ตลอดระยะเวลา 60 ปี แห่งการขึ้นครองสิริราชสมบัติ รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประเทศไทยนับได้ว่ามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงบุญญาธิการ ทรงคุณงามความดี ปกเกล้าปกกระหม่อมประชาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุขแล้ว ประเทศไทยยังมี "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ" ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงเป็น "นางแก้ว" คู่พระบารมีมาโดยตลอด
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณต่อราษฎรเฉกเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เจ้าหัว จนได้รับการยกย่องว่า "ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก" เคียงคู่พระราชสวามี นับตั้งแต่ 28 เมษายน 2493 อันเป็นวันสำคัญที่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัว รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ กับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร พระคู่หมั้น
๏ คำทำนายของแขกเลี้ยงวัว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร) กับ ม.ล.บัว กิติยากร มีฐานันดรเมื่อแรกพระราชสมภพคือ "ม.ร.ว." ทรงมีพระภาดา 2 องค์ คือ ม.ร.ว.กัลยาณกิติ์ และ ม.ร.ว.อดุลยกิติ์ และพระขนิษฐภคินี 1 องค์ คือ ม.ร.ว.บุษบา
เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2475 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยเพียง 49 วัน ณ บ้านพัก พลเอก เจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (ม.ร.ว.สะท้าน สนิทวงศ์) บิดาของ ม.ล.บัว ซึ่งเป็นเจ้าคุณตา บ้านเลขที่ 1808 ถนนพระราม 6 ตำบลวังใหม่ (สะพานเหลือง) อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร
หลังพระราชสมภพไม่กี่วัน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทานนามว่า "สิริกิติ์" มีความหมายว่า "ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร"
และเมื่อพระราชสมภพได้เพียง 3 เดือน ม.ล.บัว ต้องติดตาม ม.จ.นักขัตรมงคล ที่ต้องไปทำหน้าที่เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา จึงจำใจต้องยกธิดาให้อยู่ในความดูแลของเจ้าคุณตา-คุณยาย คือ พลเอก เจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ และ ท้าววนิดาพิจารินี แต่เมื่ออายุประมาณ 8 เดือน "ท่านย่า- ม.จ.หญิงอัปษร สมาน กิติยากร" มีพระประสงค์จะทรงรับหลานไปอยู่ด้วย ซึ่งฝ่ายเจ้าคุณตา-คุณยาย จำใจต้องถวายให้ไป
จวบจนปี 2477 ม.จ.นักขัตรมงคลทรงลาออกจากราชการและเสด็จกลับเมืองไทย ม.ร.ว.สิริกิติ์จึงได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวอีกครั้ง ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เล่าไว้ในหนังสือ "เป็น อยู่ คือ" ตอนหนึ่งว่า
"หลังจากระหกระเหินตามเหตุการณ์บ้านเมือง ตอนนั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ อายุประมาณ 2 ขวบกว่าจึงได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว แต่ก็มีบางครั้งที่ยังทรงไปค้างบ้านเจ้าคุณตาบ้าง และระหว่างพักกับเจ้าคุณตาก็มีเรื่องเป็นที่ล้อเลียนเกิดขึ้น
เนื่องจากวันหนึ่งขณะที่พี่เลี้ยงอุ้ม ม.ร.ว.สิริกิติ์เดินเล่น พอดีขณะนั้นมีแขกเลี้ยงวัว (แขกจริงๆ) ซึ่งเป็นเพื่อนของแขกยามประจำบ้านมาหากัน พอแขกที่มาเหลือบมาเห็น ม.ร.ว. สิริกิติ์ก็จ้องมองพร้อมทั้งกวักมือเรียกพี่เลี้ยงขอให้เห็นใกล้ๆ หน่อย เมื่อเข้ามาใกล้มองดูสักครู่ก็พูดว่า "ต่อไปจะเป็นมหารานี"
พี่เลี้ยงได้ฟังก็ชอบใจ เที่ยวเล่าให้คุณยายและใครต่อใครฟัง ถึงไม่เชื่อแต่ก็ปลื้มใจ ต่อมาเมื่อ ม.ร.ว.สิริกิติ์เจริญวัยขึ้น เลยเป็นเหตุให้คุณพี่ชายทั้งสองคนเอามาล้อเป็นที่ขบขันว่า เป็นราชินีแห่งอบิสซิเนีย บางครั้งถึงกับทำให้ผู้ถูกล้อต้องนั่งร้องไห้ด้วยความอายและเจ็บใจ แต่พี่ชายทั้งสองก็ยังไม่หยุดล้อ กลับเอาเศษผ้าม่านขาดๆ มาทำเป็นธงโบกอยู่ไปมา พร้อมทั้งบอกว่าเป็นธงประจำตัวของพระราชินี เหตุการณ์เหล่านี้ยังเป็นที่ขบขันอยู่จนถึงทุกวันนี้ เมื่อมีการกล่าวถึงความหลัง