When the goal is to achieve a lower

When the goal is to achieve a lower
A1C and tighter glycemic control, the
risk of greater frequency and severity of
hypoglycemic episodes also increases. In
the 1,441 patients with type 1 diabetes
studied in the Diabetes Control and
Complications Trial, those who received
intensive diabetes therapy had greater
than three times the risk of having a
severe hypoglycemic episode than
those receiving conventional therapy.29
Although the rates of hypoglycemia
are much lower for patients with type
2 diabetes, there is also increased risk
seen with insulin therapy.30,31 Exogenous
insulin is normally metabolized by the
kidney. However, when there is impairment
of kidney function, the half-life of
insulin is prolonged because of lower
levels of degradation.32 Therefore,
in patients with type 1 diabetes and
moderate to severe kidney dysfunction,
the frequency of hypoglycemic episodes
may be as much as five times that of
patients without kidney disease.33
There are no evidence-based guidelines
or recommendations about which
types of insulin to use or avoid depending
on severity of CKD. Some studies
suggest avoiding long-acting insulin,
whereas others support its use.34 One
small study comparing type 1 diabetic
patients with and without DKD demonstrated
that clearance is reduced for
both regular insulin and insulin lispro;
however, the effect of regular insulin was
also impaired in patients with DKD.35
Thus, a higher dose of regular insulin
may be required, despite lower clearance
in patients with kidney disease. Insulin
lispro did not demonstrate any differences
in metabolic effects on glucose in
patients with or without DKD.35 Regardless
of the form of insulin chosen to treat diabetes, caution must be exercised
when administering therapy to patients
with kidney disease, and frequent blood
glucose monitoring may be used to
adjust dosing and prevent hypoglycemia

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อเป้าหมายคือเพื่อให้บรรลุต่ำ
A1C
และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่เข้มงวดมากขึ้นของความเสี่ยงของความถี่มากขึ้นและความรุนแรงของเอพฤทธิ์ลดน้ำตาลนอกจากนี้ยังเพิ่ม
ใน
1441 ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1
การศึกษาในผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมและภาวะแทรกซ้อนทดลองผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยโรคเบาหวานได้อย่างเข้มข้นมากขึ้นกว่าสามครั้งมีความเสี่ยงของการมีตอนฤทธิ์ลดน้ำตาลรุนแรงกว่าผู้ที่ได้รับtherapy.29 ธรรมดาแม้ว่าอัตราของภาวะน้ำตาลในเลือดมีมากที่ต่ำกว่าสำหรับผู้ป่วยที่มีชนิดที่ 2 โรคเบาหวานมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังมองเห็นได้ด้วยอินซูลินtherapy.30,31 ภายนอกอินซูลินถูกเผาผลาญตามปกติโดยไต แต่เมื่อมีการด้อยค่าของการทำงานของไตที่ครึ่งชีวิตของอินซูลินเป็นเวลานานเพราะที่ต่ำกว่าระดับของdegradation.32 ดังนั้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่1 และระดับปานกลางถึงความผิดปกติของไตอย่างรุนแรงความถี่ของเอพฤทธิ์ลดน้ำตาลอาจจะเป็นมากเป็นครั้งที่ห้าของผู้ป่วยที่ไม่มีไต disease.33 ไม่มีแนวทางตามหลักฐานหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการที่ชนิดของอินซูลินที่จะใช้หรือหลีกเลี่ยงการขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคไตวายเรื้อรัง การศึกษาบางคนแนะนำให้หลีกเลี่ยงการอินซูลินออกฤทธิ์ยาวในขณะที่คนอื่นๆ สนับสนุน use.34 หนึ่งของการศึกษาขนาดเล็กเมื่อเทียบกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่1 ผู้ป่วยที่มีและไม่มี DKD แสดงให้เห็นถึงการกวาดล้างที่ลดลงสำหรับทั้งอินซูลินปกติและอินซูลินlispro; แต่ผลของอินซูลินเป็นประจำก็ยังลดในผู้ป่วยที่มี DKD.35 ดังนั้นปริมาณที่สูงขึ้นของอินซูลินปกติอาจจะต้องแม้จะมีโปรโมชั่นที่ลดลงในผู้ป่วยที่เป็นโรคไต อินซูลินlispro ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างใด ๆในลักษณะการเผาผลาญในกลูโคสในผู้ป่วยที่มีหรือไม่มี DKD.35 โดยไม่คำนึงถึงรูปแบบของอินซูลินเลือกที่จะรักษาโรคเบาหวานความระมัดระวังจะต้องใช้สิทธิเมื่อการบริหารการรักษาให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตและเลือดที่พบบ่อยการตรวจสอบระดับน้ำตาลอาจจะใช้ในการปรับการใช้ยาและป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด ( 100% ) ได้ตระหนักถึงการละเมิดทางการเงิน แต่เกือบครึ่งหนึ่ง ( ร้อยละ 42.5 ) พวกเขาเชื่อว่าการใช้คําสาบานไม่ถือเป็นการละเมิด และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขาผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด ( 100% ) ได้ตระหนักถึงการละเมิดทางการเงิน แต่เกือบครึ่งหนึ่ง ( ร้อยละ 42.5 ) พวกเขาเชื่อว่าการใช้คําสาบานไม่ถือเป็นการละเมิด และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขาผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด ( 100% ) ได้ตระหนักถึงการละเมิดทางการเงิน แต่เกือบครึ่งหนึ่ง ( ร้อยละ 42.5 ) พวกเขาเชื่อว่าการใช้คําสาบานไม่ถือเป็นการละเมิด และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขาผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด ( 100% ) ได้ตระหนักถึงการละเมิดทางการเงิน แต่เกือบครึ่งหนึ่ง ( ร้อยละ 42.5 ) พวกเขาเชื่อว่าการใช้คําสาบานไม่ถือเป็นการละเมิด และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขาผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด ( 100% ) ได้ตระหนักถึงการละเมิดทางการเงิน แต่เกือบครึ่งหนึ่ง ( ร้อยละ 42.5 ) พวกเขาเชื่อว่าการใช้คําสาบานไม่ถือเป็นการละเมิด และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขา