การการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action R

การการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เพื่อการศึกษาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองประชาชนอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ โดยพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน โดยเก็บข้อมูลและจัดกิจกรรมพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ในเดือน กุมภาพันธ์ 2558 ถึงเดือน พฤศจิกายน 2558 โดยดำเนินการ 2 ส่วน คือ. การรวบรวมข้อมูลทั่วไป และ การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งมีการพัฒนา 4 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นการวางแผน 2) ขั้นปฏิบัติการ 3) ขั้นสังเกตและประเมินผล และ 4) ขั้นสะท้อนการปฏิบัติ เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลประกอบด้วย ข้อมูลเชิงปริมาณ เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยประยุกต์แนวคิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการส่งเสริมสุขภาพ, วิเคราะห์โดยโปรแกรมสำเร็จรูป เพื่อแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด และค่าต่ำสุด หาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ โดยใช้สถิติ t-test independent/ Paired t-test สถิติ F-test กำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ 0.05 และสรุปข้อมูลเชิงคุณภาพจากการถอดบทเรียนการจัด กิจรรมส่งเสริมสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (การดำเนินการวิจัย) เพื่อการศึกษาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองประชาชนอำเภอบ้านกรวดจังหวัดบุรีรัมย์โดยพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คนโดยเก็บข้อมูลและจัดกิจกรรมพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยดำเนินการ 2 ส่วนคือ ข้อมูลเชิงเครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลประกอบด้วยขั้นสะท้อนการปฏิบัติและขั้นสังเกตและประเมินผลขั้นปฏิบัติการขั้นการวางแผนการรวบรวมข้อมูลทั่วไปและการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพซึ่งมีการพัฒนา 4 ขั้นตอนคือ 1) 2) 3) 4)ปริมาณเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยประยุกต์แนวคิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการส่งเสริมสุขภาพ วิเคราะห์โดยโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อแจกแจงความถี่ค่าร้อยละหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดหาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ โดยใช้สถิติ t-ทดสอบอิสระ / จับคู่ทดสอบ t สถิติจะทดสอบกำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ 0.05 และสรุปข้อมูลเชิงคุณภาพจากการถอดบทเรียนการจัดกิจรรมส่งเสริมสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (การวิจัยเชิงปฏิบัติการ) เพื่อการศึกษาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองประชาชนอำเภอบ้านกรวดจังหวัดบุรีรัมย์โดยพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คนโดยเก็บข้อมูลและ จัดกิจกรรมพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยดำเนินการ 2 ส่วนคือ การรวบรวมข้อมูลทั่วไปและการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพซึ่งมีการพัฒนา 4 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นการวางแผน 2) ขั้นปฏิบัติการ 3) ขั้นสังเกตและประเมินผลและ 4) ขั้นสะท้อนการปฏิบัติเครื่องมือที่ ใช้รวบรวมข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลเชิงปริมาณเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยประยุกต์แนวคิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการส่งเสริมสุขภาพ, วิเคราะห์โดยโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อแจกแจงความถี่ค่าร้อยละหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดหาความ สัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆโดยใช้สถิติ t-test อิสระ / คู่ t-test สถิติทดสอบ F-กำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ 0.05 และสรุปข้อมูลเชิงคุณภาพจากการถอดบทเรียนการจัดกิจรรมส่งเสริมสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ( Action Research ) เพื่อการศึกษาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองประชาชนอำเภอบ้านกรวดจังหวัดบุรีรัมย์โดยพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คนโดยเก็บข้อมูลและจัดกิจกรรมพั ฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยดำเนินการ 2 ส่วนความ . การรวบรวมข้อมูลทั่วไปและการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพซึ่งมีการพัฒนา 4 แนะนำและอำนวยความขั้นการวางแผน 1 ) 2 ) 3 ) 4 ) ขั้นปฏิบัติการขั้นสังเกตและประเมินผลและขั้นสะท้อนการปฏิบัติเครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลเชิงปริมาณเป็นแ บบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยประยุกต์แนวคิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการส่งเสริมสุขภาพวิเคราะห์โดยโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อแจกแจงความถี่ , ค่าร้อยละหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดหาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆโดยใช้สถิติ Independent t-test Paired t-test ส / ถิติกำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ 0.05 และสรุปข้อมูลเชิงคุณภาพจากการถอดบทเรียนการจัดกิจรรมส่งเสริมสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเอฟ