การตลาดของบริษัท เถ้าแก่น้อย
นายอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่าได้กำหนดยุทธศาสตร์ธุรกิจระยะยาว 10 ปีจากนี้ จะสร้างแบรนด์สแน็กสาหร่ายทอดกรอบ "เถ้าแก่น้อย" ให้ขยายตลาดไปทั่วโลก โดยในช่วง 3 ปีจากนี้จะรุกตลาดในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเถ้าแก่น้อยได้เข้าไปทำตลาดแล้วใน 30 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นผู้นำใน 9 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย บรูไน กัมพูชา พม่าและลาว
โดยในช่วง 3 ปีจากนี้วางเป้าหมายขยายการทำตลาดแบรนด์เถ้าแก่น้อย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประเทศจีน โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.5 ล้านแผ่นต่อวัน เป็น 3.5 ล้านแผ่นต่อวัน ใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรรวม 150 ล้านบาท
ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในระยะ 7-8 ปีต่อมา จะขยายตลาดไปยังยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นภูมิภาคสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เถ้าแก่น้อย ก้าวขึ้นแท่นผู้นำสแน็กสาหร่ายในตลาดโลก ซึ่งบริษัทต้องสร้างพฤติกรรมการบริโภคสาหร่ายให้เป็นเซ็กเมนท์ใหม่ในตลาดสแน็ก ให้กับผู้บริโภค เพื่อเข้าไปแข่งขันกับตลาดมันฝรั่งทอด
"แผนการรุกตลาดต่างประเทศ เป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อย เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดสแน็กสาหร่าย เช่นเดียวกับแบรนด์เรดบลูที่มีคนรู้จักทั่วโลก"นายอิทธิพัทธ์กล่าว
ในปีนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณสำหรับทำตลาดในประเทศราว 200 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการนำศิลปินนักร้องชื่อดังวง 2PM จากประเทศเกาหลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายหลักวัยรุ่นที่นิยมศิลปินเกาหลี รวมถึงเป็นกลยุทธ์นำร่องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในเอเชีย
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวอีกว่าจากแผนการขยายธุรกิจในอนาคต คาดว่าต้องใช้งบลงทุนราว 400 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต โดยบริษัทวางแผนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส3ปีนี้ คาดว่าจะระดมทุนได้ราว 1,000 ล้านบาท เพื่อไปสู่เป้าหมายสร้างแบรนด์สแน็กไทยในตลาดโลก รวมถึงการสร้างรายได้บริษัทระดับยอดขาย 1 หมื่นล้านภายใน 7 ปี แบ่งสัดส่วนรายได้ในประเทศ 60% ต่างประเทศ 40% จากปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 2,300 ล้านบาท และเป้าปีนี้มียอดขายรวม 3,000 ล้านบาททั้งตลาดในประเทศและส่งออก
สำหรับตลาดรวมสาหร่ายทอดกรอบมีมูลค่า 2,800 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเติบโต 35-40%เถ้าแก่น้อย ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% ตามด้วย มาชิตะ,ซีลิโกะ และโอโนริ ปีนี้คาดตลาดรวมเติบโต 27%
Brandใช้ K-pop ปั้น Asia
การดำเนินการของเถ้าแก่น้อย ตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือน การขยายช่องทางจำหน่ายให้ทั่วถึง เป็นแรงส่งให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยบรรลุความต้องการที่อิทธิพัทธ์ ตั้งใจไว้
ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือ การใส่ควมเป็นเกาหลีลงไปในสาหร่ายเถ้าแก่น้อย จนทำให้ตลาดสาหร่ายที่เคยรับรู้กันว่าเป็นสินค้าจากญี่ปุ่น และได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่น กลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม K-pop ไปในที่สุด
เขาบอกว่า สาหร่ายเถ้าแก่น้อยยุคแรก เทรนด์เกาหลียังไม่ได้รับความนิยม จึงเน้นไปที่ญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ต้องเทรนด์เกาหลี ก็เลยนำความเป็นเกาหลีมาใส่ในสินค้า เพื่อเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้นมา
“กลุ่มที่สนใจเกาหลีจะมีอายุระหว่าง 10 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มนักเรียน และกลุ่มนี้อนาคตก็จะเป็นลูกค้าของเถ้าแก่น้อย”
อิทธิพัทธ์ปั้นลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น สร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยให้เป็นที่รู้จัก ตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มเติบโต และหวังผลว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น จะมีแบรนด์เถ้าแก่น้อยอยู่ในความทรงจำ
การสร้างให้สินค้าเป็นเกาหลี ก็ผ่านทางพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นวง BEAST 6 หนุ่มบอยแบนด์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ และสิ่งที่อิทธิพัทธ์คิดไว้ก็เป็นไปตามนั้น ศิลปินจากเกาหลีทำให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยมีกลิ่นอายเกาหลีตามที่ต้องการ
แม้แต่คู่แข่งรายใหม่อย่างสิงห์ ก็เดินตามแนวทางเถ้าแก่น้อย ด้วยการใส่ความเป็นเกาหลีไปในสาหร่ายของตัวเองด้วย โดยใช้วง ซุปเปอร์จูเนียร์
“ถ้าพูดในมุมผม เถ้าแก่น้อยเป็นเกาหลีมานาน หากมีรายใหม่ใช้แนวเกาหลีเหมือนกัน ก็ไม่ซีเรียสถือว่ามาช่วยกันผลักดันตลาด และขยายตลาด แต่คนที่แย่ก็คือคนที่ไม่เกาะกระแสเกาหลี ผมห่วงกลุ่มโอท็อป และกลุ่ม SME จะแย่ ” เขาเป็นห่วงสาหร่ายที่ไม่เกาะกระแสเกาหลีจะอยู่ลำบาก
การเลือกใช้ K-pop และศิลปินเกาหลี ไม่ใช้การใช้แบบไม่มีเหตุผลรองรับ หรือทำตามความชอบเท่านั้น ยังมีกลยุทธ์ที่แฝงอยู่ นั่นคือเป้าหมายลึก ๆ ในใจของอิทธิพัทธ์ ที่ต้องการให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคแถบเอเชีย 2,000 ล้านคน เหมือนรู้จัก Mcdonald
กลุ่มลูกค้าในแถบเอเชีย เป็นตลาดต่างประเทศของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ที่ขณะนี้มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 30% และนับวันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเถ้าแก่น้อยมีสินค้าไปวางขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศแถบเอเชีย
“มาร์เก็ตแชร์ในประเทศที่มีอยู่ 70% มันไม่ใช่สิ่งแรกที่สำคัญสำหรับผมแล้ว ต้องทำให้คน 2,000 ล้านคนรู้จักเถ้าแก่น้อย และติดให้ได้ ตรงนี้สำคัญกว่ามาร์เก็ตแชร์ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใครพูดถึงมาร์เก็ตแชร์ในเอเชีย 2,000 ล้านคนเลย คนทำสาหร่ายก็ไม่มีใครคิดตรงนั้น เราต้องคิดเป็นโกลบอลแบรนด์ เราจะคิดแค่แข่งกันในประเทศก็เหมือน เป็นนกตัวหนึ่ง พอมีนกตัวหนึ่งบินมาก็ตีกัน นกตัวหนึ่งก็ตาย อีกตัวหนึ่งก็ขาเป๋ ทำไม่หาทางออกจากกรง บินออกไปทำลูก ทำหลานให้มันเยอะขึ้น”
นี่คือความคิดรวบยอดของอิทธิพัทธ์ เด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี ในขณะนี้
การรุกคืบในตลาดเอเชียของเถ้าแก่น้อย ขณะนี้ในสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน กระแสตอบรับดีมาก ผู้บริโภครู้จัก และยอมรับสาหร่ายเถ้าแก่น้อย
เขาบอกด้วยว่า ในฮ่องกงสาหร่ายเถ้าแก่น้อยถูกนำไปไว้ในมินิบาร์ โรงแรมมาร์โคโปโล บนถนนนาธาน โดยสาหร่ายเถ้าแก่น้อยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Smart Product
นอกจากนี้ บริษัทกูเกิล ในสิงคโปร์ได้ทำการสอำรวจความคิดเห็นพนักงานว่า สินค้าใดที่ต้องการให้บริษัทจัดหามาเพื่อทำให้มีความสุข สาหร่ายเถ้าแก่น้อยติดอยู่ในผลการสำรวจครั้งนี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยประสบความสำเร็จในตลาดเอเชียนอกจากตัวสินค้าแล้ว อิทธิพัทธ์ก็ยอมรับว่า มาจากการใช้ความเป็นเกาหลี ผ่านศิลปินเกาหลีที่วัยรุ่นในเอเชียรู้จักและติดตามผลงาน วง BEAST ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็มีแฟนของวงนี้ในทุกประเท
การตลาดของบริษัท เถ้าแก่น้อยนายอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่าได้กำหนดยุทธศาสตร์ธุรกิจระยะยาว 10 ปีจากนี้ จะสร้างแบรนด์สแน็กสาหร่ายทอดกรอบ "เถ้าแก่น้อย" ให้ขยายตลาดไปทั่วโลก โดยในช่วง 3 ปีจากนี้จะรุกตลาดในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเถ้าแก่น้อยได้เข้าไปทำตลาดแล้วใน 30 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นผู้นำใน 9 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย บรูไน กัมพูชา พม่าและลาวโดยในช่วง 3 ปีจากนี้วางเป้าหมายขยายการทำตลาดแบรนด์เถ้าแก่น้อย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประเทศจีน โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.5 ล้านแผ่นต่อวัน เป็น 3.5 ล้านแผ่นต่อวัน ใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรรวม 150 ล้านบาทส่วนแผนดำเนินธุรกิจในระยะ 7-8 ปีต่อมา จะขยายตลาดไปยังยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นภูมิภาคสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เถ้าแก่น้อย ก้าวขึ้นแท่นผู้นำสแน็กสาหร่ายในตลาดโลก ซึ่งบริษัทต้องสร้างพฤติกรรมการบริโภคสาหร่ายให้เป็นเซ็กเมนท์ใหม่ในตลาดสแน็ก ให้กับผู้บริโภค เพื่อเข้าไปแข่งขันกับตลาดมันฝรั่งทอด"แผนการรุกตลาดต่างประเทศ เป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อย เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดสแน็กสาหร่าย เช่นเดียวกับแบรนด์เรดบลูที่มีคนรู้จักทั่วโลก"นายอิทธิพัทธ์กล่าวในปีนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณสำหรับทำตลาดในประเทศราว 200 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการนำศิลปินนักร้องชื่อดังวง 2PM จากประเทศเกาหลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายหลักวัยรุ่นที่นิยมศิลปินเกาหลี รวมถึงเป็นกลยุทธ์นำร่องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในเอเชียนายอิทธิพัทธ์ กล่าวอีกว่าจากแผนการขยายธุรกิจในอนาคต คาดว่าต้องใช้งบลงทุนราว 400 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต โดยบริษัทวางแผนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส3ปีนี้ คาดว่าจะระดมทุนได้ราว 1,000 ล้านบาท เพื่อไปสู่เป้าหมายสร้างแบรนด์สแน็กไทยในตลาดโลก รวมถึงการสร้างรายได้บริษัทระดับยอดขาย 1 หมื่นล้านภายใน 7 ปี แบ่งสัดส่วนรายได้ในประเทศ 60% ต่างประเทศ 40% จากปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 2,300 ล้านบาท และเป้าปีนี้มียอดขายรวม 3,000 ล้านบาททั้งตลาดในประเทศและส่งออกสำหรับตลาดรวมสาหร่ายทอดกรอบมีมูลค่า 2,800 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเติบโต 35-40%เถ้าแก่น้อย ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% ตามด้วย มาชิตะ,ซีลิโกะ และโอโนริ ปีนี้คาดตลาดรวมเติบโต 27%Brandใช้ K-pop ปั้น Asiaการดำเนินการของเถ้าแก่น้อย ตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือน การขยายช่องทางจำหน่ายให้ทั่วถึง เป็นแรงส่งให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยบรรลุความต้องการที่อิทธิพัทธ์ ตั้งใจไว้ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือ การใส่ควมเป็นเกาหลีลงไปในสาหร่ายเถ้าแก่น้อย จนทำให้ตลาดสาหร่ายที่เคยรับรู้กันว่าเป็นสินค้าจากญี่ปุ่น และได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่น กลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม K-pop ไปในที่สุดเขาบอกว่า สาหร่ายเถ้าแก่น้อยยุคแรก เทรนด์เกาหลียังไม่ได้รับความนิยม จึงเน้นไปที่ญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ต้องเทรนด์เกาหลี ก็เลยนำความเป็นเกาหลีมาใส่ในสินค้า เพื่อเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้นมา
“กลุ่มที่สนใจเกาหลีจะมีอายุระหว่าง 10 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มนักเรียน และกลุ่มนี้อนาคตก็จะเป็นลูกค้าของเถ้าแก่น้อย”
อิทธิพัทธ์ปั้นลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น สร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยให้เป็นที่รู้จัก ตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มเติบโต และหวังผลว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น จะมีแบรนด์เถ้าแก่น้อยอยู่ในความทรงจำ
การสร้างให้สินค้าเป็นเกาหลี ก็ผ่านทางพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นวง BEAST 6 หนุ่มบอยแบนด์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ และสิ่งที่อิทธิพัทธ์คิดไว้ก็เป็นไปตามนั้น ศิลปินจากเกาหลีทำให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยมีกลิ่นอายเกาหลีตามที่ต้องการ
แม้แต่คู่แข่งรายใหม่อย่างสิงห์ ก็เดินตามแนวทางเถ้าแก่น้อย ด้วยการใส่ความเป็นเกาหลีไปในสาหร่ายของตัวเองด้วย โดยใช้วง ซุปเปอร์จูเนียร์
“ถ้าพูดในมุมผม เถ้าแก่น้อยเป็นเกาหลีมานาน หากมีรายใหม่ใช้แนวเกาหลีเหมือนกัน ก็ไม่ซีเรียสถือว่ามาช่วยกันผลักดันตลาด และขยายตลาด แต่คนที่แย่ก็คือคนที่ไม่เกาะกระแสเกาหลี ผมห่วงกลุ่มโอท็อป และกลุ่ม SME จะแย่ ” เขาเป็นห่วงสาหร่ายที่ไม่เกาะกระแสเกาหลีจะอยู่ลำบาก
การเลือกใช้ K-pop และศิลปินเกาหลี ไม่ใช้การใช้แบบไม่มีเหตุผลรองรับ หรือทำตามความชอบเท่านั้น ยังมีกลยุทธ์ที่แฝงอยู่ นั่นคือเป้าหมายลึก ๆ ในใจของอิทธิพัทธ์ ที่ต้องการให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคแถบเอเชีย 2,000 ล้านคน เหมือนรู้จัก Mcdonald
กลุ่มลูกค้าในแถบเอเชีย เป็นตลาดต่างประเทศของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ที่ขณะนี้มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 30% และนับวันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเถ้าแก่น้อยมีสินค้าไปวางขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศแถบเอเชีย
“มาร์เก็ตแชร์ในประเทศที่มีอยู่ 70% มันไม่ใช่สิ่งแรกที่สำคัญสำหรับผมแล้ว ต้องทำให้คน 2,000 ล้านคนรู้จักเถ้าแก่น้อย และติดให้ได้ ตรงนี้สำคัญกว่ามาร์เก็ตแชร์ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใครพูดถึงมาร์เก็ตแชร์ในเอเชีย 2,000 ล้านคนเลย คนทำสาหร่ายก็ไม่มีใครคิดตรงนั้น เราต้องคิดเป็นโกลบอลแบรนด์ เราจะคิดแค่แข่งกันในประเทศก็เหมือน เป็นนกตัวหนึ่ง พอมีนกตัวหนึ่งบินมาก็ตีกัน นกตัวหนึ่งก็ตาย อีกตัวหนึ่งก็ขาเป๋ ทำไม่หาทางออกจากกรง บินออกไปทำลูก ทำหลานให้มันเยอะขึ้น”
นี่คือความคิดรวบยอดของอิทธิพัทธ์ เด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี ในขณะนี้
การรุกคืบในตลาดเอเชียของเถ้าแก่น้อย ขณะนี้ในสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน กระแสตอบรับดีมาก ผู้บริโภครู้จัก และยอมรับสาหร่ายเถ้าแก่น้อย
เขาบอกด้วยว่า ในฮ่องกงสาหร่ายเถ้าแก่น้อยถูกนำไปไว้ในมินิบาร์ โรงแรมมาร์โคโปโล บนถนนนาธาน โดยสาหร่ายเถ้าแก่น้อยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Smart Product
นอกจากนี้ บริษัทกูเกิล ในสิงคโปร์ได้ทำการสอำรวจความคิดเห็นพนักงานว่า สินค้าใดที่ต้องการให้บริษัทจัดหามาเพื่อทำให้มีความสุข สาหร่ายเถ้าแก่น้อยติดอยู่ในผลการสำรวจครั้งนี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยประสบความสำเร็จในตลาดเอเชียนอกจากตัวสินค้าแล้ว อิทธิพัทธ์ก็ยอมรับว่า มาจากการใช้ความเป็นเกาหลี ผ่านศิลปินเกาหลีที่วัยรุ่นในเอเชียรู้จักและติดตามผลงาน วง BEAST ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็มีแฟนของวงนี้ในทุกประเท
การแปล กรุณารอสักครู่..