When the law liberalizing abortion

When the law liberalizing abortion was enacted, it was controversial to many Belgians.[5] In early 1990, despite the opposition of the Christian parties, a coalition of the Socialist and Liberal parties passed a law to partially liberalize abortion law in Belgium. The Belgian bishops appealed to the population at large with a public statement that expounded their doctrinal and pastoral opposition to the law. They warned Belgian Catholics that anyone who co-operated "effectively and directly" in the procurement of abortions was "excluding themselves from the ecclesiastical community." Motivated by the strong stance of the Belgian bishops, King Baudouin notified the Prime Minister on March 30 that he could not sign the law without violating his conscience as a Catholic.[6] Since the legislation would not have the force of law without the king's signature, his refusal to sign threatened to precipitate a constitutional crisis.[7] However, the problem was resolved by an agreement between the king and Prime Minister Martens by which the Belgian government declared the king unable to govern, assumed his authority and enacted the law, after which Parliament then voted to reinstate the king on the next day.[4][8][9][10][11][12] The Vatican described the king's action as a "noble and courageous choice" dictated by a "very strong moral conscience."[13] Others have suggested that Baudouin's action was "little more than a gesture", since he was reinstated as king just 44 hours after he was removed from power.[6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อมีบัญญัติกฎหมายทำแท้ง liberalizing ถูกแย้งกับ Belgians มาก[5] ในช่วงปี 1990 ค้านของฝ่ายคริสเตียน รัฐบาลพรรคสังคมนิยมและเสรีนิยมผ่านกฎหมายให้บางส่วน liberalize กฎหมายทำแท้งในประเทศเบลเยียม บาทหลวงเบลเยียมอุทธรณ์ประชากรขนาดใหญ่ที่ มีแถลงการณ์ที่ expounded ของพวกเขาต่อต้าน pastoral ปริญญาบัตร และหลักคำสอนกฎหมาย พวกเขาเตือนคาทอลิกเบลเยียมว่า ทุกคนที่ร่วมดำเนินการ "อย่างมีประสิทธิภาพ และโดยตรง" ในการจัดซื้อแท้ง ถูก "ยกเว้นตัวเองจากชุมชน ecclesiastical" แรงจูงใจ โดยชัดเจนของบาทหลวงเบลเยียม King Baudouin แจ้งนายกรัฐมนตรีวันที่ 30 มีนาคมว่า เขาไม่สามารถลงกฎหมายโดยไม่ละเมิดจิตสำนึกของเขาเองเป็นคาทอลิก[6] เนื่องจากกฎหมายที่ไม่มีการบังคับของกฎหมายโดยไม่มีพระปรมาภิไธย เขาปฏิเสธลงคุกคามการ precipitate วิกฤตรัฐธรรมนูญ[7] อย่างไรก็ตาม ปัญหาถูกแก้ไข โดยข้อตกลงระหว่างกษัตริย์และ Martens นายกรัฐมนตรีซึ่งรัฐบาลเบลเยียมประกาศพระมหากษัตริย์ไม่สามารถควบคุม ถืออำนาจ และบัญญัติกฎหมาย หลังจากที่รัฐสภา แล้วโหวตให้กษัตริย์กลับมาในวันถัดไป[4][8][9][10][11][12] วาติกันการอธิบายการกระทำของพระมหากษัตริย์ "โนเบิล และกล้าหาญเลือก" ตาม "แข็งแกร่งมากคุณธรรมสามัญสำนึก"[13] อื่น ๆ ได้แนะนำว่า การกระทำของ Baudouin ถูก "มากกว่ารูปแบบลายเส้น" เนื่องจากเขาได้กลับสู่สภาพเดิมเป็นพระมหากษัตริย์เพียง 44 ชั่วโมงหลังจากที่เขาถูกลบออกจากพลังงาน[6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อกฎหมายเปิดเสรีการทำแท้งเป็นตรามันเป็นความขัดแย้งกับหลายเบลเยียม. [5] ในช่วงต้นปี 1990 อย่างไรก็ตามความขัดแย้งของบุคคลที่นับถือศาสนาคริสต์, รัฐบาลสังคมนิยมและฝ่ายเสรีนิยมผ่านกฎหมายที่จะเปิดเสรีบางส่วนกฎหมายทำแท้งในเบลเยียม บาทหลวงเบลเยียมยื่นอุทธรณ์ไปยังประชากรที่มีขนาดใหญ่ที่มีการประกาศต่อสาธารณชนว่าภายในบ้านฝ่ายค้านหลักคำสอนและพระของพวกเขาเป็นไปตามกฎหมาย พวกเขาเตือนชาวคาทอลิกเบลเยียมว่าทุกคนที่ได้ร่วมดำเนินการ "อย่างมีประสิทธิภาพและได้โดยตรง" ในการจัดซื้อจัดจ้างของทำแท้งคือ "ไม่รวมตัวเองจากชุมชนสงฆ์." แรงบันดาลใจจากจุดยืนที่แข็งแกร่งของบาทหลวงเบลเยียม King Baudouin แจ้งนายกรัฐมนตรีวันที่ 30 มีนาคมว่าเขาไม่สามารถลงนามในกฎหมายโดยไม่ละเมิดมโนธรรมของเขาเป็นคาทอลิก. [6] ตั้งแต่การออกกฎหมายจะไม่ได้มีผลบังคับใช้ของกฎหมายโดยไม่ต้องของกษัตริย์ ลายเซ็นที่เขาปฏิเสธที่จะลงนามขู่ว่าจะเกิดการตกตะกอนวิกฤติรัฐธรรมนูญ. [7] อย่างไรก็ตามปัญหาได้รับการแก้ไขโดยข้อตกลงระหว่างกษัตริย์และนายกรัฐมนตรี Martens โดยที่รัฐบาลเบลเยียมประกาศกษัตริย์ไม่สามารถที่จะควบคุมการสันนิษฐานว่าอำนาจของเขาและตรา กฎหมายหลังจากที่รัฐสภาแล้วลงมติให้กลับคืนกษัตริย์ในวันถัดไป. [4] [8] [9] [10] [11] [12] วาติกันอธิบายการกระทำของกษัตริย์ในฐานะที่เป็น "ทางเลือกที่มีเกียรติและความกล้าหาญ" dictated โดย "มโนธรรมศีลธรรมที่แข็งแกร่งมาก." [13] อื่น ๆ ได้ชี้ให้เห็นว่าการกระทำของโบดวงคือ "น้อยกว่าท่าทาง" นับตั้งแต่ที่เขาถูกเรียกตัวเป็นกษัตริย์เพียง 44 ชั่วโมงหลังจากที่เขาได้ออกจากอำนาจ. [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อกฎหมายเปิดเสรีการทำแท้งถูกบัญญัติขึ้น มันขัดแย้งกับชาวเบลเยี่ยมมาก . [ 5 ] ในช่วงต้นปี 1990 แม้ฝ่ายค้านของคริสเตียนฝ่าย พันธมิตรของสังคมนิยมพรรคการเมืองผ่านกฎหมายบางส่วนเป็นกฎหมายการทำแท้งในเบลเยียมพระสังฆราชเบลเยียมหันไปประชากรขนาดใหญ่ที่มีงบสาธารณะที่อธิบายทฤษฎีของเขาและพระการต่อต้านกฎหมาย พวกเขาเตือนคาทอลิกเบลเยียมว่า ใครร่วมดำเนินการ " ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรง " ในการจัดซื้อจัดจ้างของการทำแท้ง " ยกเว้นตัวเองจากชุมชนนักบวช " กระตุ้นด้วยท่าทางที่แข็งแกร่งของพระสังฆราชเบลเยียมกษัตริย์โบดวงแจ้งนายกฯ ในวันที่ 30 มีนาคม ที่เขาไม่อาจลงนามในกฎหมาย โดยไม่มีการละเมิดมโนธรรมของเขาเป็นคาทอลิก [ 6 ] เนื่องจากกฎหมายจะไม่ได้บังคับของกฎหมายโดยไม่มีพระปรมาภิไธยของเขาปฏิเสธที่จะเซ็นขู่จะจุดประกายวิกฤติรัฐธรรมนูญ [ 7 ] อย่างไรก็ตามปัญหาที่ได้รับการแก้ไขตามข้อตกลงระหว่างกษัตริย์และนายกรัฐมนตรี มาร์เทน ซึ่งรัฐบาลเบลเยียมประกาศว่ากษัตริย์ไม่สามารถปกครอง และถือว่าอำนาจบัญญัติกฎหมาย หลังจากนั้นรัฐสภาก็ลงมติให้กษัตริย์ในวันถัดไป[ 4 ] [ 8 ] [ 9 ] [ 10 ] [ 11 ] [ 12 ] วาติกันอธิบายการกระทำของกษัตริย์เป็น " อันสูงส่งและกล้าหาญเลือก " บอก " แข็งแรงมากจริยธรรมสำนึก " [ 13 ] คนอื่น ๆพบว่า มีการกระทำของ " บลูโดวนมากกว่าท่าทาง " ตั้งแต่เขา ถูกคืนสถานะเป็นกษัตริย์แค่ 44 ชั่วโมงหลังจากที่เขาถูกปลดจากอำนาจ [ 6 ]