ข้าวซอยเป็นอาหารคู่เมืองเชียงใหม่ก็จริง แต่มีประวัติความเป็นมาที่ซับซ้ การแปล - ข้าวซอยเป็นอาหารคู่เมืองเชียงใหม่ก็จริง แต่มีประวัติความเป็นมาที่ซับซ้ ไทย วิธีการพูด

ข้าวซอยเป็นอาหารคู่เมืองเชียงใหม่ก็

ข้าวซอยเป็นอาหารคู่เมืองเชียงใหม่ก็จริง แต่มีประวัติความเป็นมาที่ซับซ้อนและสัมพันธ์โดยตรงกับประวัติศาสตร์สำคัญบางส่วนของประทศจีน รวมไปถึงเจงกิสข่านแห่งมองโกเลีย อย่างไม่น่าเชื่อ
ก่อนที่จะพูดถึงตัวข้าวซอย ก็ต้องพูดถึงคนผู้เป็นเจ้าตำรับข้าวซอยก่อน
เจ้าตำรับข้าวซอยคือชาวจีนที่นับถือศาสนาอิสลามที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในมณฑลยูนนาน ชิงไห่ และก่านซู ของประเทศจีน หรือที่เรียกว่า จีนฮ่อ หรือ แข่ฮ่อ (แข่ เป็นภาษาไต ใช้เรียกชาวจีน) หรือ ฮ่อ ที่ผู้เขียนพูดถึงต่อไปนี้ จะหมายถึงคนจีนยูนนานที่นับถืออิสลามเท่านั้น เพราะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คนจีนจากยูนนานที่เดินทางไปมาในถิ่นภาคเหนือของประเทศไทย พม่า ลาว เวียดนาม ทิเบต อัสสัม และจีน ส่วนใหญ่เป็น คนจีนที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งนั้น เนื่องจากพวกเขามีอาชีพ ค้าขายและลำเลียงขนส่งสินค้าด้วยสัตว์ต่าง ในภูมิภาคนี้มานมนานหลายร้อยปีแล้ว ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน (กุบไลข่าน) ซึ่งตรงกับสมัยอาณาจักรโยนก (เชียงแสน) ของไทย หรือที่จิตร ภูมิศักดิ์ เรียกว่า “เสียมกุก” - สยามแห่งลุ่มน้ำกก ที่นักประวัติศาสตร์เขมรบอกว่า ร่วมมือกับมองโกลทำลายอาณาจักรเขมรนครวัดอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชัยวรรมันลงจนป่นปี้ แต่นักประวัติศาสตร์ไทยกลับปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าไม่จริง แต่ผู้เขียนเชื่อว่าจริง เนื่องจาก ช่วงเวลาดังกล่าวประจวบเหมาะกับการพลุ่งขึ้นอย่างรวกเร็วของชนชาติพม่าจากทิเบตสู่ลุ่มแม่น้ำอิระวดีเข้ายึดครองดินแดนของมอญ และชนชาติไทยจากตอนใต้ของจีนสู่ลุ่มแม่น้ำโชงและแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ายึดครองดินแดนของเขมร.... แต่คราวนี้ขอว่ากันเรื่องประวัติข้าวซอยก่อนดีกว่านะ
มีผู้อธิบายคำว่า “ฮ่อ” ไว้หลายทฤษฎี แต่ผู้เขียนเข้าใจว่า คำนี้มาจาก คำว่า “หุย” ซึ่งเป็นภาษาจีนหมายถึงชนชาติที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งพวกมองโกลพามาจากเอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง ปัจจุบันคือประเทศ คาซัคสถาน, กีรจีสถาน, ทาจิกิสถาน และ อูสเบกิสถาน ตอนแรกก็มาเป็นทหารร่วมในกองทัพมองโกล และถูกส่งมาควบคุมจุดยุทธศาสตร์ เส้นทางคมนาคม ต่อมากองทหารเหล่านี้ก็เข้าร่วมผสมปนเปกับชาวจีนและชนชาติพื้นเมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ แถบเมืองต้าหลี่ จนลืมภาษาและวัฒนธรรมเอเชียกลางเดิมของตนหมด ยกเว้นภาษาอาหรับและศาสนาอิสลาม นอกนั้นรับเอาภาษาและวัฒนธรรมจีนมาใช้ทั้งหมด พวกเขาประกอบอาชีพค้าขายและขนส่ง ซึ่งชาวหุยส่วนนี้นอกจากจะในการใช้สัตว์พาหนะแล้วยังต้องใช้ความสามารถทางการค้าและการทหารไปพร้อม ๆ กัน
นี่คือเหตุผลที่ทำให้มุสลิมจีนแตกต่างไปจากมุสลิมในที่อื่น ๆ ของโลก แม้แต่ทุกวันนี้ในสังคมไทยก็มีความแตกต่างกันระหว่าง ฮ่ออิสลาม และไทยมุสลิมกลุ่มอื่น ๆ
อยู่มาหลายร้อยปี จนกระทั่งปี ค.ศ.1856 (พ.ศ.2399) เกิดกรณี ชาวฮั่นสังหารหมู่ชาวหุยขึ้นในเมืองคุนหมิงโดยการสนับสนุนจากทางการราชวงศ์ชิง ชาวหุยจึงตอบโต้ด้วยการก่อกบฏภายใต้การนำของ ตู้เหวินซิ้ว เข้ายึดเมืองต้าหลี่ไว้ได้ ประกาศตัวเป็นเอกราช เรียกรัฐอิสลามของตนว่า ผิงหนานกว๋อ – “ประเทศทักษิณสันติสุข” แล้วส่งกำลังเข้าปิดล้อมเมืองคุนหมิงหลายครั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่าการลุกขึ้นสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะชาวหุยเท่านั้นแต่ยังมีชนชาติส่วนน้อยอื่น ๆ เช่น ไป๋ อาหนี หยีและไต เข้าร่วมด้วยเป็นอันมาก เนื่องจากเกลียดชังที่มีต่อการปกครองที่กดขี่ของราชวงศ์ชิง
กบฏมุสลิมในยูนนาน หรือกบฏฮ่อ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ “กบฏไท่ผิง” ค.ศ.1850–1864 (พ.ศ.2393-2407) ที่ต่อต้านความชั่วร้ายของการปกครองราชวงศ์ชิง นอกจากนี้กบฏไท่ผิงยังกระตุ้นให้เกิดกบฏหุยในมณฑลส่านซี และก่านซู ที่เรียกในประวัติศาสตร์จีนว่าว่า “กบฏตุ้นก่าน”
ฟังดูแล้วเหมือนกับเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทยไม่มีผิด เนื่องจากในเวลานั้นราชวงศ์ชิงเสื่อมทรามลงอย่างหนักใกล้ล่มสลาย ข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่รีดนาทาเร้นประชาชนอย่างหนักหน่วง ชาวหุยที่เป็นชนชาติส่วนน้อยยิ่งถูกกระทำอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าชาวฮั่น โดยเฉพาะในยูนนาน ก่านซู ชิงไห่ และซินเจียง ที่ถือว่าเป็นดินแดนห่างไกล
แต่ในที่สุด กบฏมุสลิมก็ถูกรัฐบาลชิงปราบปรามลงได้ราบคาบในปี ค.ศ.1873 (พ.ศ.2416) ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ของไทย ว่ากันว่า ทางการจีนปราบปรามกบฏมุสลิมอย่างโหดร้าย มีการสังหารหมู่ชาวมุสลิมอย่างไม่เลือกหน้า แบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียว จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในยูนนานหลายล้านคน ชาวหุยยูนนานจำนวนมากต้องอพยพหนีออกจากจีน เข้าไปในพม่า (ส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์) ไทยและลาว บางส่วนก็เข้าปล้นสะดมบ้านเมืองต่าง ๆตามรายทางที่ผ่านไป จนเกิดกรณีอย่าง สงครามปราบฮ่อ (พ.ศ.2420-2428) ขึ้นเป็นต้น
ราวปี พ.ศ.2420 มีชาวฮ่อกลุ่มหนึ่งจำนวนหลายร้อยครอบครัวอพยพหนีการปราบปรามของรัฐบาลจีน มาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่มณฑลพายัพ (เชียงใหม่) ทางการจึงให้พักอยู่นอกเมืองทางทิศเหนือของตำบลข่วงสิงห์ บริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่า หนองฮ่อ อันเป็นที่ตั้งของสนามม้าหนองฮ่อ ทุกวันนี้ ต่อมาทางการจึงยอมผ่อนปรนให้ชาวฮ่อบางส่วนเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ “บ้านฮ่อ” ถนนเจริญประเทศ ตั้งแต่ตรอกสุเหร่าไปจนถึง กงสุลอังกฤษ บ้างก็ไปอยู่บ้านสันป่าข่อย และนอกประตูช้างเผือก ชาวฮ่ออพยพบางส่วนทางการก็ให้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดลำปาง
ชาวฮ่อ (แข่บก หรือ แข่ฮ่อ) พอตั้งหลักแหล่งได้ ก็ประกอบอาชีพที่ตนถนัด คือทำการค้าขาย ส่วนหนึ่งก็ขายอาหาร เหมือนกับคนไทยที่ไปตั้งหลักแหล่งอยู่ต่างประเทศ อาชีพแรก ๆ ที่มักจะทำคือเปิดร้านอาหาร เข้าใจว่าเชียงใหม่เวลานั้น มีคนจีนยังไม่มากนัก รวมทั้งบรรพบุรุษฝ่ายบิดาของผู้เขียน ซึ่งเป็นจีนแต้จิ๋ว (แข่น้ำ) ส่วนใหญ่อาศัยรวมกันอยู่ริมแม่น้ำปิงแถววัดเกตุฯ ร้านอาหารจีน ซึ่งตอนนั้นจะเป็นร้านข้าวต้ม และร้านก๋วยเตี๋ยว ก็ยังมีไม่มากนัก ส่วนชาวฮ่อก็เปิดร้านข้าวซอย
ที่เรียกว่าข้าวซอย เพราะในสมัยนั้นไม่มีเครื่องจักรอย่างสมัยนี้ สมัยนั้นเขาทำเส้นบะหมี่กันสด ๆ แล้วลงหม้อต้มเลย ด้วยกระบวนการเอา แป้งข้าวสาลี ไข่ เกลือ น้ำ มาผสมกันแล้วนวด จนเข้ากันดี แล้วกดรีดให้เป็นแผ่น แล้วเอามีดมาซอยแผ่นแป้งให้เป็นเส้น นี่แหละเขาจึงเรียกว่า “ข้าวซอย”
มาจนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2475 ชุมชนเมืองเชียงใหม่มีขนาดโตขึ้นมาก มีตลาดวโรรส หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า “กาดหลวง” เป็นตลาดกลางของเมืองเชียงใหม่ โอกา
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ข้าวซอยเป็นอาหารคู่เมืองเชียงใหม่ก็จริงแต่มีประวัติความเป็นมาที่ซับซ้อนและสัมพันธ์โดยตรงกับประวัติศาสตร์สำคัญบางส่วนของประทศจีนรวมไปถึงเจงกิสข่านแห่งมองโกเลียอย่างไม่น่าเชื่อก่อนที่จะพูดถึงตัวข้าวซอยก็ต้องพูดถึงคนผู้เป็นเจ้าตำรับข้าวซอยก่อนเจ้าตำรับข้าวซอยคือชาวจีนที่นับถือศาสนาอิสลามที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในมณฑลยูนนานชิงไห่และก่านซูของประเทศจีนหรือที่เรียกว่าจีนฮ่อหรือแข่ฮ่อ (แข่เป็นภาษาไตใช้เรียกชาวจีน) หรือฮ่อที่ผู้เขียนพูดถึงต่อไปนี้จะหมายถึงคนจีนยูนนานที่นับถืออิสลามเท่านั้นเพราะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คนจีนจากยูนนานที่เดินทางไปมาในถิ่นภาคเหนือของประเทศไทยพม่าลาวเวียดนามทิเบตอัสสัมและจีนส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งนั้นเนื่องจากพวกเขามีอาชีพค้าขายและลำเลียงขนส่งสินค้าด้วยสัตว์ต่างในภูมิภาคนี้มานมนานหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน (กุบไลข่าน) ซึ่งตรงกับสมัยอาณาจักรโยนก (เชียงแสน) ของไทยหรือที่จิตรภูมิศักดิ์เรียกว่า "เสียมกุก" - สยามแห่งลุ่มน้ำกกที่นักประวัติศาสตร์เขมรบอกว่าร่วมมือกับมองโกลทำลายอาณาจักรเขมรนครวัดอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชัยวรรมันลงจนป่นปี้แต่นักประวัติศาสตร์ไทยกลับปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าไม่จริงแต่ผู้เขียนเชื่อว่าจริงเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวประจวบเหมาะกับการพลุ่งขึ้นอย่างรวกเร็วของชนชาติพม่าจากทิเบตสู่ลุ่มแม่น้ำอิระวดีเข้ายึดครองดินแดนของมอญและชนชาติไทยจากตอนใต้ของจีนสู่ลุ่มแม่น้ำโชงและแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ายึดครองดินแดนของเขมร... แต่คราวนี้ขอว่ากันเรื่องประวัติข้าวซอยก่อนดีกว่านะมีผู้อธิบายคำว่า “ฮ่อ” ไว้หลายทฤษฎี แต่ผู้เขียนเข้าใจว่า คำนี้มาจาก คำว่า “หุย” ซึ่งเป็นภาษาจีนหมายถึงชนชาติที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งพวกมองโกลพามาจากเอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง ปัจจุบันคือประเทศ คาซัคสถาน, กีรจีสถาน, ทาจิกิสถาน และ อูสเบกิสถาน ตอนแรกก็มาเป็นทหารร่วมในกองทัพมองโกล และถูกส่งมาควบคุมจุดยุทธศาสตร์ เส้นทางคมนาคม ต่อมากองทหารเหล่านี้ก็เข้าร่วมผสมปนเปกับชาวจีนและชนชาติพื้นเมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ แถบเมืองต้าหลี่ จนลืมภาษาและวัฒนธรรมเอเชียกลางเดิมของตนหมด ยกเว้นภาษาอาหรับและศาสนาอิสลาม นอกนั้นรับเอาภาษาและวัฒนธรรมจีนมาใช้ทั้งหมด พวกเขาประกอบอาชีพค้าขายและขนส่ง ซึ่งชาวหุยส่วนนี้นอกจากจะในการใช้สัตว์พาหนะแล้วยังต้องใช้ความสามารถทางการค้าและการทหารไปพร้อม ๆ กันนี่คือเหตุผลที่ทำให้มุสลิมจีนแตกต่างไปจากมุสลิมในที่อื่นๆ ของโลกแม้แต่ทุกวันนี้ในสังคมไทยก็มีความแตกต่างกันระหว่างฮ่ออิสลามและไทยมุสลิมกลุ่มอื่นๆอยู่มาหลายร้อยปีจนกระทั่งปี ค.ศ.1856 (พ.ศ.2399) เกิดกรณีชาวฮั่นสังหารหมู่ชาวหุยขึ้นในเมืองคุนหมิงโดยการสนับสนุนจากทางการราชวงศ์ชิงชาวหุยจึงตอบโต้ด้วยการก่อกบฏภายใต้การนำของตู้เหวินซิ้วเข้ายึดเมืองต้าหลี่ไว้ได้ประกาศตัวเป็นเอกราชเรียกรัฐอิสลามของตนว่าผิงหนานกว๋อ – "ประเทศทักษิณสันติสุข" แล้วส่งกำลังเข้าปิดล้อมเมืองคุนหมิงหลายครั้งเป็นที่น่าสังเกตว่าการลุกขึ้นสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะชาวหุยเท่านั้นแต่ยังมีชนชาติส่วนน้อยอื่นๆ เช่นไป๋อาหนีหยีและไตเข้าร่วมด้วยเป็นอันมากเนื่องจากเกลียดชังที่มีต่อการปกครองที่กดขี่ของราชวงศ์ชิงกบฏมุสลิมในยูนนานหรือกบฏฮ่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ "กบฏไท่ผิง" (พ.ศ.2393-2407) ค.ศ.1850–1864 ที่ต่อต้านความชั่วร้ายของการปกครองราชวงศ์ชิงนอกจากนี้กบฏไท่ผิงยังกระตุ้นให้เกิดกบฏหุยในมณฑลส่านซีและก่านซูที่เรียกในประวัติศาสตร์จีนว่าว่า "กบฏตุ้นก่าน"ฟังดูแล้วเหมือนกับเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทยไม่มีผิดเนื่องจากในเวลานั้นราชวงศ์ชิงเสื่อมทรามลงอย่างหนักใกล้ล่มสลายข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวงกดขี่รีดนาทาเร้นประชาชนอย่างหนักหน่วงชาวหุยที่เป็นชนชาติส่วนน้อยยิ่งถูกกระทำอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าชาวฮั่นโดยเฉพาะในยูนนานก่านซูชิงไห่และซินเจียงที่ถือว่าเป็นดินแดนห่างไกลแต่ในที่สุดกบฏมุสลิมก็ถูกรัฐบาลชิงปราบปรามลงได้ราบคาบในปี ค.ศ.1873 (พ.ศ.2416) ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ของไทยว่ากันว่าทางการจีนปราบปรามกบฏมุสลิมอย่างโหดร้ายมีการสังหารหมู่ชาวมุสลิมอย่างไม่เลือกหน้าแบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียวจนทำให้มีผู้เสียชีวิตในยูนนานหลายล้านคนชาวหุยยูนนานจำนวนมากต้องอพยพหนีออกจากจีนเข้าไปในพม่า (ส่วนใหญ่ไปอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์) ไทยและลาวบางส่วนก็เข้าปล้นสะดมบ้านเมืองต่างๆตามรายทางที่ผ่านไปจนเกิดกรณีอย่างสงครามปราบฮ่อ (พ.ศ.2420-2428) ขึ้นเป็นต้นราวปี พ.ศ.2420 มีชาวฮ่อกลุ่มหนึ่งจำนวนหลายร้อยครอบครัวอพยพหนีการปราบปรามของรัฐบาลจีนมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่มณฑลพายัพ (เชียงใหม่) ทางการจึงให้พักอยู่นอกเมืองทางทิศเหนือของตำบลข่วงสิงห์บริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าหนองฮ่ออันเป็นที่ตั้งของสนามม้าหนองฮ่อทุกวันนี้ต่อมาทางการจึงยอมผ่อนปรนให้ชาวฮ่อบางส่วนเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ "บ้านฮ่อ" ถนนเจริญประเทศตั้งแต่ตรอกสุเหร่าไปจนถึงกงสุลอังกฤษบ้างก็ไปอยู่บ้านสันป่าข่อยและนอกประตูช้างเผือกชาวฮ่ออพยพบางส่วนทางการก็ให้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดลำปางชาวฮ่อ (แข่บก หรือ แข่ฮ่อ) พอตั้งหลักแหล่งได้ ก็ประกอบอาชีพที่ตนถนัด คือทำการค้าขาย ส่วนหนึ่งก็ขายอาหาร เหมือนกับคนไทยที่ไปตั้งหลักแหล่งอยู่ต่างประเทศ อาชีพแรก ๆ ที่มักจะทำคือเปิดร้านอาหาร เข้าใจว่าเชียงใหม่เวลานั้น มีคนจีนยังไม่มากนัก รวมทั้งบรรพบุรุษฝ่ายบิดาของผู้เขียน ซึ่งเป็นจีนแต้จิ๋ว (แข่น้ำ) ส่วนใหญ่อาศัยรวมกันอยู่ริมแม่น้ำปิงแถววัดเกตุฯ ร้านอาหารจีน ซึ่งตอนนั้นจะเป็นร้านข้าวต้ม และร้านก๋วยเตี๋ยว ก็ยังมีไม่มากนัก ส่วนชาวฮ่อก็เปิดร้านข้าวซอยที่เรียกว่าข้าวซอย เพราะในสมัยนั้นไม่มีเครื่องจักรอย่างสมัยนี้ สมัยนั้นเขาทำเส้นบะหมี่กันสด ๆ แล้วลงหม้อต้มเลย ด้วยกระบวนการเอา แป้งข้าวสาลี ไข่ เกลือ น้ำ มาผสมกันแล้วนวด จนเข้ากันดี แล้วกดรีดให้เป็นแผ่น แล้วเอามีดมาซอยแผ่นแป้งให้เป็นเส้น นี่แหละเขาจึงเรียกว่า “ข้าวซอย”มาจนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2475 ชุมชนเมืองเชียงใหม่มีขนาดโตขึ้นมาก มีตลาดวโรรส หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า “กาดหลวง” เป็นตลาดกลางของเมืองเชียงใหม่ โอกา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
รวมไปถึงเจงกิสข่านแห่งมองโกเลีย ชิงไห่และก่านซูของประเทศจีนหรือที่เรียกว่าจีนฮ่อหรือแข่ฮ่อ (แข่เป็นภาษาไตใช้เรียกชาวจีน) หรือฮ่อที่ผู้เขียนพูดถึงต่อไปนี้ เพราะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 พม่าลาวเวียดนามทิเบตอัสสัมและจีนส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งนั้นเนื่องจากพวกเขามีอาชีพ ในภูมิภาคนี้มานมนานหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน (กุบไลข่าน) ซึ่งตรงกับสมัยอาณาจักรโยนก (เชียงแสน) ของไทยหรือที่จิตรภูมิศักดิ์เรียกว่า "เสียมกุก" - สยามแห่งลุ่มน้ำกกที่นักประวัติศาสตร์ เขมรบอกว่า แต่ผู้เขียนเชื่อว่าจริงเนื่องจาก "ฮ่อ" ไว้หลายทฤษฎี แต่ผู้เขียนเข้าใจว่าคำนี้มาจากคำว่า "หุย" ปัจจุบันคือประเทศคาซัคสถาน, กีรจีสถาน, ทาจิกิสถานและอูสเบกิสถาน และถูกส่งมาควบคุมจุดยุทธศาสตร์เส้นทางคมนาคม ๆ ในพื้นที่แถบเมืองต้าหลี่ ยกเว้นภาษาอาหรับและศาสนาอิสลาม พวกเขาประกอบอาชีพค้าขายและขนส่ง ๆ ๆ ของโลก อิสลามและฮ่อไทยมุสลิมกลุ่มอื่น ๆขณะนี้มาหลายร้อยปีจนกระทั่งปี ค.ศ. 1856 (พ.ศ. 2399) เกิดกรณี ตู้เหวินซิ้วเข้ายึดเมืองต้าหลี่ไว้ได้ประกาศตัวเป็นเอกราชเรียกรัฐอิสลามของตนว่าผิงหนานกว๋อ - "ประเทศทักษิณสันติสุข" ๆ เช่นไป๋อาหนีหยีและไตเข้าร่วมด้วยเป็นอันมาก หรือกบฏฮ่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ "กบฏไท่ผิง" ค.ศ. 1850-1864 (พ.ศ. 2393-2407) และก่านซูที่เรียกในประวัติศาสตร์จีนว่าว่า 3 จังหวัดภาคใต้ของไทยไม่มีผิด ข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยเฉพาะในยูนนานก่านซูชิงไห่และซินเจียง ค.ศ. 1873 (พ.ศ. 2416) ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ของไทยว่ากันว่า แบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียว เข้าไปในพม่า (ส่วนใหญ่ไปอยู่ที่เมืองมั ณ ฑะเลย์) ไทยและลาว ๆ ตามรายทางที่ผ่านไปจนเกิดกรณีอย่างสงครามปราบฮ่อ (พ.ศ. 2420-2428) เป็นต้นขึ้นราวปีพ.ศ. 2420 (เชียงใหม่) บริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าหนองฮ่ออันเป็นที่ตั้งของสนามม้าหนองฮ่อทุกวันนี้ "บ้านฮ่อ" ถนนเจริญประเทศตั้งแต่ตรอกสุเหร่าไปจนถึงกงสุลอังกฤษบ้างก็ไปอยู่บ้านสันป่าข่อยและนอกประตูช้างเผือก (แข่บกหรือแข่ฮ่อ) พอตั้งหลักแหล่งได้ก็ประกอบอาชีพที่ตนถนัดคือทำการค้าขายส่วนหนึ่งก็ขายอาหาร อาชีพแรก ๆ ที่มักจะทำคือเปิดร้านอาหารเข้าใจว่าเชียงใหม่เวลานั้นมีคนจีนยังไม่มากนัก ซึ่งเป็นจีนแต้จิ๋ว (แข่น้ำ) ร้านอาหารจีนซึ่งตอนนั้นจะเป็นร้านข้าวต้มและร้านก๋วยเตี๋ยวก็ยังมีไม่มากนัก สมัยนั้นเขาทำเส้นบะหมี่กันสด ๆ แล้วลงหม้อต้มเลยด้วยกระบวนการเอาแป้งข้าวสาลีไข่เกลือน้ำมาผสมกันแล้วนวดจนเข้ากันดีแล้วกดรีดให้เป็นแผ่น นี่แหละเขาจึงเรียกว่า "ข้าวซอย" มาจนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2475 มีตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า "กาดหลวง" เป็นตลาดกลางของเมืองเชียงใหม่โอกา











การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ข้าวซอยเป็นอาหารคู่เมืองเชียงใหม่ก็จริงแต่มีประวัติความเป็นมาที่ซับซ้อนและสัมพันธ์โดยตรงกับประวัติศาสตร์สำคัญบางส่วนของประทศจีนรวมไปถึงเจงกิสข่านแห่งมองโกเลียอย่างไม่น่าเชื่อ
ก่อนที่จะพูดถึงตัวข้าวซอยก็ต้องพูดถึงคนผู้เป็นเจ้าตำรับข้าวซอยก่อน
เจ้าตำรับข้าวซอยคือชาวจีนที่นับถือศาสนาอิสลามที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในมณฑลยูนนานชิงไห่และก่านซูของประเทศจีนหรือที่เรียกว่าจีนฮ่อค็อคแข่ฮ่อ ( แข่เป็นภาษาไตใช้เรียกชาวจีน ) ฮ่อค็อคจะหมายถึงคนจีนยูนนานที่นับถืออิสลามเท่านั้นเพราะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คนจีนจากยูนนานที่เดินทางไปมาในถิ่นภาคเหนือของประเทศไทยพม่าลาวเวียดนามทิเบตอัสสัมและจีนส่วนใหญ่เป็นเนื่องจากพวกเขามีอาชีพค้าขายและลำเลียงขนส่งสินค้าด้วยสัตว์ต่างในภูมิภาคนี้มานมนานหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน ( กุบไลข่าน ) ซึ่งตรงกับสมัยอาณาจักรโยนก ( เชียงแสน ) ของไทยหรือที่จิตรภูมิศักดิ์" เสียมกุก " - สยามแห่งลุ่มน้ำกกที่นักประวัติศาสตร์เขมรบอกว่าร่วมมือกับมองโกลทำลายอาณาจักรเขมรนครวัดอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชัยวรรมันลงจนป่นปี้แต่นักประวัติศาสตร์ไทยกลับปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าไม่จริงเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวประจวบเหมาะกับการพลุ่งขึ้นอย่างรวกเร็วของชนชาติพม่าจากทิเบตสู่ลุ่มแม่น้ำอิระวดีเข้ายึดครองดินแดนของมอญ. . . . . . . แต่คราวนี้ขอว่ากันเรื่องประวัติข้าวซอยก่อนดีกว่านะ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: