The purpose of this study was to es

The purpose of this study was to estimate the number of patients who continue to work when undergoing
ambulatory chemotherapy and to identify personal or treatment-related factors that influence this. Patients
undergoing final cycles of adjuvant chemotherapy for breast or colorectal cancer or first-line chemotherapy for
lymphoma at two cancer treatment centres were approached to take part in a cross sectional survey (n = 55, RR
55%). Sixty-four per cent (n = 35) of respondents were working when cancer was diagnosed. Fifty-four per cent
(n = 19) of respondents were working when chemotherapy began but as treatment progressed only 29% (n = 10)
continued to work in any capacity. The most important influencing factor when making decisions about work
was the need to concentrate on looking after oneself. Overall, respondents found their employers and colleagues
supportive but there was some evidence they became less supportive as treatment progressed. While
this was a small study it highlights the need for health care professionals to understand patient’s needs and
wishes in relation to work while undergoing chemotherapy by including this issue as part of routine assessment.
Strategies to allow those who wish to continue to work during treatment should be put in place early
to support this

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการประเมินจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงทำงานเมื่อได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดผู้ป่วย
และระบุปัจจัยส่วนบุคคลหรือการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการที่มีอิทธิพลต่อนี้ ผู้ป่วยที่เข้ารับการ
รอบสุดท้ายของการรักษาด้วยเคมีบำบัดแบบเสริมเต้านมหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือเคมีบำบัดบรรทัดแรกเพื่อ
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่สองศูนย์การรักษาโรคมะเร็งได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมในการสำรวจตัดขวาง (n = 55, RR
55%) หกสิบสี่เปอร์เซ็นต์ (n = 35) ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการทำงานเมื่อได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็ง ห้าสิบสี่ร้อยละ
(n = 19) ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการทำงานเมื่อเริ่มรักษาด้วยเคมีบำบัด แต่เป็นความก้าวหน้าในการรักษาเพียง 29% (n = 10)
ยังคงทำงานในฐานะใด ๆปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อที่สำคัญที่สุดเมื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการทำงาน
ก็จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจกับการดูแลตัวเอง โดยรวมผู้ตอบแบบสอบถามพบนายจ้างและเพื่อนร่วมงานของพวกเขาสนับสนุน
แต่ก็มีหลักฐานบางอย่างที่พวกเขากลายเป็นสนับสนุนน้อยลงเช่นการรักษาความก้าวหน้า
ขณะนี้คือการศึกษาขนาดเล็กที่มันไฮไลท์ที่จำเป็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่จะเข้าใจความต้องการของผู้ป่วยและ
มีความประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในขณะที่ได้รับเคมีบำบัดโดยรวมเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินประจำ.
กลยุทธ์ที่จะช่วยให้ผู้ที่ต้องการทำงานต่อไปในระหว่างการรักษาควรจะใส่ในสถานที่แรก
มาสนับสนุนเรื่องนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เป็นการ ประมาณจำนวนผู้ป่วยที่ทำงานเมื่อดำเนินต่อไป
เคมีบำบัดจรมุขและ เพื่อระบุปัจจัยส่วนบุคคล หรือที่เกี่ยวข้อง กับการรักษาที่มีอิทธิพลต่อนี้ ผู้ป่วย
ระหว่างรอบสุดท้ายของเคมีบำบัดประเมินเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ หรือเคมีบำบัดบรรทัดแรกสำหรับ
คอลลาที่ศูนย์รักษามะเร็งสองถูกทาบทามให้มีส่วนร่วมในการสำรวจตัดไขว้ (n = 55, RR
55%) หกสี่ร้อยละ (n = 35) ของผู้ตอบถูกทำเมื่อมีวินิจฉัยโรคมะเร็ง ร้อยละห้าสิบสี่
(n = 19) ของผู้ตอบถูกทำ เมื่อเริ่มเคมีบำบัด แต่ เป็นการรักษาหน้าไปเพียงใดเพียง 29% (n = 10)
ยังคงทำงานในการผลิต ปัจจัยมีอิทธิพลต่อสำคัญที่สุดเมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับงาน
ถูกต้องเน้นดูแลตัวเอง โดยรวม ตอบพบนายจ้างและเพื่อนร่วมงานของพวกเขา
สนับสนุน แต่มีบางหลักฐานก็กลายเป็นน้อยสนับสนุนที่รักษาหน้าไปเพียงใด ในขณะที่
นี้เป็นการศึกษาขนาดเล็กนั้นเน้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อเข้าใจความต้องการของผู้ป่วย และ
ความปรารถนาในความสัมพันธ์การทำงานในขณะที่การผ่าตัดเคมีบำบัดโดยปัญหานี้เป็นส่วนหนึ่งของงานประจำการประเมิน
กลยุทธ์ให้ผู้ที่ต้องการทำงานขณะทำการรักษาต่อไปควรจะเก็บไว้ก่อน
การสนับสนุนนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เป็นการประมาณการจำนวนของผู้ป่วยที่ยังใช้งานได้ต่อไปเมื่อไม่ได้รับยาเคมีบำบัดผู้ป่วยและ
ซึ่งจะช่วยในการระบุปัจจัยส่วนตัวหรือการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องที่มีอิทธิพลต่อนี้
ซึ่งจะช่วยผู้ป่วยกำลังรอบสุดท้ายของได้รับยาเคมีบำบัด adjuvant สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่,มะเร็งหรือการใช้งานครั้งแรก - สายสำหรับ
lymphoma ที่สองศูนย์มะเร็งก็เข้ามาใกล้เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดออกสำรวจ( N = 55 RR
55% ) หกสิบสี่ร้อยละ( N = 35 )ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังทำงานเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งได้วินิจฉัยว่า ห้าสิบสี่ร้อยละ
( N = 19 )ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังทำงานเมื่อได้รับยาเคมีบำบัดเริ่มแต่ในการรักษามีความก้าวหน้าไปมากเพียง 29% ( N = 10 )
ยังคงทำงานในระดับใดก็ตามอนึ่งปัจจัยสำคัญที่เมื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับงาน
ซึ่งจะช่วยเป็นความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญคือที่กำลังมองหาหลังจากตน โดยรวมแล้วพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามพบว่านายจ้างของเขาและเพื่อนร่วมงาน
ซึ่งจะช่วยหนุนแต่ก็มีหลักฐานบางอย่างเขาก็กลายเป็นน้อยลงและรองรับน้ำหนักได้ดีในการรักษามีความก้าวหน้าไปมาก ในขณะที่
นี้เป็นการศึกษาขนาดเล็กที่เป็นการเน้นถึงความจำเป็นสำหรับมืออาชีพด้านการดูแล สุขภาพ ในการทำความเข้าใจความต้องการของผู้ป่วยและ
ความปรารถนาในความสัมพันธ์การทำงานในขณะที่กำลังได้รับยาเคมีบำบัดโดยรวมถึงปัญหานี้เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นประจำ.
ปรับกลยุทธ์ในการอนุญาตให้ผู้ที่ต้องการเพื่อดำเนินการต่อในการทำงานในระหว่างการบำบัดควรจะมีในที่ช่วงต้น
ซึ่งจะช่วยในการสนับสนุนนี้