2. Marketing Fast Moving Consumer G

2. Marketing Fast Moving Consumer Goods
As the Fast Moving Consumer Goods are low priced and many brands and companies are involved in the manufacturing and
production of same categories of products, it becomes really difficult to project a special place in the minds of the consumers.
Therefore, marketers have to think of special plans and ways in which they can attract consumers towards their products even at the
time of normal economic circumstances or at the time of boom in the economy. Therefore, at the time of recession, the difficulties
increase even more. As we all have seen or heard about the most recent recession that has affected the world economy really badly, it
became difficult for many industries to survive. Similar is the case with FMCG as well. As it is a low priced and high volume area to
work upon, it became really difficult for sellers to make or increase the profit margin regarding the same. The main reason for this is
that due to recession and a need to save money people prefer buying cheaper brands as compared to highly expensive ones. Due to the
profit margin being lower than other industries, it becomes really difficult for these FMCG companies to sustain and survive. Brands
that take a proactive stance and treat the recession as an opportunity are likely to come out of the recession stronger than before. In
this article, I am trying to describe what can be done by these companies on how they can improve profits with the help of Dove’s
Real Beauty Campaign.
2.1. Increasing Investment in Brand
In recessions, shoppers have a natural tendency to switch to private labels in order to save money. What the brand needs to concentrate
on in such a scenario is either they can lower the price of their own products or they can offer something of value to the customers
such that they can buy these goods even at a higher price.Due to increase in the price sensitivity during recession time, reducing the
price can prove to be beneficial to a great extent Secondly, coming out with such ideas that can attract consumers and can make it clear in their eyes that using a particular product
would offer certain benefits to them or add value more as compared to other goods or services.
Reducing the investments in brand during the time of recession weakens the equity of brands and negatively impacts on shareholder
value. In sum, companies often do the wrong thing by reducing marketing expenditure despite compelling evidence that it pays to not
follow the general trend of cutting back during a recession. Marketing expenses should be treated as investments that can help an
organisation in building large customer base in the long run rather than being treated as an expense that is of no use to the company

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2. การตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นการรวดเร็วเคลื่อนย้ายสินค้าที่ผู้บริโภคจะต่ำ ราคา และหลายแบรนด์ และบริษัทเกี่ยวข้องในการผลิต และการผลิตของผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน มันก็ยากจริง ๆ การฉายพิเศษในจิตใจของผู้บริโภคดังนั้น นักการตลาดต้องคิดพิเศษแผนการและวิธีที่พวกเขาสามารถดึงดูดผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ของตนแม้ในการขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจปกติ หรือเวลาของบูมในเศรษฐกิจ ดังนั้น ในขณะภาวะถดถอย ความยากลำบากเพิ่มมากขึ้น เป็นเราทั้งหมดได้เห็น หรือได้ยินเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยล่าสุดที่ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจโลกดีจริง ๆ มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอด คล้ายเป็นกรณีกับ FMCG เป็นอย่างดี มันเป็นบริเวณสำหรับระดับเสียงสูง และราคาต่ำทำงานเมื่อ มันกลายเป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ สำหรับผู้ขาย หรือเพิ่มอัตรากำไรเกี่ยวกับเดียวกัน เหตุผลหลักสำหรับเรื่องนี้คือเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและต้องบันทึกเงินคนที่ชอบซื้อแบรนด์ที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับคนสูงราคาแพง เนื่องจากการอัตรากำไรต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ มันก็ยากจริง ๆ บริษัท FMCG จะยั่งยืน และอยู่รอด แบรนด์ที่ใช้ความระมัดระวัง และรักษาภาวะถดถอยเป็นโอกาสน่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นกว่าเดิม ในบทความนี้ ฉันพยายามอธิบายสิ่งที่สามารถทำได้ โดยบริษัทเหล่านี้ในการเพิ่มผลกำไร ด้วยความช่วยเหลือของนกพิราบเสริมความงามที่แท้จริง2.1. เพิ่มเงินลงทุนในแบรนด์ใน recessions นักช้อปมีแนวโน้มตามธรรมชาติสลับกับป้ายชื่อส่วนตัวเพื่อประหยัดเงิน แบรนด์ที่ต้องการมีสมาธิในสถานการณ์ดังกล่าวเป็นพวกเขาสามารถลดราคาของผลิตภัณฑ์ของตนเอง หรือนำสิ่งที่มีค่าให้กับลูกค้าเช่นที่พวกเขาสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้ได้ในราคาสูง เพิ่มความไวต่อราคาในช่วงภาวะถดถอย ลดการราคาสามารถพิสูจน์ให้เป็นประโยชน์ในระดับดี Secondly มาพร้อมกับแนวคิดดังกล่าวที่สามารถดึงดูดผู้บริโภค และสามารถทำให้มันชัดเจนในสายตาของพวกเขาที่ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะจะให้สิทธิประโยชน์บางอย่างให้ หรือเพิ่มค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าหรือบริการอื่น ๆลดเงินลงทุนในแบรนด์ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยอ่อนตัวส่วนของแบรนด์ และส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นค่า ในผลรวม บริษัทมักจะทำสิ่งที่ผิด โดยการลดรายจ่ายด้านการตลาดแม้ มีหลักฐานที่จะจ่ายให้ที่น่าสนใจไม่ทำตามแนวโน้มทั่วไปของกลับตัดช่วงถดถอย การตลาดควรจะถือเป็นเงินลงทุนที่สามารถช่วยให้การองค์กรในการสร้างฐานในระยะยาวแทนที่จะใหญ่ลูกค้าถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องการบริษัท

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2. การตลาด Fast Moving สินค้าอุปโภคบริโภค
ในฐานะที่เป็น Fast Moving สินค้าอุปโภคบริโภคเป็นแบรนด์ราคาและหลาย บริษัท ที่ต่ำและมีส่วนร่วมในการผลิตและ
การผลิตของประเภทเดียวกันของผลิตภัณฑ์มันจะกลายเป็นเรื่องยากมากที่จะฉายเป็นสถานที่พิเศษในใจของผู้บริโภค
ดังนั้นนักการตลาดต้องคิดแผนพิเศษและวิธีการที่พวกเขาสามารถดึงดูดผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของตนแม้ใน
ช่วงเวลาของภาวะเศรษฐกิจปกติหรือในช่วงเวลาของความเจริญในทางเศรษฐกิจ ดังนั้นในช่วงเวลาของภาวะเศรษฐกิจถดถอย, ความยากลำบาก
เพิ่มมากยิ่งขึ้น ในฐานะที่เราทุกคนได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งล่าสุดที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกไม่ดีจริงๆก็
กลายเป็นเรื่องยากสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆเพื่อความอยู่รอด ที่คล้ายกันคือกรณีที่มีการอุปโภคบริโภคได้เป็นอย่างดี มันเป็นราคาต่ำและมีปริมาณสูงในพื้นที่ที่จะ
ทำงานเมื่อมันกลายเป็นเรื่องยากจริงๆสำหรับผู้ขายที่จะทำให้หรือเพิ่มอัตรากำไรเกี่ยวกับการเดียวกัน เหตุผลหลักคือ
ว่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความจำเป็นที่จะประหยัดเงินคนชอบซื้อแบรนด์ที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับคนที่ราคาแพงมาก เนื่องจากการที่
อัตรากำไรขั้นต้นเป็นต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ มันจะกลายเป็นเรื่องยากจริงๆสำหรับ บริษัท เหล่านี้อุปโภคบริโภคที่จะรักษาและอยู่รอด แบรนด์
ที่ใช้ท่าทางเชิงรุกและการรักษาภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นโอกาสที่มีแนวโน้มที่จะออกจากภาวะถดถอยที่แข็งแกร่งกว่าก่อนที่จะมา ใน
บทความนี้ผมกำลังพยายามที่จะอธิบายสิ่งที่สามารถทำได้โดย บริษัท เหล่านี้เกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขาสามารถปรับปรุงผลกำไรด้วยความช่วยเหลือของนกพิราบของ
การรณรงค์ด้านความงาม
2.1 เพิ่มการลงทุนในแบรนด์ของ
ในถดถอยผู้ซื้อมีแนวโน้มตามธรรมชาติเพื่อสลับไปยังป้ายชื่อส่วนตัวเพื่อที่จะประหยัดเงิน สิ่งที่แบรนด์ต้องการที่จะมีสมาธิ
ในสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งที่พวกเขาสามารถลดราคาของผลิตภัณฑ์ของตัวเองของพวกเขาหรือพวกเขาสามารถนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า
เช่นที่พวกเขาสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้แม้ที่ price.Due สูงจะเพิ่มขึ้นใน ไวราคาในช่วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยลด
ราคาสามารถพิสูจน์ให้เป็นประโยชน์ในระดับที่ดีประการที่สองออกมากับความคิดดังกล่าวที่สามารถดึงดูดผู้บริโภคและสามารถทำให้มันชัดเจนในสายตาของพวกเขาที่ใช้ผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ที่จะนำเสนอผลประโยชน์บางอย่างให้กับพวกเขาหรือเพิ่ม ค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าหรือบริการอื่น ๆ
ลดการลงทุนในแบรนด์ในช่วงเวลาของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอ่อนตัวหุ้นของแบรนด์และในเชิงลบผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น
มูลค่า โดยสรุป บริษัท มักจะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยการลดค่าใช้จ่ายการตลาดแม้จะมีหลักฐานที่น่าสนใจที่จะจ่ายให้ไม่
เป็นไปตามแนวโน้มทั่วไปของตัดกลับมาในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าใช้จ่ายการตลาดควรจะถือว่าเป็นเงินลงทุนที่สามารถช่วยให้
องค์กรในการสร้างฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในระยะยาวมากกว่าที่จะได้รับการรักษาเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นของใช้ไม่ได้กับ บริษัท ที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2 . การตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นรวดเร็วย้ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาต่ำและ หลายแบรนด์และ บริษัท มีส่วนร่วมในการผลิตและการผลิตของผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน จะยากจริง ๆ โครงการเป็นสถานที่พิเศษในจิตใจของผู้บริโภคดังนั้น นักการตลาดต้องคิดแผนพิเศษและวิธีการที่พวกเขาสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของตนแม้ที่เวลาของสถานการณ์เศรษฐกิจปกติ หรือเวลา boom ในเศรษฐกิจ ดังนั้นในเวลาของภาวะเศรษฐกิจถดถอย , ปัญหาเพิ่มมากขึ้น อย่างที่เราได้เห็น หรือได้ยินเกี่ยวกับภาวะถดถอยล่าสุดนั้นได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมาก มันกลายเป็นยากสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆเพื่อความอยู่รอด เหมือนกันคือกรณีที่มีไม่น้อยเช่นกัน เป็นต่ำราคาและพื้นที่ปริมาณสูงทำงานเมื่อมันกลายเป็นยากจริงๆสำหรับผู้ขายที่จะให้หรือเพิ่มกำไรเกี่ยวกับเดียวกัน หลักเหตุผลนี้คือเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและต้องบันทึกคนเงินชอบซื้อยี่ห้อที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับคนที่สูงราคาแพง เนื่องจากการอัตรากำไรที่ลดลงกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ มันจะกลายเป็นยากจริงๆสำหรับ บริษัท เหล่านี้ไม่น้อยที่จะรักษาและอยู่รอด ยี่ห้อที่ใช้ท่าทางเชิงรุก และถือว่าถดถอยเป็นโอกาสมีแนวโน้มที่จะออกมาจากภาวะถดถอยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ในบทความนี้ผมพยายามที่จะอธิบายสิ่งที่สามารถทำได้โดย บริษัท เหล่านี้ในวิธีที่พวกเขาสามารถปรับปรุงผลกำไรด้วยความช่วยเหลือของนกพิราบแคมเปญความงามที่แท้จริง2.1 . เพิ่มการลงทุนในแบรนด์ใน recessions ผู้ซื้อมีแนวโน้มตามธรรมชาติที่จะเปลี่ยนป้ายชื่อส่วนตัวในการบันทึกเงิน สิ่งที่แบรนด์ต้องการสมาธิในสถานการณ์ดังกล่าวคือพวกเขาสามารถลดราคาของผลิตภัณฑ์ของตัวเองหรือพวกเขาสามารถให้สิ่งที่มีค่าแก่ลูกค้าเช่นที่พวกเขาสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้ในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความไวราคาในเวลาภาวะถดถอย ลดราคาที่สามารถพิสูจน์เป็นประโยชน์ในขอบเขตที่ดี ประการที่สอง ออกมากับความคิดดังกล่าวที่สามารถดึงดูดผู้บริโภค และสามารถทำให้มันชัดเจนในสายตาของพวกเขาที่ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์จะเสนอผลประโยชน์บางอย่างเพื่อพวกเขาหรือเพิ่มมูลค่ามากขึ้น เมื่อเทียบกับสินค้าหรือบริการอื่น ๆการลดการลงทุนในแบรนด์ในช่วงเวลาของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอ่อนตัวหุ้นของแบรนด์และส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นค่า โดยสรุปคือ บริษัทมักจะทำสิ่งผิด โดยการลดรายจ่ายทางการตลาด แม้จะมีหลักฐานว่ามันจ่ายที่จะไม่น่าสนใจตามแนวโน้มทั่วไปของการตัดกลับในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าใช้จ่ายการตลาดควรจะถือว่าเป็นเงินลงทุนที่จะช่วยเป็นองค์กรในการสร้างฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในระยะยาวมากกว่าจะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช้บริษัท