Approaches to understanding ethnici

Approaches to understanding ethnicity[edit]
Different approaches to understanding ethnicity have been used by different social scientists when trying to understand the nature of ethnicity as a factor in human life and society. Examples of such approaches are: primordialism, essentialism, perennialism, constructivism, modernism and instrumentalism.

"Primordialism", holds that ethnicity has existed at all times of human history and that modern ethnic groups have historical continuity into the far past. For them, the idea of ethnicity is closely linked to the idea of nations and is rooted in the pre-Weber understanding of humanity as being divided into primordially existing groups rooted by kinship and biological heritage.
"Essentialist primordialism" further holds that ethnicity is an a priori fact of human existence, that ethnicity precedes any human social interaction and that it is basically unchanged by it. This theory sees ethnic groups as natural, not just as historical. It also has problems dealing with the consequences of intermarriage, migration and colonization for the composition of modern day multi-ethnic societies.[30]
"Kinship primordialism" holds that ethnic communities are extensions of kinship units, basically being derived by kinship or clan ties where the choices of cultural signs (language, religion, traditions) are made exactly to show this biological affinity. In this way, the myths of common biological ancestry that are a defining feature of ethnic communities are to be understood as representing actual biological history. A problem with this view on ethnicity is that it is more often than not the case that mythic origins of specific ethnic groups directly contradict the known biological history of an ethnic community.[30]
"Geertz's primordialism", notably espoused by anthropologist Clifford Geertz, argues that humans in general attribute an overwhelming power to primordial human "givens" such as blood ties, language, territory, and cultural differences. In Geertz' opinion, ethnicity is not in itself primordial but humans perceive it as such because it is embedded in their experience of the world.[30]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อชาติ [แก้]แนวทางทำความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อชาติมีการใช้ โดยนักวิทยาศาสตร์สังคมแตกต่างกันเมื่อพยายามที่จะเข้าใจลักษณะของเชื้อชาติเป็นปัจจัยในชีวิตมนุษย์และสังคม ตัวอย่างของวิธีการดังกล่าวได้แก่: primordialism, essentialism, perennialism เค้าโครง สมัย และ instrumentalism"Primordialism" ถือเชื้อชาติที่มีมีอยู่แล้วในทุกครั้งของชาติพันธุ์ที่ทันสมัยและประวัติศาสตร์ของมนุษย์กลุ่มที่มีความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์ไปไกลอดีต สำหรับพวกเขา ความคิดเชื้อชาติเป็นการเชื่อมโยงกับความคิดของประชาชาติ และมีรากฐานความเข้าใจก่อนเวเบอร์ของมนุษยชาติถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีอยู่ primordially ราก โดยชีวภาพและเป็นมรดก"Essentialist primordialism" เพิ่มเติมถือเชื้อชาตินั้นเป็นการ priori ความจริงที่ดำรงอยู่ของมนุษย์ เชื้อที่ก่อนหน้ามีการโต้ตอบทางสังคมมนุษย์ และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงโดยทั่วไป โดยมัน ทฤษฎีนี้เห็นว่ากลุ่มชาติพันธุ์เป็นธรรมชาติ ไม่เพียงแต่เป็นประวัติศาสตร์ มีปัญหาในการจัดการกับผลกระทบของ intermarriage โยกย้าย และล่าอาณานิคมสำหรับองค์ประกอบของสังคมหลายเชื้อชาติที่ทันสมัย [30]"ประสบ primordialism" ถือว่า ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นส่วนขยายของหน่วยประสบ โดยทั่วไปที่ได้รับมา โดยความสัมพันธ์ประสบหรือกองทัพที่เกิดขึ้นในตัวเลือกของสัญญาณทางวัฒนธรรม (ภาษา ศาสนา ประเพณี) ว่าเพื่อแสดงความสัมพันธ์ทางชีวภาพนี้ ในวิธีนี้ จะเข้าใจเป็นตัวแทนประวัติศาสตร์ชีวภาพจริงตำนานของบรรพบุรุษชีวภาพทั่วไปที่มีการกำหนดคุณลักษณะของชนเผ่าต่าง ๆ มีปัญหากับมุมมองนี้ในเชื้อชาติคือ ว่า มันเป็นบ่อยกว่าไม่กรณีว่า เทพนิยายกำเนิดของกลุ่มชาติพันธุ์โดยตรงขัดแย้งกับประวัติทางชีวภาพเป็นที่รู้จักของชาติพันธุ์ [30]"Primordialism ของ Geertz" โดยเฉพาะดำเนินการ โดยนักมานุษยวิทยา Geertz คลิฟฟอร์ด แย้งว่า มนุษย์โดยทั่วไปของแอตทริบิวต์มีอำนาจครอบงำการแรกมนุษย์ "givens" เช่นผูกเลือด ภาษา ดินแดน และแตกต่างทางวัฒนธรรม ใน Geertz' ความเห็น เชื้อชาติไม่ได้อยู่ในตัวเองที่แรก แต่มนุษย์รับรู้ว่าเป็นเช่นนี้เนื่องจากมันฝังอยู่ในประสบการณ์ของพวกเขาของโลก [30]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวทางในการทำความเข้าใจเชื้อชาติ [แก้ไข]
วิธีการที่แตกต่างกันในการทำความเข้าใจกลุ่มคนได้ถูกนำมาใช้โดยนักวิทยาศาสตร์ทางสังคมที่แตกต่างกันเมื่อพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติของกลุ่มคนที่เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตของมนุษย์และสังคม ตัวอย่างของวิธีการดังกล่าวคือ: primordialism, สารัตถ, perennialism, constructivism สมัยและ instrumentalism.

"Primordialism" ถือได้ว่ากลุ่มคนที่มีชีวิตอยู่ในทุกช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ของมนุษย์และกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทันสมัยมีความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์เข้าไปในอดีตที่ผ่านมาไกล สำหรับพวกเขาแล้วความคิดของกลุ่มคนที่มีการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความคิดของประเทศและเป็นรากฐานในการทำความเข้าใจก่อน Weber ของความเป็นมนุษย์ที่ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีอยู่ primordially ฝังรากโดยเครือญาติและมรดกทางชีวภาพ.
"primordialism essentialist" ต่อไปถือได้ว่าเชื้อชาติเป็น ความจริงเบื้องต้นของการดำรงอยู่ของมนุษย์กลุ่มคนที่อยู่ก่อนหน้าการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมใด ๆ ของมนุษย์และว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงโดยทั่วไปโดยมัน ทฤษฎีนี้เห็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นธรรมชาติไม่เพียง แต่เป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการรับมือกับผลกระทบของการแต่งงานการอพยพและการล่าอาณานิคมสำหรับองค์ประกอบของวันที่ทันสมัยสังคมหลายเชื้อชาติได้. [30]
"เครือญาติ primordialism" ถือได้ว่าชุมชนชาติพันธุ์ส่วนขยายของหน่วยงานเครือญาติโดยทั่วไปถูกมาโดยเครือญาติหรือตระกูลสัมพันธ์ ที่ทางเลือกของสัญญาณทางวัฒนธรรม (ภาษาศาสนาประเพณี) จะทำตรงนี้เพื่อแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ทางชีวภาพ ด้วยวิธีนี้ตำนานบรรพบุรุษทางชีวภาพทั่วไปที่เป็นผู้กำหนดคุณลักษณะของชุมชนชาติพันธุ์ที่จะเข้าใจว่าเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ทางชีวภาพที่เกิดขึ้นจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับมุมมองนี้ของเชื้อชาติคือว่ามันเป็นบ่อยกว่าไม่กรณีที่ต้นกำเนิดเทพนิยายของกลุ่มชาติพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจงโดยตรงขัดแย้งที่รู้จักกันเป็นประวัติศาสตร์ทางชีวภาพของชุมชนชาติพันธุ์. [30]
"primordialism Geertz ของ" ดำเนินสะดุดตาด้วยมานุษยวิทยา Clifford Geertz, ระบุว่ามนุษย์ทั่วไปแอตทริบิวต์อำนาจครอบงำมนุษย์ดั่งเดิม "Givens" เช่นสายเลือดภาษาดินแดนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในความคิดของ Geertz 'เชื้อชาติไม่ได้อยู่ในตัวเองดั่งเดิม แต่มนุษย์รับรู้ว่าเป็นเช่นนี้เพราะมันฝังอยู่ในประสบการณ์ของพวกเขาของโลก. [30]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีที่จะเข้าใจชาติพันธุ์ [ แก้ไข ]วิธีที่แตกต่างกันเพื่อความเข้าใจชาติพันธุ์ได้ถูกใช้โดยนักวิทยาศาสตร์ทางสังคมแตกต่างกันเมื่อพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติของเชื้อชาติเป็นปัจจัยในชีวิตของมนุษย์และสังคม ตัวอย่างของวิธีการดังกล่าวคือ primordialism สันสรรค์ค่า , , , , สมัยและ instrumentalism ." primordialism " ถือว่าชาติพันธุ์มีอยู่ตลอดเวลาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทันสมัยมีความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์ไปไกลในอดีต สำหรับพวกเขา ความคิดของชนชาติจะถูกเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับแนวคิดของสหประชาชาติ และเป็นรากฐานในความเข้าใจของมนุษย์ก่อน เวเบอร์เป็นแบ่งออกเป็น primordially ที่มีอยู่กลุ่มราก โดยญาติและมรดกทางชีวภาพ" essentialist primordialism " ต่อไป ถือว่าเชื้อชาติเป็นระหว่างความเป็นจริงของการดำรงอยู่ของมนุษย์ นั่นคือมนุษย์ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมก่อนใด ๆและมันเป็นโดยทั่วไปไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ ทฤษฎีนี้เห็นว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เพียงเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของการทำเวร การอพยพ และสำหรับองค์ประกอบของสังคมสมัยใหม่หลายเชื้อชาติ [ 30 ]" ญาติ primordialism " ถือว่าเป็นส่วนขยายของหน่วยชุมชนชาติพันธุ์เครือญาติ โดยทั่วไปการได้มาโดยญาติหรือตระกูลความสัมพันธ์ที่ตัวเลือกของป้าย วัฒนธรรม ภาษา ศาสนา ประเพณี ) ที่ทำกันเพื่อแสดงความสัมพันธ์ทางชีวภาพนี้ ในวิธีนี้ , ตำนานทั่วไปที่เป็นเชื้อสายทางชีวภาพกําหนดคุณลักษณะของชุมชนชาติพันธุ์ถูกเข้าใจในฐานะที่เป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ทางชีวภาพที่เกิดขึ้นจริง ปัญหากับมุมมองนี้ในชาติพันธุ์คือมันเป็นบ่อยกว่าไม่กรณีที่เทพนิยายกำเนิดของกลุ่มชาติพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจงโดยตรงขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ของชุมชนชาติรู้จัก [ 30 ]" Geertz เป็น primordialism " โดย espoused โดย Clifford Geertz นักมานุษยวิทยาระบุว่ามนุษย์ในลักษณะทั่วไปครอบงำอำนาจกลุ่มมนุษย์ " กิฟเว่น " เช่น สายเลือด ภาษา ดินแดน และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในความเห็นของ Geertz เชื้อชาติไม่ได้อยู่ในตัวเอง แต่รู้สึกจะเป็นมนุษย์กลุ่มนั้น เพราะมันฝังอยู่ในประสบการณ์ของพวกเขาของโลก [ 30 ]