนี้พวกเขามีความสำเร็จ เที่ยวว่า "ในเวียดนามไม่ได้มีการทำอะไรด้วยตนเอง ที่นี่ ฉันเคยทำทุกอย่าง แต่ผมไม่เคยเศร้า เพราะทุกวันฉันจะได้เห็นสมาชิกทุกคนในครอบครัวของฉัน และที่ทำให้ผมกล้ามากขึ้น นี้ได้ fortune1 ของเรามากที่สุด ทำงานร่วมกันเป็นครอบครัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อลูกสาวทั้งห้าของเธอเป็นหนุ่ม Helene เสมอบอกพวกเขาว่ามีความแข็งแรงในความสามัคคี ในการแสดงนี้เธอจัดขึ้นหนึ่งตะเกียบที่เป็นตัวแทนของคนคนหนึ่ง จากนั้นเธอได้อย่างง่ายดายมันแตกออกเป็นสองชิ้น ถัดไปเธอผูกหลายตะเกียบร่วมกันเป็นตัวแทนของครอบครัว เธอแสดงสาวมันเป็นเรื่องยากที่จะทำลายตะเกียบผูก บทเรียนเกี่ยวกับความสามัคคีของครอบครัวนี้อาศัยอยู่กับลูกสาวที่พวกเขาเติบโตขึ้นมา. Helene An และครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารหลายล้านดอลลาร์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตามเมื่อเอลีนและสามีของเธอแดนนี่ออกจากบ้านของพวกเขาในเวียดนามในปี 1975 พวกเขาไม่ได้มีเงินมาก พวกเขาย้ายครอบครัวของพวกเขาไปยังซานฟรานซิสที่นั่นพวกเขาได้เข้าร่วมแม่ของแดนนีซึ่งเป็นเจ้าของขนาดเล็กร้านแซนวิชอิตาเลี่ยน Ans เริ่มมีเพียงความคิดที่มีขนาดเล็กและไม่เคยฝันของความสำเร็จที่พวกเขามีวันนี้. ไม่นานหลังจากที่เดินทางมาถึง Ans 'ในสหรัฐอเมริกาเอลีนและแม่ของเธอในกฎหมายไดอาน่าเปลี่ยนร้านแซนวิชเป็นอาหารเวียดนามที่มีขนาดเล็ก พวกเขาตั้งชื่อมันว่ามังกรเขียวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีในเวียตนาม ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมากและพวกเขาขยายจาก 20 ที่นั่ง 70. ลูกสาวทั้งห้าช่วยในร้านอาหารเมื่อพวกเขาเป็นเด็ก แม่ของพวกเขาบอกพวกเขาว่าพวกเขาทุกคนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขาและทำให้ครอบครัวของพวกเขาแข็งแกร่ง Helene ไม่ต้องการที่ลูกสาวของเธอมักจะทำงานในธุรกิจของครอบครัวเพราะเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องยากเกินไป. ในที่สุดสาว ๆ ทุกคนจบการศึกษาจากวิทยาลัยและเดินออกไปทำงานเพื่อตัวเอง แต่อย่างใดอย่างหนึ่งโดยหนึ่งลูกสาวกลับไปทำงานในธุรกิจของครอบครัว . พวกเขาเปิดร้านอาหารใหม่ในซานฟรานซิสและใน Beverly Hills, พื้นที่ที่ร่ำรวยใน Los Angeles ลูกสาวเลือกชื่อและรูปแบบใหม่สำหรับร้านอาหารของพวกเขา กว่าปีที่ความคิดบางคนประสบความสำเร็จ แต่คนอื่นไม่ได้ แม้ว่าสมาชิกในครอบครัวบางครั้งก็ไม่เห็นด้วยกับแต่ละอื่น ๆ ที่พวกเขาทำงานร่วมกันที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ลูกสาวลิซาเบ ธ อธิบายว่า "แม่ของเราสอนเราว่าจะประสบความสำเร็จเราจะต้องมีความสามัคคีและมีความสามัคคีเราจะต้องมีความสงบสุข. โดยไม่ต้องมีความแข็งแรงของครอบครัวที่มีธุรกิจไม่. ดังนั้นแม้ในขณะที่เราไม่เห็นด้วยเรามีความยินดีที่ ลองคิดใหม่. " ขยายธุรกิจของพวกเขากลายเป็น บริษัท ขนาดใหญ่ในปี 1996 ที่มีสามรุ่นของ Ans การทำงานร่วมกัน เอลีนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรุงอาหาร สามีของเอลีนของแดนอันเป็นที่ดีในการตัดสินใจ ฮันนาห์ลูกสาวของพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีกับคอมพิวเตอร์ สามีของฮันนาห์แดนนีวูเป็นสิ่งที่ดีในความคิดของความคิดใหม่และการวิจัยทำ น้องสาวของฮันนาห์ลิซาเบ ธ เป็นผู้ออกแบบครอบครัว เธอออกแบบอวัยวะภายในของร้านอาหารที่ น้องสาวของเขาโมนิคเป็นสิ่งที่ดีในการจัดการ ลิซาเบ ธ กล่าวว่า "ถ้าคุณกำลังจะไปทำงานเป็นครอบครัวคุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณกำลังดีที่. เราทำงานร่วมกันได้เพราะเรามีจุดแข็งที่แตกต่างกัน." แม้ลูกหลานช่วยออก. ตอนนี้ บริษัท ที่ทำมากขึ้น Ans กว่า $ 20 ล้านในแต่ละปี แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นด้วยร้านอาหารเล็ก ๆ พวกเขามีความฝันอันยิ่งใหญ่และพวกเขาทำงานร่วมกัน ตอนนี้พวกเขาประสบความสำเร็จใหญ่ เอลีนกล่าวว่า "ในประเทศเวียดนามผมไม่ต้องทำอะไรเพื่อตัวเอง. นี่ผมได้มีการทำทุกอย่าง แต่ผมไม่เคยมีความสุขเพราะทุกวันที่ฉันจะได้เห็นสมาชิกทุกคนในครอบครัวของฉันและที่ทำให้ผมกล้าที่จะ ทำมากขึ้น. นี้ได้รับ fortune1 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราในการทำงานร่วมกันเป็นครอบครัว