Encouraging older citizens to conti

Encouraging older citizens to continue to work productively should be a priority. Doing so
may stimulate a sense of pride and self-esteem, as revealed by the FGDs. In addition,
international research has clearly shown that not feeling old contributes positively to selfefficacy in managing illness (Boehemer, 2007), life satisfaction (Westerhol & Barrett, 2005),
reduced risk of disability and hypertension (Demakakos, Gjonca & Nazroo, 2007) and reduced
mortality (Uotinen, Rantanen & Suutama, 2005). Those who perceived aging more positively
reported better functional health (Levy, Slade & Kasl, 2002). Among women, feeling older was
associated with more pessimistic views about cognitive aging (Schafer & Shippee, 2010). Thus,
not feeling old may lead to better health among Thai older people. Modifying the definition of
“older people” may also allow older adults to continue working and be able to support
themselves financially. At the macro level, they may also contribute to the country
economically due to workforce shortages.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ส่งเสริมประชาชนเก่างานบันเทิงทั้งควรจะมีความสำคัญ การทำเช่นนั้นอาจช่วยกระตุ้นความรู้สึกความภาคภูมิใจและนับถือตนเอง เป็นที่เปิดเผย โดย FGDs นอกจากนี้วิจัยนานาชาติได้อย่างชัดเจนแสดงให้เห็นว่า ไม่รู้สึกเก่ารวมบวก selfefficacy ในการจัดการการเจ็บป่วย (Boehemer, 2007), ความพึงพอใจชีวิต (Westerhol & Barrett, 2005),ลดความเสี่ยงของความพิการและความดันโลหิตสูง (Demakakos, Gjonca & Nazroo, 2007) และลดลงการตาย (Uotinen, Rantanen & Suutama, 2005) ผู้ที่มองเห็นอายุเชิงบวกมากขึ้นรายงานดีกว่าทำงานสุขภาพ (Levy สแลด และ Kasl, 2002) ผู้หญิง ความรู้สึกเก่าได้เชื่อมโยงกับมุมมองในเชิงลบเพิ่มเติมเกี่ยวกับอายุที่รับรู้ (Schafer & Shippee, 2010) ดังนั้นไม่รู้สึกเก่าอาจทำให้สุขภาพดีกว่าคนไทยรุ่นเก่า ปรับเปลี่ยนคำนิยามของ"คนเก่า" อาจจะอนุญาตให้ผู้ใหญ่เก่าเพื่อทำงานต่อไป และสามารถรองรับตัวเงิน ดับ พวกเขาอาจร่วมประเทศประสิทธิภาพเนื่องจากขาดแคลนแรงงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ส่งเสริมให้ประชาชนที่มีอายุมากกว่าที่จะดำเนินการในการทำงานมีประสิทธิภาพควรให้ความสำคัญ การทำเช่นนี้อาจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของความภาคภูมิใจและความนับถือตนเองในขณะที่เปิดเผยโดย FGDs
นอกจากนี้การวิจัยระหว่างประเทศได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่รู้สึกเก่าก่อบวกกับรู้ความสามารถในการบริหารจัดการการเจ็บป่วย (Boehemer 2007), พึงพอใจในชีวิต (Westerhol และบาร์เร็ตต์, 2005), การลดความเสี่ยงของความพิการและความดันโลหิตสูง (Demakakos, Gjonca และ Nazroo 2007) และลดอัตราการตาย(Uotinen, Rantanen และ Suutama 2005) บรรดาผู้ที่รับรู้ในเชิงบวกมากขึ้นริ้วรอยรายงานสุขภาพการทำงานที่ดีขึ้น (ประกาศสเลด & Kasl, 2002) ในบรรดาผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าความรู้สึกที่ได้รับการที่เกี่ยวข้องกับมุมมองในแง่ร้ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับริ้วรอยองค์ความรู้ (เชฟเฟอร์และ Shippee 2010) ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกเก่า ๆ อาจนำไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้นในหมู่ผู้สูงอายุไทย การปรับเปลี่ยนนิยามของ"คนแก่" นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้ผู้สูงอายุที่ทำงานอย่างต่อเนื่องและสามารถที่จะสนับสนุนตัวเองทางการเงิน ในระดับมหภาคที่พวกเขายังอาจนำไปสู่ประเทศเศรษฐกิจเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ส่งเสริมให้ประชาชนที่มีอายุมากกว่าที่จะทำงานอย่างที่ควรเป็นอันดับแรก ทำดังนั้น
อาจจะกระตุ้นความรู้สึกของความภาคภูมิใจและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง พบว่า โดย fgds . นอกจากนี้
วิจัยนานาชาติได้แสดงอย่างชัดเจนว่าการไม่ค่อยเก่าบวกกับ selfefficacy มีส่วนช่วยในการจัดการการเจ็บป่วย ( boehemer , 2007 ) , ความพึงพอใจในชีวิต ( westerhol & Barrett , 2005 ) ,
ลดความเสี่ยงต่อความพิการและความดันโลหิตสูง ( demakakos gjonca & nazroo , 2007 ) และลดอัตราการตาย ( uotinen rantanen
, & suutama , 2005 ) ผู้ที่รับรู้ว่าอายุที่มากขึ้นบวก
รายงานสุขภาพการทำงานที่ดี ( เลวี่ สเลด& kasl , 2002 ) ในหมู่ผู้หญิง ความรู้สึกเก่าที่เกี่ยวข้องกับมุมมองในแง่ร้ายคือ
เพิ่มเติมเกี่ยวกับการคิดอายุ ( เชเฟอร์&ที่ตั้ง , 2010 ) ดังนั้น
ไม่ค่อยเก่า อาจจะนำไปสู่สุขภาพที่ดีของผู้สูงอายุไทยคน การปรับเปลี่ยนคำนิยามของ
" คนเก่า " ยังอาจช่วยให้ผู้สูงอายุที่จะทำงานและสามารถที่จะสนับสนุน
ตัวเองทางการเงิน ในระดับมหภาค นอกจากนี้พวกเขายังอาจส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศ
เนื่องจากแรงงานขาดแคลน