ธุรกิจสอนภาษาไทย/ต่างประเทศ
ลักษณะธุรกิจ
ธุรกิจให้บริการสอนภาษาไทยและหรือต่างประเทศ เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น และ ภาษาจีน เป็นต้น โดยการจะมีทั้งการเขียน การพูด การอ่าน และ การฟัง
วิธีการจัดตั้งและเริ่มต้นธุรกิจ
การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ
ประเภทบุคคลธรรมดา
มีลักษณะเป็นกิจการที่มีเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา คนเดียวหรือหลายคน หรือห้างหุ้นส่วนสามัญ ประเภทไม่จดทะเบียน
ผู้ประกอบธุรกิจสอนภาษาไทย/ต่างประเทศประเภทบุคคลธรรมดา ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์
ประเภทนิติบุคคล บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
กรุงเทพฯ ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1 – 7 และส่งจดทะเบียนธุรกิจกลาง
สำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ต่างจังหวัด ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ที่ห้างหุ้นส่วนบริษัทมี
สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
ค่าธรรมเนียม
จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
- ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่เกินสามคน 1,000 บาท
- ผู้เป็นหุ้นส่วนเกินสามคน ชำระเพิ่มสำหรับจำนวนในที่เกินอีก คนละ 200 บาท
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด
- จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ 500 – 25,000 บาท
- จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด 5,000 – 250,000 บาท
ภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาไทยและหรือภาษาต่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525 จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ และ ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีป้าย
ผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนสอน ตามระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525จะได้รับการยกเว้นภาษีป้ายที่ติดตั้งไว้หน้าสถานประกอบการ
กฎหมายและระเบียบเฉพาะธุรกิจ
การขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียน และใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ครูใหญ่ และครูหากธุรกิจให้บริการสอน
ภาษาไทยและหรือภาษาต่างประเทศ มีลักษณะเป็นโรงเรียนตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525 มาตรา 4 กล่าวคือ เป็นโรงเรียนเอกชน อันได้แก่สถานศึกษาหรือสถานที่ที่บุคคลจัดการให้การศึกษาในระดับที่ต่ำกว่าขั้นปริญญาตรีแก่นักเรียนทุกผลัดรวมกันเกินเจ็ดคนขึ้นไป ต้องขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียน และขออนุญาตการเป็นบุคลากรประจำโรงเรียน
สถานที่ขออนุญาต
กรุงเทพฯ ยื่นขอ ณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ
ต่างจังหวัด ยื่นขอ ณ สำนักงานศึกษาธิการอำเภอ/กิ่งอำเภอ แห่งท้องที่นั้น
ค่าธรรมเนียม
ใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน ฉบับละ 1,000 บาท
ใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ฉบับละ 50 บาท
ใบอนุญาตให้เป็นครูใหญ่ ฉบับละ 25 บาท
ใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ฉบับละ 15 บาท
นอกจากนี้ยังมีกฎและระเบียบด้านลิขสิทธิ์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม สวัสดิการและการคุ้มครองแรงงานที่ต้องถือปฏิบัติ
รายละเอียดการลงทุน
ค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนเริ่มต้น
จะแตกต่างกันตามขนาดและลักษณะของกิจการจากข้อมูลเฉลี่ยของการสำรวจการลงทุนเริ่มต้น
ของผู้ประกอบธุรกิจ จำแนกดังนี้
- ค่าตกแต่งอาคาร เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำนักงาน คิดเป็นร้อยละ 74
- ค่าเครื่องมือและอุปกรณ์การเรียน การสอน คิดเป็นร้อยละ 4 ประกอบด้วย กระดานและแถบบันทึกเสียง เป็นต้น
- เงินทุนหมุนเวียน อัตราส่วนร้อยละ 22 ส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าสถานที่ เงินเดือนครูผู้สอน เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำประปาและไฟฟ้า เป็นต้น
อัตราผลตอบแทนทางการเงิน
อัตราผลตอบแทนทางการเงินของธุรกิจขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ และความสามารถในการบริหารธุรกิจของแต่ละผู้ประกอบกิจการ จากการสำรวจ พบว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจากรายได้ทั้งปี ประมาณ ร้อยละ 8 ส่วนผลตอบแทนที่ได้จากเงินลงทุนทั้งหมด ประมาณร้อยละ 14 ต่อปี โดยจะได้รับเงินลงทุนทั้งหมดคืน ภายในระยะเวลาประมาณ 4 ปี
การตั้งราคาและโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม
ปัจจัยการตั้งราคา
ประกอบด้วย
- ต้นทุน
- ทำเลที่ตั้ง
- ชื่อเสียงของโรงเรียน
- ปริมาณผู้เรียน และระยะเวลาการสอน ในแต่ละหลักสูตร
- ค่าบริการของสถาบันสอนภาษาในระดับเดียวกันในท้องตลาด
ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าราคาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
โครงสร้างราคา
คำนวณโดย ต้นทุนผันแปร บวก ต้นทุนคงที่จัดสรร บวก กำไรรที่ต้องการ
- ต้นทุนผันแปร ประกอบด้วย ค่าจ้างอาจารย์พิเศษ เป็นต้น
- ต้นทุนคงที่จัดสรร ประกอบด้วย ค่าเช่าสถานที่ เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และค่าเสื่อมราคาสิ่งปลูกสร้าง เครื่องมืออุปกรณ์
การบริหาร/การจัดการ
โครงสร้างองค์กร
ประกอบด้วยงานหลักดังนี้
1. ด้านการบริหาร รับผิดชอบด้านการเงิน บัญชี จัดซื้อ บุคคล ธุรการ ดูแลความสะอาด ต้อนรับลูกค้า และบริหารงานทั่วไป
2. ด้านการสอน มีหน้าที่ในการจัดหลักสูตร จัดตารางสอน สรรหาอาจารย์ผู้สอน สอน กำกับดูแลด้านการสอน ประเมินผลและออกใบรองรองเมื่อจบหลักสูตร และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานการศึกษาเอกชน (สช.)
พนักงานและการอบรมพนักงาน
พนักงาน
1. พนักงานประจำ เพื่อทำงานทั่วไปด้านการเก็บเงิน ต้อนรับลูกค้า ทำความสะอาด และสอน เป็นต้น โดยจำนวนจะขึ้นไปตามขนาดของสถาบัน
2. สำหรับจำนวนครูผู้สอนจะขึ้นอยู่กับจำนวนหลักสูตรที่เปิดสอน ในการคัดเลือกครูผู้สอน เจ้าของกิจการจะให้ทดลองสอนก่อน
3. วุฒิการศึกษาของครูนั้น ผู้ประกอบกิจการระบุว่าต้องจบการศึกษาขั้นต่ำระดับอาชีวศึกษา(ปวช./ปวส.) จนถึงระดับปริญญาตรี
การอบรมพนักงาน
โดยปกติจะไม่มีการฝึกอบรมพนักงาน แต่จะเน้นการฝึกอบรมด้านการให้บริการ เลือกบุคคลากรที่มีบุคลิกภาพที่ดี และมีใจรักด้านบริการ ส่วนครูนั้น จะต้องมีประสบการณ์ด้านการสอนภาษาไทย/ต่างประเทศ มาก่อน
วิเคราะห์ข้อดี ข้อด้อย โอกาส และอุปสรรค
ข้อดีและข้อด้อย
ข้อดี
1. เป็นธุรกิจที่ไม่มีความสลับซับซ้อนและใช้พนักงานน้อย
2. ใช้เงินลงทุนไม่สูงและให้ผลตอบแทนในเกณฑ์ดี
3. เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆหาซื้อง่ายและราคาไม่แพง
ข้อด้อย
1. ทำเลย่านธุรกิจหรือใกล้สถานศึกษาที่มีคนสัญจรไปมาจำนวนมากหายากและมีค่าเช่าในอัตราสูง
2. ขั้นตอนการจัดตั้งยุ่งยากเล็กน้อยเนื่องจากต้องขออนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ
3. การหาบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในการสอนค่อนข้างยาก ทำให้เจ้าของกิจการต้องทำหน้าที่ด้วยตนเอง
โอกาสและอุปสรรค
โอกาส
1. ชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้มีผู้สนใ