Abstract: This study designed for u

Abstract: This study designed for understanding the nutrition knowledge, attitude and food habits of college’s students. The target population consisted entirely of college student of Payam Nour Universities. Standard questionnaire (K Parmenter and J Wardle 1999) which was developed to measure subject’s nutrition knowledge,attitude and food habits distributed among 415 students randomly. After translation, questionnaires were evaluated by professor’s faculty of physical education and sport sciences. The reliability analysis yielded Cronbach Alpha values of 0.78 for the knowledge and 0.74 for the attitude scales. The collected data was analyzed by t-test, one-way ANOVA and Pearson correlation coefficient (P

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อ: การศึกษานี้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการอาหาร และความรู้ ทัศนคติพฤติกรรมของนักเรียนของวิทยาลัย ประชากรเป้าหมายประกอบด้วยทั้งหมดของนักศึกษาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยนูรพยาม มาตรฐานแบบสอบถาม (K Parmenter และ J Wardle 1999) ซึ่งได้รับการพัฒนาวัดของเรื่องโภชนาการอาหาร และความรู้ ทัศนคตินิสัยถูกกระจาย 415 นักเรียนโดยการสุ่ม หลังจากแปล แบบสอบถามถูกประเมิน โดยศาสตราจารย์คณะพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การกีฬา การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือผลอัลฟาของ Cronbach ค่า 0.78 สำหรับความรู้และ 0.74 สำหรับระดับทัศนคติ ข้อมูลที่รวบรวมได้วิเคราะห์ โดย t-ทดสอบ ทางเดียวการวิเคราะห์ความแปรปรวนและเพียร์สันสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (P < 0.05) ผลลัพธ์แสดงว่า คะแนนความรู้โภชนาการในนักเรียนพลศึกษาได้สูงสุด และในนักเรียนบริหารธุรกิจต่ำ การวิเคราะห์ความแปรปรวนแสดงว่า มีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างความรู้โภชนาการสาขาเอกทั้งหมด และ ระหว่างผสานระหว่างเพศทั้ง ยังคะแนนทัศนคติโภชนาการสำหรับการศึกษาทางกายภาพได้สูงสุด และสำหรับจิตวิทยาถูกต่ำ แต่ความแตกต่างระหว่างทัศนคติโภชนาการระหว่างสาขาเอกทั้งหมดไม่สำคัญ มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างโภชนาการความรู้และทัศนคติ และโภชนาการอาหารและทัศนคติพฤติกรรมของนักเรียนเพศชายและหญิง ตามผลของเรา เราขอแนะนำนักเรียนที่ควรสนใจเพิ่มเติมการโภชนาการ นอกจากนี้ยัง ศึกษาในวิทยาลัยรวมระยะเวลาทองสำหรับการเรียนรู้ สามารถในส่งเสริมโภชนาการความรู้ ทัศนคติ และปฏิบัติของนักเรียน ดังนั้นความสำคัญของโภชนาการในหลักสูตรของวิทยาลัยต่าง ๆ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการต้องมีการเน้นย้ำในวิทยาเขตวิทยาลัยการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ: การศึกษาได้รับการออกแบบสำหรับการทำความเข้าใจความรู้โภชนาการทัศนคติและพฤติกรรมการอาหารของนักศึกษาคนนี้ ประชากรกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยทั้งหมดของนักศึกษาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยพยามนัว แบบสอบถามมาตรฐาน (K Parmenter เจเดิ้ล 1999) ซึ่งได้รับการพัฒนาในการวัดความรู้เรื่องโภชนาการทัศนคติและนิสัยอาหารกระจายในหมู่นักเรียน 415 สุ่ม หลังจากการแปลแบบสอบถามได้รับการประเมินโดยคณะอาจารย์พลศึกษาและการกีฬาวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือให้ผลค่าอัลฟาของครอนบาค 0.78 สำหรับความรู้และ 0.74 สำหรับเครื่องชั่งทัศนคติ การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้รับการวิเคราะห์โดย t-test หนึ่ง way ANOVA และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (P <0.05) ผลปรากฏว่าคะแนนความรู้ด้านโภชนาการของนักเรียนในการศึกษาทางกายภาพได้สูงสุดและนักเรียนในการจัดการธุรกิจได้ต่ำสุด ANOVA แสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญความรู้ด้านโภชนาการของสาขาวิชาและระหว่างเพศ นอกจากนี้ยังมีคะแนนทัศนคติโภชนาการเพื่อการศึกษาทางกายภาพได้สูงสุดและต่ำสุดเป็นจิตวิทยา; แต่ความแตกต่างระหว่างทัศนคติโภชนาการในกลุ่มสาขาวิชาทั้งหมดไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ มีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างความรู้ด้านโภชนาการและทัศนคติที่มี; และทัศนคติระหว่างโภชนาการและนิสัยอาหารของชายและนักเรียนหญิง ตามผลของเราเราขอแนะนำให้นักเรียนที่ควรจะให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้การศึกษาในวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาทองสำหรับการเรียนรู้ที่สามารถส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมความรู้ด้านโภชนาการทัศนคติและการปฏิบัติของนักเรียนดังนั้นความสำคัญของโภชนาการในหลักสูตรวิทยาลัยต่าง ๆ และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับสารอาหารที่จะต้องมีการเน้นย้ำในวิทยาเขตวิทยาลัย .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทคัดย่อ : การศึกษานี้ออกแบบเพื่อความเข้าใจโภชนาการ ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนได้ กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักศึกษาของพยามของเราทั้งหมดของมหาวิทยาลัย แบบสอบถามมาตรฐาน ( K และคณะ เจ วอร์เดิล 1999 ) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อวัดความรู้เรื่องโภชนาการของ ทัศนคติ และพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียน 415 กระจายแบบสุ่มหลังจากแปลแบบสอบถามประเมินโดยอาจารย์คณะพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การกีฬา การวิเคราะห์ค่าความเที่ยง 0.78 และค่าสำหรับความรู้และ 0.74 สำหรับทัศนคติที่สมดุล โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้ t-test , one-way ANOVA และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( P < 0.05 )พบว่าคะแนนเฉลี่ยของความรู้โภชนาการในนักเรียนพลศึกษาและนักเรียนสูงสุดในการจัดการธุรกิจได้ถูกที่สุด การวิเคราะห์ความแปรปรวน ( ANOVA ) พบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างความรู้โภชนาการของทุกสาขาวิชาและระหว่างเพศ ด้วยโภชนาการเจตคติการพลศึกษาและวิชาสูงสุด ต่ําสุดแต่ความแตกต่างระหว่างทัศนคติของวิชาเอกโภชนาการอย่างมีนัยสำคัญ มีความสัมพันธ์ทางบวกระหว่างโภชนาการและทัศนคติ และระหว่างทัศนคติและนิสัยอาหารโภชนาการของนักเรียนชายและหญิง ตามผลของเรา เราแนะนำว่า นักศึกษาควรให้ความสนใจมากขึ้นเพื่อโภชนาการ ยังศึกษาในวิทยาลัยเป็นยุคทองแห่งการเรียนรู้สามารถมีผลต่อการส่งเสริมความรู้ด้านโภชนาการ ทัศนคติ และการปฏิบัติของนักศึกษา
ดังนั้นความสำคัญของโภชนาการในหลักสูตรและการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการเรียนที่วิทยาลัยต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการต้องเน้น
วิทยาเขตวิทยาลัย