เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่ก การแปล - เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่ก ไทย วิธีการพูด

เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า เครื่องดื่ม

เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของมนุษย์มาช้านาน มีการใช้แอลกอฮอล์เพื่อการสันทนาการต่างๆมากมาย มีปัญหาเกี่ยวกับการแอลกอฮอล์ที่คนหลายคนตั้งคำถามกันแต่อาจจะไม่มีคนตอบ ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูเรื่องราวข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กัน

1. ทำไมบางคนดื่มแล้วตัวแดงหน้าแดง
ปกติแล้วเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้ไปเป็นสารที่ใช้ในวงจรสร้างพลังงาน ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีช่วงหนึ่งซึ่งสร้างสารที่ชื่อว่าแอลดีไฮด์ ซึ่งมีพิษต่อร่างกายได้ ... ในคนปกติ ร่างกายจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า aldehyde dehydrogenase ทำหน้าที่เปลี่ยนสารแอลดีไฮด์ให้กลายเป็นสารอื่นต่อไป ... ซึ่งในคนเชื้อชาติทางด้านเอเชีย จะมีบางส่วน(50%)ซึ่งมีพันธุกรรมที่กำหนดการสร้างเอนไซม์ตัวนี้น้อยกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อกินเหล้าเข้าไป เหล้าจะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ช้ากว่าโดยไปเกิดการคั่งของสารกลุ่มแอลดีไฮด์นี้
สารแอลดีไฮด์จะทำให้เกิดอาการต่างๆคือ คลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว ปวดหัว อาการบวมและคันตามตัว หลอดเลือดขยายตัว หน้าแดงมือแดงได้


2. อาการแฮงค์คืออะไร
อาการแฮงค์ คืออาการมึนงงปวดหัวคลื่นไส้อาเจียนหลังจากที่ฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มหมดไปแล้ว ... อาการที่ว่านี้เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันได้แก่ การขาดน้ำ + การคั่งของสารแอลดีไฮด์ + น้ำตาลต่ำ ไปทำให้เกิดกลุ่มอาการดังกล่าว


3. กินแค่ไหนจึงจะไม่โดนตำรวจจับ
ในประเทศไทย กฎหมายตั้งเกณฑ์ไว้ที่50mg% ดังนั้นเป้าคือกินอย่างไรไม่ให้เกิด50mg%
มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2550 ในวารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์ เกี่ยวกับการทดลองโดยให้อาสาสมัครดื่มเหล้า(+กับแกล้มหรืออาหาร)และตรวจเลือด ซึ่งพบว่าการดื่มเหล้าเกิน1ดริงค์ต่อชั่วโมง ก็เสี่ยงต่อการมีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้ว (1ดริงค์ = เหล้า40ดีกรี 40ซีซี /หรือเบียร์ 275 ซีซี)
ถ้าพูดเป็นภาษาเข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ถ้าคุณไปเที่ยวแล้วกินเหล้าสัก6-7 ฝา หรือ กินเบียร์1กระป๋อง จากนั้นก็ขับรถมาเจอด่านตรวจ คุณก็มีโอกาสที่จะโดนจับ
ทั้งนี้ในงานวิจัยพบว่า การกินกับแกล้มก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าจะให้ช่วยจริงๆต้องกินเป็นอาหารมื้อหนักๆไปเลยจึงจะพอช่วยลดการดูดซึมได้บ้าง



4. กินยังไงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
หลายคนที่เจอจับอาจจะงงว่าตนเองยังไม่เมาเลย ทำไมโดนจับ เรื่องของเรื่องคือกลไกการเกิดอุบัติเหตุของคนที่ดื่มเหล้าเกิดจากการตัดสินใจช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีครับ เกิดได้ตั้งแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดน้อยที่ระดับ 10mg% ขึ้นไป ... ปริมาณระดับนี้ไม่สามารถตรวจด้วยวิธีปกติได้ แต่สามารถตรวจได้จากการวัดความเร็วการตอบสนองของร่างกาย
นั่นหมายความว่า คุณเสียความสามารถในการตอบสนองไปแล้ว โดยที่ยังไม่รู้สึกมึนด้วยซ้ำ

5. มียาแก้เมาค้างหรือไม่
การแก้อาการเมาค้างในปัจจุบันยังใช้วิธีแบบตรงไปตรงมาคือ อย่าดื่มมากเกิน อย่าดื่มเร็วเกิน ดื่มน้ำบ่อยๆ เลือกชนิดเหล้า(เหล้าบางชนิดจะมีสารเคมีที่ทำให้เมาค้างได้ง่าย ต้องหาเอา ขึ้นกับแต่ละคน)ส่วนถ้าไปดูตามวงเหล้า หรือตามโฆษณาต่างๆ จะมีการพูดถึงยา, สมุนไพร, อาหารเสริม ที่ช่วงแก้อาการเมาค้าง ... แต่ถ้าว่ากันจริงๆตามงานวิจัย ยังไม่มียาที่ใช้แก้อาการเมาค้างที่ได้ผลชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ครับ

6. การดื่มเพื่อสุขภาพ
มีงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าการดื่มแอลกฮอล์อาจจะมีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพได้ ทั้งนี้ต้องดื่มแต่พอดีครับ คำว่าดื่มแต่พอดีก็คือ การดื่มประมาณวันละ 1 ดริงค์
เทียบเท่าเบียร์ค่อนกระป๋อง / ไวน์ปริมาณ1ขวดกระทิงแดง / หรือเหล้าหนึ่งเป๊ก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการดื่มในระดับที่ไม่รู้สึกอะไร หรืออย่างมากก็กรึ่มเพียงเล็กน้อย
ดังนั้นการดื่มเพื่อสันทนาการ ดื่มแบบเฮฮา หรือดื่มแบบสนุกครื้นเครง ล้วนเกินพอดีครับ โทษมากกว่าประโยชน์ชัดเจน


ผลของการดื่มสุราต่อสุขภาพ

ผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรังจะมีอายุเฉลี่ยสั้นลง 10-14 ปี แต่ถ้าดื่มตามกำหนดอายุเฉลี่ยจะยาวกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มดื่มเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ บางคนแนะนำให้ดื่มหลังอายุ 60ปี ถ้าได้ดื่มเกินขนาดอาจจะทำให้เสียชีวิต หากคุณดื่มสุราเป็นประจำมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพดังนี้

ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
ผู้ที่ดื่มมากกว่า 3 หน่วยสุราทุกวันจะมีโอกาสความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะผู้สูงอายุหากดื่มมากความดันก็จะสูง ยิ่งดื่มมากยิ่งสูงมาก เมื่อความดันโลหิตสูงก็เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ที่ดื่มครั้งละมากกว่า 8 หน่วยสุราต่อครั้งจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนปกติ 2 เท่า ผู้ดื่มสุราเป็นปริมาณมากและเรื้อรังจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจวาย
จากการศึกษาผู้ป่วยเป็นจำนวนมากพบว่าหากดื่มสุราขนาดปานกลางดังกล่าว จะมีอัตราการตายจากโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ดื่มมากและผู้ที่ไม่ดื่มสุรา การจะให้ลดอัตราการตายควรจะดื่มเมื่ออายุมากกว่า 65 ปีและมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ชนิดของสุราที่ลดอัตราการตายได้ดีคือพวกไวน์ทั้งนี้ อาจจะเนื่องจากผู้ที่ดื่มไวน์มักจะสูบบุหรี่น้อยกว่าพวกที่ดื่มสุราอย่างอื่น และได้รับสารอาหารครบถ้วนกว่า มีคำอธิบายว่าทำไมสุราจึงลดอัตราการเกิดโรคหัวใจโดยปกติแล้วการเกิดโรหลอดเลือดหัวใจตีบตันจะต้องมี 1การที่หลอดเลือดแดงตีบ 2มีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดแดง 3ลิ่มเลือดทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอ สุราจะช่วยโดยป้องกันการหดตัวของหลอดเลือด ป้องกันการแข็งตัวของลิ่มเลือด และทำให้ลิ่มเลือดละลายเร็ว
แต่อย่างไรก็ตามท่านต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าประโยชน์และโทษอันไหนมากกว่ากัน หากดื่มมากเกินก็เสี่ยงต่อโรคกระเพาะ ตับแข็ง อุบัติเหตุ สำหรับท่านที่ไม่ได้ดื่มอยู่แล้วแนะนำว่าไม่ควรดื่มเพราะมีอีกหลายวิธีที่จะป้องกันโรคหัวใจ สำหรับท่านที่ดื่มก็แนะนำให้ลดปริมาณลงเท่าที่กำหนด



ผลของสุราต่อการทำงานของสมอง

ผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องความจำและความคิดอ่าน หากดื่มสุราจะทำให้สมองฝ่อก่อนวัยโดยเฉพาะสมองส่วนหน้า frontal lobes ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความคิดอ่าน ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาเรื่องการทรงตัว การดื่มสุราก็จะทำให้การท
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของมนุษย์มาช้านานมีการใช้แอลกอฮอล์เพื่อการสันทนาการต่างๆมากมายมีปัญหาเกี่ยวกับการแอลกอฮอล์ที่คนหลายคนตั้งคำถามกันแต่อาจจะไม่มีคนตอบดังนั้นวันนี้เราจะมาดูเรื่องราวข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กัน1. ทำไมบางคนดื่มแล้วตัวแดงหน้าแดง ปกติแล้วเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายแล้วร่างกายจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้ไปเป็นสารที่ใช้ในวงจรสร้างพลังงานในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีช่วงหนึ่งซึ่งสร้างสารที่ชื่อว่าแอลดีไฮด์ซึ่งมีพิษต่อร่างกายได้... แอลดีไฮด์ในคนปกติร่างกายจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า dehydrogenase ทำหน้าที่เปลี่ยนสารแอลดีไฮด์ให้กลายเป็นสารอื่นต่อไป... ซึ่งในคนเชื้อชาติทางด้านเอเชีย จะมีบางส่วน(50%) ซึ่งมีพันธุกรรมที่กำหนดการสร้างเอนไซม์ตัวนี้น้อยกว่าปกติดังนั้นเมื่อกินเหล้าเข้าไปเหล้าจะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ช้ากว่าโดยไปเกิดการคั่งของสารกลุ่มแอลดีไฮด์นี้สารแอลดีไฮด์จะทำให้เกิดอาการต่างๆคือคลื่นไส้อาเจียนเวียนหัวปวดหัวอาการบวมและคันตามตัวหลอดเลือดขยายตัวหน้าแดงมือแดงได้ 2. อาการแฮงค์คืออะไร อาการแฮงค์คืออาการมึนงงปวดหัวคลื่นไส้อาเจียนหลังจากที่ฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มหมดไปแล้ว... อาการที่ว่านี้เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันได้แก่การขาดน้ำ + การคั่งของสารแอลดีไฮด์ + น้ำตาลต่ำไปทำให้เกิดกลุ่มอาการดังกล่าว 3. กินแค่ไหนจึงจะไม่โดนตำรวจจับ ในประเทศไทย กฎหมายตั้งเกณฑ์ไว้ที่50mg % ดังนั้นเป้าคือกินอย่างไรไม่ให้เกิด50mg % มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2550 ในวารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์เกี่ยวกับการทดลองโดยให้อาสาสมัครดื่มเหล้า (+ กับแกล้มหรืออาหาร) และตรวจเลือด ซึ่งพบว่าการดื่มเหล้าเกิน1ดริงค์ต่อชั่วโมง ก็เสี่ยงต่อการมีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้ว (1ดริงค์ =ซีซี เหล้า40ดีกรี 40ซีซี /หรือเบียร์ 275) ถ้าพูดเป็นภาษาเข้าใจง่ายขึ้นก็คือฝา ถ้าคุณไปเที่ยวแล้วกินเหล้าสัก6-7 หรือ กินเบียร์1กระป๋อง จากนั้นก็ขับรถมาเจอด่านตรวจคุณก็มีโอกาสที่จะโดนจับ ทั้งนี้ในงานวิจัยพบว่าการกินกับแกล้มก็ไม่ได้ช่วยอะไรถ้าจะให้ช่วยจริงๆต้องกินเป็นอาหารมื้อหนักๆไปเลยจึงจะพอช่วยลดการดูดซึมได้บ้าง4. กินยังไงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหลายคนที่เจอจับอาจจะงงว่าตนเองยังไม่เมาเลยทำไมโดนจับเรื่องของเรื่องคือกลไกการเกิดอุบัติเหตุของคนที่ดื่มเหล้าเกิดจากการตัดสินใจช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีครับเกิดได้ตั้งแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดน้อยที่ระดับ 10mg %ขึ้นไป... ปริมาณระดับนี้ไม่สามารถตรวจด้วยวิธีปกติได้แต่สามารถตรวจได้จากการวัดความเร็วการตอบสนองของร่างกายนั่นหมายความว่าคุณเสียความสามารถในการตอบสนองไปแล้วโดยที่ยังไม่รู้สึกมึนด้วยซ้ำ5. มียาแก้เมาค้างหรือไม่ การแก้อาการเมาค้างในปัจจุบันยังใช้วิธีแบบตรงไปตรงมาคืออย่าดื่มมากเกินอย่าดื่มเร็วเกินดื่มน้ำบ่อย ๆ เลือกชนิดเหล้า (เหล้าบางชนิดจะมีสารเคมีที่ทำให้เมาค้างได้ง่ายต้องหาเอาขึ้นกับแต่ละคน) ส่วนถ้าไปดูตามวงเหล้าหรือตามโฆษณาต่าง ๆ จะมีการพูดถึงยา สมุนไพร อาหารเสริมที่ช่วงแก้อาการเมาค้าง... แต่ถ้าว่ากันจริงๆตามงานวิจัยยังไม่มียาที่ใช้แก้อาการเมาค้างที่ได้ผลชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ครับ6. การดื่มเพื่อสุขภาพ มีงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าการดื่มแอลกฮอล์อาจจะมีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพได้ทั้งนี้ต้องดื่มแต่พอดีครับคำว่าดื่มแต่พอดีก็คือการดื่มประมาณวันละ 1 ดริงค์ เทียบเท่าเบียร์ค่อนกระป๋อง / ไวน์ปริมาณ1ขวดกระทิงแดง / หรือเหล้าหนึ่งเป๊กซึ่งแน่นอนว่าเป็นการดื่มในระดับที่ไม่รู้สึกอะไรหรืออย่างมากก็กรึ่มเพียงเล็กน้อย ดังนั้นการดื่มเพื่อสันทนาการดื่มแบบเฮฮาหรือดื่มแบบสนุกครื้นเครงล้วนเกินพอดีครับโทษมากกว่าประโยชน์ชัดเจนผลของการดื่มสุราต่อสุขภาพ ผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรังจะมีอายุเฉลี่ยสั้นลง 10-14 ปีแต่ถ้าดื่มตามกำหนดอายุเฉลี่ยจะยาวกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มโดยเฉพาะเมื่อเริ่มดื่มเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจบางคนแนะนำให้ดื่มหลังอายุ 60ปี ถ้าได้ดื่มเกินขนาดอาจจะทำให้เสียชีวิตหากคุณดื่มสุราเป็นประจำมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพดังนี้ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ผู้ที่ดื่มมากกว่า 3 หน่วยสุราทุกวันจะมีโอกาสความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะผู้สูงอายุหากดื่มมากความดันก็จะสูงยิ่งดื่มมากยิ่งสูงมากเมื่อความดันโลหิตสูงก็เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองผู้ที่ดื่มครั้งละมากกว่า 8 หน่วยสุราต่อครั้งจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนปกติ 2 เท่าผู้ดื่มสุราเป็นปริมาณมากและเรื้อรังจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจวายชนิดของสุราที่ลดอัตรากปีและมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจจากการศึกษาผู้ป่วยเป็นจำนวนมากพบว่าหากดื่มสุราขนาดปานกลางดังกล่าวจะมีอัตราการตายจากโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ดื่มมากและผู้ที่ไม่ดื่มสุราการจะให้ลดอัตราการตายควรจะดื่มเมื่ออายุมากกว่า 65ารตายได้ดีคือพวกไวน์ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากผู้ที่ดื่มไวน์มักจะสูบบุหรี่น้อยกว่าพวกที่ดื่มสุราอย่างอื่นและได้รับสารอาหารครบถ้วนกว่ามีคำอธิบายว่าทำไมสุราจึงลดอัตราการเกิดโรคหัวใจโดยปกติแล้วการเกิดโรหลอดเลือดหัวใจตีบตันจะต้องมี 1การที่หลอดเลือดแดงตีบ 2มีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดแดง 3ลิ่มเลือดทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอ สุราจะช่วยโดยป้องกันการหดตัวของหลอดเลือดป้องกันการแข็งตัวของลิ่มเลือดและทำให้ลิ่มเลือดละลายเร็วแต่อย่างไรก็ตามท่านต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าประโยชน์และโทษอันไหนมากกว่ากันหากดื่มมากเกินก็เสี่ยงต่อโรคกระเพาะตับแข็งอุบัติเหตุสำหรับท่านที่ไม่ได้ดื่มอยู่แล้วแนะนำว่าไม่ควรดื่มเพราะมีอีกหลายวิธีที่จะป้องกันโรคหัวใจสำหรับท่านที่ดื่มก็แนะนำให้ลดปริมาณลงเท่าที่กำหนดผลของสุราต่อการทำงานของสมอง ผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องความจำและความคิดอ่านหากดื่มสุราจะทำให้สมองฝ่อก่อนวัยโดยเฉพาะสมองส่วนหน้ากลีบหน้าผากซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความคิดอ่านผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาเรื่องการทรงตัวการดื่มสุราก็จะทำให้การท
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ซึ่งมีพิษต่อร่างกายได้ ... ในคนปกติร่างกายจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า dehydrogenase ลดีไฮด์ ... ซึ่งในคนเชื้อชาติทางด้านเอเชีย ดังนั้นเมื่อกินเหล้าเข้าไป คลื่นไส้อาเจียนเวียนหัวปวดหัวอาการบวมและคันตามตัวหลอดเลือดขยายตัวหน้าแดงมือแดงได้2 อาการแฮงค์คืออะไรอาการแฮงค์ ... การขาดน้ำ + การคั่งของสารแอลดีไฮด์ + น้ำตาลต่ำไปทำให้เกิดกลุ่มอาการดังกล่าว3 กฎหมายตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 50mg% 2550 ในวารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์ (1 ดริงค์ = เหล้า 40 ดีกรี 40 ซีซี / หรือเบียร์ 275 ถ้าคุณไปเที่ยวแล้วกินเหล้าสัก 6-7 ฝาหรือกินเบียร์ 1 กระป๋องจากนั้นก็ขับรถมาเจอด่านตรวจ การกินกับแกล้มก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทำไมโดนจับ 10mg% ขึ้นไป ... โดยที่ยังไม่รู้สึกมึนด้วยซ้ำ5 อย่าดื่มมากเกินอย่าดื่มเร็วเกินดื่มน้ำบ่อยๆ ต้องหาเอา หรือตามโฆษณาต่างๆจะมีการพูดถึงยา, สมุนไพร, อาหารเสริมที่ช่วงแก้อาการเมาค้าง ... แต่ถ้าว่ากันจริงๆตามงานวิจัย ทั้งนี้ต้องดื่ม แต่พอดีครับคำว่าดื่ม แต่พอดีก็คือการดื่มประมาณวันละ 1 ดริงค์เทียบเท่าเบียร์ค่อนกระป๋อง / ไวน์ปริมาณ 1 ขวดกระทิงแดง / หรือเหล้าหนึ่งเป๊ก ดื่มแบบเฮฮาหรือดื่มแบบสนุกครื้นเครงล้วนเกินพอดีครับ 10-14 ปี บางคนแนะนำให้ดื่มหลังอายุ 60 ปี 3 ยิ่งดื่มมากยิ่งสูงมาก และโรคหลอดเลือดสมองผู้ที่ดื่มครั้งละมากกว่า 8 2 เท่า 65 ปีและมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และได้รับสารอาหารครบถ้วนกว่า 1 การที่หลอดเลือดแดงตีบ 2 มีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดแดง ป้องกันการแข็งตัวของลิ่มเลือด ตับแข็งอุบัติเหตุ สมองส่วนหน้าซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความคิดอ่าน การดื่มสุราก็จะทำให้การท













































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของมนุษย์มาช้านานมีการใช้แอลกอฮอล์เพื่อการสันทนาการต่างๆมากมายมีปัญหาเกี่ยวกับการแอลกอฮอล์ที่คนหลายคนตั้งคำถามกันแต่อาจจะไม่มีคนตอบ
1 ทำไมบางคนดื่มแล้วตัวแดงหน้าแดง
ปกติแล้วเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายแล้วร่างกายจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้ไปเป็นสารที่ใช้ในวงจรสร้างพลังงานในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีช่วงหนึ่งซึ่งสร้างสารที่ชื่อว่าแอลดีไฮด์.. . . . . . . ในคนปกติร่างกายจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่าอัลดีไฮด์ ดีไฮโดรจีเนส ทำหน้าที่เปลี่ยนสารแอลดีไฮด์ให้กลายเป็นสารอื่นต่อไป . . . . . . .ซึ่งในคนเชื้อชาติทางด้านเอเชียจะมีบางส่วน ( 50% ) ซึ่งมีพันธุกรรมที่กำหนดการสร้างเอนไซม์ตัวนี้น้อยกว่าปกติดังนั้นเมื่อกินเหล้าเข้าไปสารแอลดีไฮด์จะทำให้เกิดอาการต่างๆคือคลื่นไส้อาเจียนเวียนหัวปวดหัวอาการบวมและคันตามตัวหลอดเลือดขยายตัวหน้าแดงมือแดงได้


2 อาการแฮงค์คืออะไร
อาการแฮงค์คืออาการมึนงงปวดหัวคลื่นไส้อาเจียนหลังจากที่ฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มหมดไปแล้ว . . . . . . .อาการที่ว่านี้เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันได้แก่การขาดน้ำการคั่งของสารแอลดีไฮด์น้ำตาลต่ำไปทำให้เกิดกลุ่มอาการดังกล่าว


3 กินแค่ไหนจึงจะไม่โดนตำรวจจับ
ในประเทศไทยกฎหมายตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 50 50 %
% ดังนั้นเป้าคือกินอย่างไรไม่ให้เกิดมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2550 ในวารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์เกี่ยวกับการทดลองโดยให้อาสาสมัครดื่มเหล้า ( กับแกล้มหรืออาหาร ) และตรวจเลือดซึ่งพบว่าการดื่มเหล้าเกิน 1 ดริงค์ต่อชั่วโมง( 1 ดริงค์ = เหล้า 40 ดีกรี 40 ซีซี / หรือเบียร์ 275 ซีซี )
ถ้าพูดเป็นภาษาเข้าใจง่ายขึ้นก็คือถ้าคุณไปเที่ยวแล้วกินเหล้าสัก 6-7 ฝาค็อคกินเบียร์ 1 กระป๋องจากนั้นก็ขับรถมาเจอด่านตรวจคุณก็มีโอกาสที่จะโดนจับ
ทั้งนี้ในงานวิจัยพบว่าการกินกับแกล้มก็ไม่ได้ช่วยอะไรถ้าจะให้ช่วยจริงๆต้องกินเป็นอาหารมื้อหนักๆไปเลยจึงจะพอช่วยลดการดูดซึมได้บ้าง



4 . กินยังไงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
หลายคนที่เจอจับอาจจะงงว่าตนเองยังไม่เมาเลยทำไมโดนจับเรื่องของเรื่องคือกลไกการเกิดอุบัติเหตุของคนที่ดื่มเหล้าเกิดจากการตัดสินใจช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีครับ10 % ขึ้นไป .. . . . . . . ปริมาณระดับนี้ไม่สามารถตรวจด้วยวิธีปกติได้แต่สามารถตรวจได้จากการวัดความเร็วการตอบสนองของร่างกาย
นั่นหมายความว่าคุณเสียความสามารถในการตอบสนองไปแล้วโดยที่ยังไม่รู้สึกมึนด้วยซ้ำ

5มียาแก้เมาค้างหรือไม่
การแก้อาการเมาค้างในปัจจุบันยังใช้วิธีแบบตรงไปตรงมาคืออย่าดื่มมากเกินอย่าดื่มเร็วเกินดื่มน้ำบ่อยๆเลือกชนิดเหล้า ( เหล้าบางชนิดจะมีสารเคมีที่ทำให้เมาค้างได้ง่ายต้องหาเอาจะมีการพูดถึงยาหรือตามโฆษณาต่างๆ ,สมุนไพรอาหารเสริมที่ช่วงแก้อาการเมาค้าง , . . . แต่ถ้าว่ากันจริงๆตามงานวิจัยยังไม่มียาที่ใช้แก้อาการเมาค้างที่ได้ผลชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ครับ

6 การดื่มเพื่อสุขภาพ
มีงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าการดื่มแอลกฮอล์อาจจะมีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพได้ทั้งนี้ต้องดื่มแต่พอดีครับคำว่าดื่มแต่พอดีก็คือการดื่มประมาณวันละดริงค์
1เทียบเท่าเบียร์ค่อนกระป๋อง / ไวน์ปริมาณ 1 ขวดกระทิงแดง / หรือเหล้าหนึ่งเป๊กซึ่งแน่นอนว่าเป็นการดื่มในระดับที่ไม่รู้สึกอะไรหรืออย่างมากก็กรึ่มเพียงเล็กน้อย
ดังนั้นการดื่มเพื่อสันทนาการดื่มแบบเฮฮาหรือดื่มแบบสนุกครื้นเครงล้วนเกินพอดีครับโทษมากกว่าประโยชน์ชัดเจน




ผลของการดื่มสุราต่อสุขภาพผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรังจะมีอายุเฉลี่ยสั้นลง 10-14 . แต่ถ้าดื่มตามกำหนดอายุเฉลี่ยจะยาวกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มโดยเฉพาะเมื่อเริ่มดื่มเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจบางคนแนะนำให้ดื่มหลังอายุ 60 .หากคุณดื่มสุราเป็นประจำมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพดังนี้


ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจผู้ที่ดื่มมากกว่า 3 หน่วยสุราทุกวันจะมีโอกาสความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะผู้สูงอายุหากดื่มมากความดันก็จะสูงยิ่งดื่มมากยิ่งสูงมากเมื่อความดันโลหิตสูงก็เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง8 หน่วยสุราต่อครั้งจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนปกติเท่าผู้ดื่มสุราเป็นปริมาณมากและเรื้อรังจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจวาย
2จากการศึกษาผู้ป่วยเป็นจำนวนมากพบว่าหากดื่มสุราขนาดปานกลางดังกล่าวจะมีอัตราการตายจากโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ดื่มมากและผู้ที่ไม่ดื่มสุราการจะให้ลดอัตราการตายควรจะดื่มเมื่ออายุมากกว่า 65ชนิดของสุราที่ลดอัตราการตายได้ดีคือพวกไวน์ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากผู้ที่ดื่มไวน์มักจะสูบบุหรี่น้อยกว่าพวกที่ดื่มสุราอย่างอื่นและได้รับสารอาหารครบถ้วนกว่า1 การที่หลอดเลือดแดงตีบ 2 มีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดแดงลิ่มเลือดทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอสุราจะช่วยโดยป้องกันการหดตัวของหลอดเลือดป้องกันการแข็งตัวของลิ่มเลือดและทำให้ลิ่มเลือดละลายเร็ว
3แต่อย่างไรก็ตามท่านต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าประโยชน์และโทษอันไหนมากกว่ากันหากดื่มมากเกินก็เสี่ยงต่อโรคกระเพาะตับแข็งอุบัติเหตุสำหรับท่านที่ดื่มก็แนะนำให้ลดปริมาณลงเท่าที่กำหนด





ผลของสุราต่อการทำงานของสมองผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องความจำและความคิดอ่านหากดื่มสุราจะทำให้สมองฝ่อก่อนวัยโดยเฉพาะสมองส่วนหน้าแฉกซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความคิดอ่านผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาเรื่องการทรงตัว .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: