The first hypothesis to be tested w

The first hypothesis to be tested was that already at the beginning ofthe fourth grade, there would be class size-based differences inperformance and that students receiving support would study in smallerclasses. Modeling the data confirmed that the first part of the assumption was correct: the positive correlation of class size and performancewas statistically significant. The second part of the hypothesis wassupported only partly: students receiving tier 3 special support studiedin classes with on average fewer than 18 students, whereas studentsreceiving tier 2 support and the other students without supporttypically studied in classes with almost 22 students. The results mostlikely reflect two phenomena typical for Finnish schools at least in themost urban areas: there are classes with a special emphasis (Kosunen,2016; Varjo, Kalalahti, & Silvennoinen, 2014) that tend to be largerthan average classes, have fewer students receiving support and morestudents with a relatively high initial level of performance(Kupiainen & Hienonen, 2016). On the other hand, class size is usedas one means of support already in the early stages of the three-tieredsupport model, which means that class size is actively regulated toallow teachers more time to pay attention to students with supportneeds

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สมมติฐานแรกที่จะได้รับการทดสอบเป็นที่มีอยู่แล้วในตอนต้นของ
ชั้นประถมศึกษาปีที่สี่จะมีความแตกต่างขนาดตามระดับใน
การดำเนินงานและให้นักเรียนได้รับการสนับสนุนจะศึกษาในขนาดเล็ก
ชั้นเรียน การสร้างแบบจำลองข้อมูลยืนยันว่าในส่วนแรกของสมมติฐานที่ถูกต้อง: ความสัมพันธ์ในเชิงบวกของขนาดของชั้นเรียนและประสิทธิภาพการทำงาน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนที่สองของสมมติฐานที่ได้รับการ
สนับสนุนเพียงบางส่วน: นักเรียนได้รับเงินกองทุนชั้นที่ 3 การสนับสนุนเป็นพิเศษการศึกษา
ในชั้นเรียนที่มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่า 18 นักเรียนในขณะที่นักเรียน
ได้รับเงินกองทุนชั้นที่ 2 สนับสนุนและนักเรียนคนอื่น ๆ โดยการสนับสนุน
โดยทั่วไปแล้วการศึกษาในชั้นเรียนที่มีเกือบ 22 นักเรียน ผลที่สุด
น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสองปรากฏการณ์ปกติสำหรับโรงเรียนในฟินแลนด์อย่างน้อยใน
พื้นที่เขตเมืองมากที่สุด: มีชั้นเรียนที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ (Kosunen,
2016; Varjo, Kalalahti และ Silvennoinen 2014) ที่มีแนวโน้มที่จะมีขนาดใหญ่
กว่าการเรียนเฉลี่ยมีนักเรียนน้อยกว่าที่ได้รับ การสนับสนุนและอื่น ๆ
นักเรียนที่มีระดับเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงของผลการดำเนินงาน
(Kupiainen & Hienonen 2016) บนมืออื่น ๆ ขนาดของห้องเรียนที่ถูกนำมาใช้
เป็นหนึ่งในวิธีการของการสนับสนุนอยู่แล้วในช่วงแรกของสามฉัตร
รูปแบบการสนับสนุนซึ่งหมายความว่าขนาดของชั้นเรียนที่ได้รับการควบคุมอย่างแข็งขันที่จะ
ช่วยให้ครูมีเวลามากขึ้นที่จะให้ความสนใจให้กับนักเรียนด้วยการสนับสนุน
ความต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สมมติฐานแรกที่ได้รับการทดสอบคือการที่จุดเริ่มต้นของ
ชั้นที่สี่จะมีความแตกต่างตามขนาดชั้นเรียนใน
ประสิทธิภาพการทำงานและนักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจะศึกษาในขนาดเล็ก
เรียน การสร้างแบบจำลองข้อมูลที่ยืนยันว่าส่วนแรกของสมมติฐานถูกต้อง: ความสัมพันธ์เชิงบวกของขนาดและประสิทธิภาพของชั้นเรียน
มีนัยสำคัญสถิติ ส่วนที่สองของสมมติฐานคือ
ได้รับการสนับสนุนเพียงบางส่วน: นักเรียนที่ได้รับระดับการสนับสนุนพิเศษชั้น3
ในชั้นเรียนโดยเฉลี่ยน้อยกว่า18นักเรียนในขณะที่นักเรียน
ได้รับการสนับสนุนระดับ2และนักเรียนอีกคนโดยไม่ต้องสนับสนุน
โดยปกติแล้วจะศึกษาในชั้นเรียนกับนักเรียนเกือบ22คน ผลลัพธ์ที่สุด
มีแนวโน้มที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสองปรากฏการณ์ทั่วไปสำหรับโรงเรียนภาษาฟินแลนด์อย่างน้อยใน
พื้นที่เมืองมากที่สุด: มีชั้นเรียนที่เน้นพิเศษ (Kosunen,
๒๐๑๖ Varjo, Kalalahti, & Silvennoinen, ๒๐๑๔) ที่มีแนวโน้มที่จะมีขนาดใหญ่
กว่าชั้นเรียนเฉลี่ยมีนักเรียนน้อยกว่าที่ได้รับการสนับสนุนและอื่นๆ
นักเรียนที่มีประสิทธิภาพระดับเริ่มต้นค่อนข้างสูง
(Kupiainen & Hienonen, ๒๐๑๖) ในทางกลับกัน, ขนาดชั้นจะใช้
เป็นหนึ่งในวิธีการสนับสนุนที่มีอยู่แล้วในระยะแรกของสามระดับ
รูปแบบการสนับสนุนซึ่งหมายความว่าขนาดของชั้นเรียนจะถูกควบคุมอย่างแข็งขันเพื่อ
ช่วยให้ครูมีเวลามากขึ้นในการให้ความสนใจกับนักเรียนด้วยการสนับสนุน
จำ เป็น ต้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สมมติฐานแรกที่ต้องทดสอบคือ
ตอนอยู่เกรดสี่จะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดของชั้นเรียน
การปฏิบัติงานและได้รับการสนับสนุนจากนักเรียนจะมีขนาดเล็ก
ชั้นเรียน แบบจำลองข้อมูลยืนยันว่าส่วนแรกของสมมติฐานที่ถูกต้องมีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างขนาดของชั้นเรียนและประสิทธิภาพ
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนที่สองของสมมติฐานคือ
นักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนพิเศษจากสามระดับ
นักเรียนในชั้นเรียนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า
ได้รับการสนับสนุนระดับมัธยมศึกษาและนักเรียนคนอื่นๆที่ไม่ได้รับการสนับสนุน
มันเป็นปกติที่จะเรียนกับนักเรียนในชั้นเรียน ผลลัพธ์สูงสุด
อาจสะท้อนให้เห็นถึงสองปรากฏการณ์ทั่วไปของโรงเรียนฟินแลนด์อย่างน้อย
เมืองส่วนใหญ่มีชั้นเรียนที่เน้นเป็นพิเศษ
พวกเขามักจะมีขนาดใหญ่กว่าและใหญ่กว่า
นักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนน้อยกว่าชั้นเรียนทั่วไป
นักเรียนที่มีประสิทธิภาพดีกว่า
คูเปียนและฮีนอน 2016 ปี บนมืออื่นๆที่ใช้ขนาดชั้นเรียน
เป็นวิธีการสนับสนุนอยู่ในขั้นตอนแรกของทั้งสามระดับ
สนับสนุนรูปแบบซึ่งหมายความว่าขนาดของชั้นเรียนจะถูกปรับอย่าง
ให้ครูมีเวลามากขึ้นในการดูแลนักเรียนที่สนับสนุน
ความต้องการ