Abstract. Forest road networks prov

Abstract. Forest road networks provide access to the forest as a source of
timber production and tourism services. Moreover, it is considered the main
tool to protect forests from fire and smuggling. The prerequisite of road management
and maintenance planning is to have spatial distribution and map of
the roads. But newly constructed or some other forest road segments are not
available in national maps. Therefore, mapping these networks is raised as
a priority for a forest manager. The aim of this study was to assess accuracy
of routine methods in road mapping. For this purpose, Patom district forest
road was selected and road network map was extracted from the National
Cartographic Center maps as the ground truth or base map. The map of the
network was acquired using two methods, a GPS receiver and survey technique.
Selecting 70 sample points on the network and considering the National
Cartographic Center map as base map, accuracy was determined for
two methods. The results showed that while the survey method was more accurate
at the beginning of the path (first 500 meters), accumulation of errors
resulted in higher rates of error in this method (up to 263 meters) compared
to GPS. Mann-Whitney test revealed significant differences in accuracy of
two methods and mean accuracies were 38.86 and 147.90 for GPS and surveying
respectively. The results showed that for samples 1-15 there was
no significant difference between the survey and GPS data but for samples
28-42 and 56-70 statistically significant difference were existed between the
survey and GPS data. Regression analysis showed that the relation between
GPS and surveying accuracies and distance were best defined by cubic (R2
adj
= 0.65) and linear (R2
adj = 0.83) regression models respectively. Applying 10
and 5 meters buffers around base map, 68 and 41% of GPS and 44 and 21%
of surveying derived road were overlapped with buffer zones. The time required
to complete the survey was found to increase the overall cost of mapping
road network. The lower time requirements associated with the GPS
methods were found to reduce the costs associated with mapping forest roads.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อ เครือข่ายถนนป่าให้ถึงป่าที่เป็นแหล่งของไม้ผลิตบริการและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ มันจะถือเป็นหลักเครื่องมือเพื่อปกป้องป่าจากไฟไหม้และลักลอบ ข้อกำหนดเบื้องต้นของการจัดการถนนและบำรุงรักษาการวางแผนคือการ กระจายและแผนที่ถนน แต่สร้างขึ้นใหม่ หรือบางส่วนถนนป่าที่อื่นไม่พร้อมใช้งานในแผนที่แห่งชาติ ดังนั้น การแมปเครือข่ายเหล่านี้ถูกยกเป็นระดับความสำคัญสำหรับการจัดการป่า จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้เป็นการ ประเมินความถูกต้องวิธีตามปกติในโร้ดแม็ป สำหรับวัตถุประสงค์นี้ Patom เขตป่าเลือกถนน และแผนที่เครือข่ายถนนที่แยกจากชาติแผนที่ศูนย์ Cartographic เป็นดินจริงหรือแผนที่ฐาน แผนที่เครือข่ายมาใช้สองวิธี ตัวรับสัญญาณ GPS และเทคนิคแบบสำรวจเลือก 70 คะแนนตัวอย่างบนเครือข่ายและพิจารณาชาติCartographic เซ็นเตอร์เป็นแผนที่พื้นฐาน ความถูกต้องถูกกำหนดสำหรับวิธีที่ 2 ผลพบว่าในขณะที่วิธีการสำรวจได้ถูกต้องมากขึ้นที่จุดเริ่มต้นของเส้นทาง (แรก 500 เมตร), สะสมของข้อผิดพลาดส่งผลให้ราคาสูงของข้อผิดพลาดในวิธีการนี้ (ถึง 263 เมตร) เปรียบเทียบการ GPS วิทนีย์มานน์ทดสอบเปิดเผยความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความถูกต้องของวิธีที่สองและ accuracies หมายถึงคำ 38.86 147.90 สำหรับ GPS และการสำรวจตามลำดับ ผลพบว่าตัวอย่างที่ 1-15 มีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างการสำรวจและข้อมูล GPS แต่ สำหรับตัวอย่าง28-42 และ 56-70 ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติถูกอยู่ระหว่างการสำรวจและข้อมูล GPS การวิเคราะห์ถดถอยพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีพีเอส และสำรวจ accuracies และระยะทางมีส่วนกำหนด โดยลูกบาศก์ (R2คำวิเศษณ์= 0.65) และเส้น (R2คำวิเศษณ์ = 0.83) โมเดลการถดถอยตามลำดับ ใช้ 10และบัฟเฟอร์ 5 เมตรรอบฐานแผนที่ 68 และ 41% ของจีพีเอสและ 44 และ 21%ถนนมาสำรวจที่เหลื่อมซ้อนกับบัฟเฟอร์โซน เวลาที่ใช้เพื่อทำการสำรวจพบเพิ่มต้นทุนโดยรวมของการแม็ปเครือข่ายถนน ข้อกำหนดเวลาต่ำที่เกี่ยวข้องกับ GPSพบวิธีการลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการแมปป่าถนน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นามธรรม.
เครือข่ายถนนป่าให้เข้าถึงป่าเป็นแหล่งที่มาของการผลิตไม้และบริการการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังถือเป็นหลักของเครื่องมือในการปกป้องป่าจากไฟไหม้และการลักลอบขน สิ่งที่จำเป็นของการจัดการถนนและการวางแผนการบำรุงรักษาที่จะมีการกระจายเชิงพื้นที่และแผนที่ของถนน แต่สร้างขึ้นใหม่หรือบางส่วนถนนป่าอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในแผนที่แห่งชาติ ดังนั้นการทำแผนที่เครือข่ายเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับความสำคัญสำหรับผู้จัดการป่า จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการประเมินความถูกต้องของวิธีการในการทำแผนที่ประจำถนน เพื่อจุดประสงค์นี้ป่าอำเภอปฐมถนนได้รับเลือกและแผนที่เครือข่ายถนนถูกสกัดจากชาติแผนที่ศูนย์การทำแผนที่เป็นจริงพื้นดินหรือแผนที่ฐาน แผนที่ของเครือข่ายที่ถูกซื้อกิจการโดยใช้สองวิธีการรับสัญญาณ GPS และเทคนิคการสำรวจ. เลือก 70 คะแนนตัวอย่างบนเครือข่ายและการพิจารณาชาติแผนที่ศูนย์Cartographic แผนที่ฐานความถูกต้องได้รับการพิจารณาทั้งสองวิธี ผลการศึกษาพบว่าในขณะที่วิธีการสำรวจคือถูกต้องมากขึ้นที่จุดเริ่มต้นของเส้นทาง (ตอนแรก 500 เมตร) การสะสมของความผิดพลาดส่งผลให้ในอัตราที่สูงขึ้นของข้อผิดพลาดในวิธีการนี้(ไม่เกิน 263 เมตร) เมื่อเทียบกับการจีพีเอส การทดสอบ Mann-วิทนีย์เผยความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความถูกต้องของสองวิธีการและความถูกต้องเป็นค่าเฉลี่ย38.86 และ 147.90 สำหรับ GPS และการสำรวจตามลำดับ ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ 1-15 มีไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการสำรวจและข้อมูลGPS แต่สำหรับตัวอย่าง28-42 และ 56-70 ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้รับอยู่ระหว่างสำรวจและข้อมูลGPS การวิเคราะห์การถดถอยแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีพีเอสและการสำรวจความถูกต้องและระยะทางที่ถูกกำหนดที่ดีที่สุดโดยลูกบาศก์ (R2 adj = 0.65) และเชิงเส้น (R2 adj = 0.83) ตามลำดับรุ่นถดถอย การใช้ 10 และ 5 เมตรบัฟเฟอร์รอบแผนที่ฐาน 68 และ 41% ของจีพีเอสและ 44 และ 21% ของการสำรวจถนนที่ได้มาถูกซ้อนทับกับบัฟเฟอร์โซน เวลาที่ใช้ในการเสร็จสิ้นการสำรวจพบว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายโดยรวมของการทำแผนที่เครือข่ายถนน ความต้องการที่ลดลงเวลาที่เกี่ยวข้องกับ GPS วิธีการที่พบว่าลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำแผนที่ถนนป่า