— —— 1. Set aside a regular time in

— —— 1. Set aside a regular time in each language class for listening to a short story or a continuing story read by the teacher.
— 2. Provide taped stories that learners can take home or listen to in class.
— 3. Use quantity-based listening techniques like listening to pictures (McComish, 1982), listen and draw, padded questions (Nation and Newton, 2009).
— 4. A language course should provide activities aimed at increasing the fluency with which the learners can use the language they already know, both receptively and productively.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

— —— 1. ตั้งไว้เวลาประจำในแต่ละภาษาสำหรับฟังเรื่องสั้นหรือเรื่องต่อเนื่องโดยครู
2 มีเรื่องราวบันทึกเทปที่ผู้เรียนสามารถนำบ้าน หรือฟังในคลาสบ
3 ใช้ปริมาณตามฟังเทคนิคเช่นฟังรูปภาพ (McComish, 1982), ฟัง และวาด เบาะถาม (ประเทศและนิวตัน 2009)
— 4. เรียนภาษาควรมีกิจกรรมเพิ่ม fluency ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้ภาษาพวกเขารู้อยู่แล้ว receptively และบันเทิงทั้งนั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

?? ???? 1 ตั้งสำรองเวลาปกติในแต่ละชั้นเรียนภาษาสำหรับการฟังเรื่องราวสั้นหรือเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องอ่านโดยครู
?? 2 จัดให้มีการบันทึกเทปเรื่องราวที่ผู้เรียนสามารถนำกลับบ้านหรือฟังในชั้นเรียน
?? 3 เทคนิคการฟังที่ใช้ปริมาณตามชอบฟังภาพ (McComish, 1982) ฟังและวาดคำถามเบาะ (เนชั่นและนิวตัน 2009)
?? 4 เรียนภาษาควรจัดให้มีกิจกรรมที่มุ่งไปที่การเพิ่ม uency ชั้นที่ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าทั้งสอง receptively และมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

- —— 1 เมินเฉยเวลาปกติในแต่ละภาษาเรียนฟังเรื่องราวสั้น ๆหรือเรื่องราวที่อ่านต่อเนื่อง โดยครู
- 2 ให้บันทึกเรื่องราวที่ผู้เรียนสามารถใช้ที่บ้านหรือฟังในคลาส
- 3 ปริมาณที่ใช้ ใช้เทคนิคการฟัง เช่น การฟัง รูปภาพ ( mccomish , 1982 ) , ฟังและดึงเบาะคำถาม ( ประเทศและนิวตัน , 2009 )
- 4คอร์สภาษา ควรมีกิจกรรมที่เพิ่มfl uency ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้ภาษา พวกเขารู้อยู่แล้วว่าทั้งสองตามลำดับและอย่าง
.