Without deep cuts in carbon dioxide

Without deep cuts in carbon dioxide emissions, the planet’s coral reefs could be in serious trouble. In a world in which humans continue to burn fossil fuels unchecked, ocean conditions will become ultimately inhospitable, according to U.S. scientists.

Katharine Ricke and Ken Caldeira of the Carnegie Institution in Washington and colleagues make their somber prediction in Environmental Research Letters. Their argument on the face of it seems inconsistent with other recent research on reef response to climate change, which in one case suggests that some corals could vanish, and in another that some corals might adapt, very slowly.

A new study says the global prospects for coral reefs are bleak without significant cute in carbon dioxide emissions.
Credit: Jerry Reid, U.S. Fish & Wildlife Service via Wikimedia Commons

But the debate in all three cases is about the rate of warming, the levels of carbon dioxide in the atmosphere, and the ultimate impact of changes in the pH levels of the seas.

Ricke and Caldeira looked not so much at the warming of the seas – tropical corals are very sensitive to temperature – nor at the levels of acidification as such (because rain dissolves carbon dioxide to form a weak carbonic acid and inevitably affects the ocean’s pH levels), but at the chemical circumstances in which crystals of aragonite can form.

All fossil reefs and shell and bone sediments are ultimately calcium carbonate in the form of limestone or chalk. However, calcium carbonate or CaCO3 exists in two crystal structures, calcite and aragonite, and these fossilized sediments must once have been mostly aragonite.

That is because marine life, in the form of corals, fish and mollusk shells, mainly begins with aragonite. The biochemical availability of aragonite depends on the pH values of the water.

An end to dumping

Ricke and Caldeira used computer models to calculate ocean chemical conditions under a range of carbon dioxide scenarios, looking for the necessary conditions to support aragonite formation and shell and bone growth, and set a potential aragonite saturation threshold.

Researchers say there would be a point at which the resilience and capacity to adapt that must be inherent in corals would be overwhelmed.
Credit: flickr/Shih-Pei Chang

In pre-industrial times, 99.9 percent of the oceans that washed over coral reefs were comfortably above this threshold. Under the notorious business-as-usual threshold, in which fossil fuel use continues to grow, then ultimately the water surrounding the 6,000 coral reefs they used as a database for their research would be significantly below the threshold.

There would be a point at which the resilience and capacity to adapt that must be inherent in corals would be overwhelmed. The conclusion is a bleak one.

“Our results show that if we continue on our current emissions path, by the end of the century there will be no water left in the ocean with the chemical properties that have supported coral reef growth in the past. We can’t say with 100 percent certainty that all shallow water coral reefs will die, but it is a pretty good bet,” said Ricke.

And Caldeira said: “To save coral reefs, we need to transform our energy system into one that does not use the atmosphere and ocean as waste dumps for carbon dioxide pollution.”

Tim Radford is a reporter for Climate News Network. Climate News Network is a news service led by four veteran British environmental reporters and broadcasters. It delivers news and commentary about climate change for free to media outlets worldwide.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยไม่ตัดลึกในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปะการังของโลกอาจเป็นปัญหาที่ร้ายแรง ในโลกมนุษย์ต่อการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลยก โอเชี่ยนเงื่อนไขจะต้องสุด ตามนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯแคทารีน Ricke และ Ken Caldeira สถาบันคาร์เนกีในวอชิงตันและเพื่อนร่วมงานทำให้การทำนาย somber ตัววิจัยสิ่งแวดล้อม อาร์กิวเมนต์ของพวกเขาบนใบหน้าของมันดูเหมือนไม่สอดคล้องกับงานวิจัยอื่น ๆ ล่าสุดบนปะการังการตอบสนองต่อ การเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในกรณีหนึ่งแนะนำว่า ปะการังบางส่วนอาจสูญ และอื่นที่แนวปะการังบางอาจปรับ ช้ามาก การศึกษาใหม่กล่าวว่า แนวโน้มโลกปะการังจะเยือกเย็นไม่สำคัญรักในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เครดิต: Jerry Reid สหรัฐฯ ปลาและสัตว์ป่าผ่านตำราแต่การอภิปรายในทุกกรณีที่สามคืออัตราของภาวะโลกร้อน ระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ และผลกระทบที่ดีที่สุดของการเปลี่ยนแปลงในระดับ pH ของทะเลRicke และ Caldeira มองไม่มากที่ร้อนทะเล – ปะการังเขตร้อนจะสำคัญมาก อุณหภูมิ – หรือระดับยูดัง (เพราะฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปเป็นกรดคาร์บอนิกอ่อนแอ และย่อมส่งผลกระทบต่อระดับของค่า pH), แต่ ในสถานการณ์สารเคมีในที่ผลึก aragonite สามารถฟอร์มแนวปะการังฟอสและตะกอนเปลือกและกระดูกทั้งหมดอยู่สุดแคลเซียมคาร์บอเนตในหินปูนหรือชอล์ก อย่างไรก็ตาม CaCO3 หรือแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีอยู่ในโครงสร้างผลึกสอง แคลไซต์ และ aragonite และตะกอนเหล่านี้ fossilized ต้องเมื่อได้รับส่วนใหญ่ aragoniteเนื่องจากสัตว์น้ำ ในรูปแบบของแนวปะการัง ปลา และเปลือกเชลล์ ส่วนใหญ่เริ่มต้น ด้วย aragonite นี้ ทของ aragonite ชีวเคมีขึ้นอยู่กับค่า pH ของน้ำสิ้นสุดการถ่ายโอนข้อมูลRicke และ Caldeira ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์คำนวณสภาพโอเชี่ยนเคมีภายใต้ช่วงของสถานการณ์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ค้นหาเงื่อนไขจำเป็นสนับสนุน aragonite กำเนิดและเปลือก และกระดูกเจริญเติบโต และตั้งค่าขีดจำกัดความเข้ม aragonite ที่อาจเกิดขึ้น นักวิจัยกล่าวว่า จะมีจุดที่ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับที่ต้องอยู่ในแนวปะการังจะมีจมเครดิต: flickr/นาย สือพีอีไอช้างในอุตสาหกรรม ร้อยละ 99.9 ของมหาสมุทรที่ล้างเหนือปะการังได้สบายเหนือขีดจำกัดนี้ ภายใต้การอื้อฉาวธุรกิจเป็นปกติจำกัด เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใช้ยังคงเติบโต แล้วในที่สุด น้ำปะการัง 6000 รอบจะใช้เป็นฐานข้อมูลการวิจัยของพวกเขาจะเป็นอย่างมีนัยสำคัญต่ำกว่าขีดจำกัดจะมีจุดที่ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับที่ต้องอยู่ในแนวปะการังจะถูกจม ข้อสรุปคือ หนึ่งเยือกเย็น"ผลของเราแสดงว่า ถ้าเราต่อไปบนเส้นทางของเราปล่อยปัจจุบัน ช่วงปลายศตวรรษมีจะไม่มีน้ำเหลือในมหาสมุทร มีคุณสมบัติทางเคมีที่มีสนับสนุนการเจริญเติบโตของปะการังในอดีต เราไม่กล่าวว่า มีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ที่จะตายน้ำตื้นปะการังทั้งหมด แต่มันเป็นการพนันที่ดี กล่าวว่า Rickeและ Caldeira กล่าวว่า: "บันทึกปะการัง เราต้องการแปลงระบบพลังงานของเราเป็นหนึ่งที่ไม่ได้ใช้บรรยากาศและมหาสมุทรเป็นขยะรวมอยู่ในมลภาวะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ " แรดฟอร์ดทิมเป็นผู้สื่อข่าวเครือข่ายข่าวสภาพอากาศ เครือข่ายข่าวอากาศเป็นบริการข่าวนำ โดย 4 ทหารผ่านศึกชาวอังกฤษสิ่งแวดล้อมผู้สื่อข่าวและผู้ ส่งข่าว และความเห็นเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนฟรีสื่อร้านทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยไม่ต้องตัดลึกลงไปในการปล่อยก๊าซคาร์บอนของโลกแนวปะการังอาจจะมีปัญหาร้ายแรง ในโลกที่มนุษย์ยังคงเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ถูกตรวจสอบเงื่อนไขมหาสมุทรจะกลายเป็นที่ไม่เอื้ออำนวยในที่สุดตามที่นักวิทยาศาสตร์สหรัฐ. แคทเธอรี Ricke และเคน Caldeira ของสถาบันคาร์เนกีในวอชิงตันและเพื่อนร่วมงานให้การคาดการณ์ของพวกเขาอึมครึมในจดหมายวิจัยสิ่งแวดล้อม โต้แย้งของพวกเขาบนใบหน้าของมันดูเหมือนว่าไม่สอดคล้องกับงานวิจัยล่าสุดอื่น ๆ ในการตอบสนองต่อแนวการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศซึ่งในกรณีหนึ่งแสดงให้เห็นว่าปะการังบางคนอาจหายไปและในอีกปะการังที่บางคนอาจจะปรับตัวช้ามาก. การศึกษาใหม่กล่าวว่ากลุ่มเป้าหมายทั่วโลก สำหรับแนวปะการังที่มีความเยือกเย็นอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ต้องน่ารักในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์. เครดิต: เจอร์รี่เรดปลาสหรัฐอเมริกาและสัตว์ป่าให้บริการผ่านทางวิกิพีเดียแต่การอภิปรายในทุกกรณีที่สามเป็นเรื่องเกี่ยวกับอัตราของภาวะโลกร้อนระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศและ . ผลกระทบที่ดีที่สุดของการเปลี่ยนแปลงในระดับพีเอชของน้ำทะเลและ Ricke Caldeira มองไม่มากที่ร้อนทะเล - ปะการังเขตร้อนที่มีความไวต่ออุณหภูมิ - หรือในระดับของกรดดังกล่าว (เพราะฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รูปแบบกรดคาร์บออ่อนแอและหลีกเลี่ยงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมหาสมุทรระดับพีเอช) แต่ในสถานการณ์สารเคมีที่ผลึกของ aragonite สามารถสร้าง. ทุกแนวฟอสซิลและเปลือกหอยและกระดูกเป็นตะกอนแคลเซียมคาร์บอเนตในท้ายที่สุดในรูปแบบของหินปูนหรือชอล์ก อย่างไรก็ตามแคลเซียมคาร์บอเนตหรือ CaCO3 ที่มีอยู่ในสองโครงสร้างผลึกแคลไซต์และ aragonite และตะกอนฟอสซิลเหล่านี้ได้ทันทีจะต้องได้รับส่วนใหญ่ aragonite. นั่นเป็นเพราะชีวิตทางทะเลในรูปแบบของปะการังปลาและหอยหอยส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วย aragonite ความพร้อมทางชีวเคมีของ aragonite ขึ้นอยู่กับค่าพีเอชของน้ำ. สิ้นไปทิ้งRicke Caldeira และใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ในการคำนวณสภาพทางเคมีทะเลภายใต้ช่วงสถานการณ์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กำลังมองหาเงื่อนไขที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการก่อ aragonite และเปลือกหอยและกระดูก การเจริญเติบโตและการตั้งค่าความอิ่มตัวของเกณฑ์ที่มีศักยภาพ aragonite. นักวิจัยกล่าวว่าจะมีจุดที่ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวที่จะต้องอยู่ในแนวปะการังจะจม. เครดิต: Flickr / Shih-Pei ช้างในครั้งก่อนอุตสาหกรรม 99.9 ร้อยละของมหาสมุทรที่ไหลผ่านแนวปะการังที่มีความสะดวกสบายสูงกว่าเกณฑ์นี้ ภายใต้เกณฑ์ธุรกิจเป็นปกติฉาวโฉ่ซึ่งในการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงเติบโตแล้วในที่สุดน้ำโดยรอบ 6,000 แนวปะการังที่พวกเขาใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการวิจัยของพวกเขาจะมีนัยสำคัญต่ำกว่าเกณฑ์. จะมีจุดที่ ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวที่จะต้องอยู่ในแนวปะการังจะจม สรุปคือหนึ่งเยือกเย็น. "ผลของเราแสดงให้เห็นว่าถ้าเรายังคงอยู่บนเส้นทางการปล่อยก๊าซในปัจจุบันของเราในตอนท้ายของศตวรรษที่จะไม่มีน้ำเหลืออยู่ในทะเลที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่ได้รับการสนับสนุนการเจริญเติบโตของแนวปะการังในอดีตที่ผ่านมา เราไม่สามารถพูดด้วยความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าทุกแนวปะการังน้ำตื้นจะตาย แต่ก็เป็นทางออกที่ดีงาม "Ricke กล่าว. และ Caldeira กล่าวว่า "ในการบันทึกแนวปะการังที่เราต้องการที่จะเปลี่ยนระบบพลังงานของเราเป็นหนึ่งที่ ไม่ได้ใช้บรรยากาศและมหาสมุทรเป็นของเสียทิ้งมลพิษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์. " ทิมราดเป็นผู้สื่อข่าวข่าวเครือข่ายสภาพภูมิอากาศ ข่าวเครือข่ายสภาพภูมิอากาศเป็นบริการข่าวที่นำโดยสี่ผู้สื่อข่าวสิ่งแวดล้อมเก๋าชาวอังกฤษและการแพร่ภาพกระจายเสียง มันให้ข่าวและความเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฟรีเพื่อสื่อทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยไม่มีการตัดลึกในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโลกแนวปะการังอาจจะเดือดร้อน ในโลกที่มนุษย์ยังคงเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ตรวจสอบเงื่อนไขในมหาสมุทรจะกลายเป็นสุดล้าน , ตามที่นักวิทยาศาสตร์

. .แคธรีน และ ricke เคน คาลเดราของสถาบันคาร์เนกีในวอชิงตัน และเพื่อนร่วมงานให้คำทำนายที่อึมครึมของพวกเขาในจดหมายวิจัยสิ่งแวดล้อม อาร์กิวเมนต์ของพวกเขาบนหน้าดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับงานวิจัยล่าสุดอื่น ๆในแนวปะการัง การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในกรณีหนึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวปะการังบางส่วนจะหายไป และอีกบางส่วนปะการังจะปรับตัวช้ามาก . . .

การศึกษาใหม่กล่าวว่า แนวโน้มทั่วโลกที่แนวปะการังมีความเยือกเย็นไม่มีความน่ารักในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
เครดิต : เจอร์รี่เรด , สหรัฐอเมริกาปลา&สัตว์ป่าบริการผ่านทางวิกิพีเดีย

แต่การอภิปรายใน 3 คดี คือ เรื่องของอัตรากำลังในระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ และสุดท้ายผลกระทบของ การเปลี่ยนแปลงในระดับค่า pH ของทะเล . . .

และ ricke Caldeira ดูไม่มากที่ร้อนของทะเลและปะการังเขตร้อนมีความไวต่ออุณหภูมิและหรือระดับกรดเช่น ( เพราะฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรูปแบบอ่อนกรดคาร์บอนิก และย่อมมีผลต่อระดับความเป็นกรดของมหาสมุทร ) แต่ในทางเคมีสภาพที่ผลึกของอะราโกไนต์สามารถฟอร์ม

ทุกแนวปะการังฟอสซิลและเปลือกหอยและกระดูกมีแคลเซียมคาร์บอเนตตะกอนท้ายที่สุดในรูปแบบของหินปูนหรือปูนขาว อย่างไรก็ตาม , แคลเซียมคาร์บอเนตหรือแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีอยู่ใน 2 โครงสร้างผลึกแคลไซต์ และอะราโกไนต์ , และเหล่านี้จะต้องเคยได้รับฟอสซิลตะกอนส่วนใหญ่อะราโกไนท์

เพราะชีวิตทางทะเลในรูปแบบของปะการัง ปลา และหอย หอยส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยอะราโกไนท์ .ความพร้อมทางชีวเคมีของอะราโกไนต์ ขึ้นอยู่กับค่า pH ของน้ำ

จบทิ้ง

ricke Caldeira ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อคำนวณและมหาสมุทรเคมีเงื่อนไขภายใต้ช่วงของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สถานการณ์ มองหาเงื่อนไขที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอะราโกไนต์และเปลือกและการเจริญเติบโตของกระดูก และสร้างศักยภาพของอะราโกไนต์เกณฑ์

นักวิจัยกล่าวว่า จะมีจุดที่ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับที่ต้องอยู่ในแนวปะการังจะจม .
เครดิต : Flickr / Shih เพ่ยช้าง

ก่อนอุตสาหกรรมครั้ง , 99.9 เปอร์เซ็นต์ของมหาสมุทรที่ซัดเหนือแนวปะการัง อยู่สบาย เหนือเกณฑ์นี้ ภายใต้ธุรกิจฉาวโฉ่เหมือนปกติเกณฑ์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ยังคงเติบโตแล้วในที่สุดน้ำรอบ 6000 ปะการังจะใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อการวิจัยของพวกเขาจะต่ำเกณฑ์

จะมีจุดที่ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับที่ต้องอยู่ในแนวปะการังจะได้รับอย่างแน่นอน สรุปคือ เยือกเย็นหนึ่ง

" ผลของเราแสดงให้เห็นว่าถ้าเราต่อไปบนเส้นทางการปล่อยปัจจุบันของเรา