that was not understood well. Thus,

that was not understood well. Thus, it is necessary that the given, unknown and required be specified in a wellunderstood
problem.
The students solved the problems, which were applied at the end of the term, by understanding the stage of
understanding the problem. At the stage of stating the given, all of the students (100%) used a correct statement. 70% of
the students made correct statements in the expressions of the unknown. When answers at the end of the term are
examined, it becomes clear that there were increase in the students’ answers in the statement of given and unknown
when compared to their answers at the beginning of the term. This result reveals that the understanding of given,
unknown and required would lead the students to the solution of problem.
At the stage of selecting the strategy, it was established that the number of strategies the students chose at the end of the
term was more, while at the beginning of the term, they chose less strategies. It is understood from the percentage and
frequency values that students making a systematic list, guessing and testing, drawing a diagram, finding a pattern,
solving an equation-inequation, estimating, solving a simplier problems, studying retrospectively, making a table,
logical reasoning in both application.
At the stage of applying the strategy, it became evident that at the beginning of the term, students failed to apply the
strategy they chose. 87% of the students could not applied the suggested strategies at the stage of solution of the
problem. This result is the indicator of the fact that the students who did not understand the problem cannot reach a
solution through the strategies which they chose randomly. At the end of the term, there were positive increases in the
accurate assessment of the problems.
In the consequences of the second problem, on the other hand, the accurate answers given at the beginning of the term
(43%) were understood to increase at the end of the term (100%) , at the stage of the comprehension of the problem. It
can be said that the lessons handled during the term were effective in terms of students in expressing the givens in an
accurate way. It is understood from the frequency and percent values that after solving some problems in expressing the
unknown, correct answers were 100 %.
Understanding the problem is the first and basic stage of the solution. The student who understands the problem well
will reach a solution choosing the involved strategy.
At the beginning of the term, the students were observed to choose the strategies of making a systematic list, making a
table, and guessing and testing, while at the end of the term they were observed to choose the strategies of making
systematic list, making a table, guessing and testing, solving an equation-inequation, and drawing a diagram. The period
in the term can be said to increase the selection of the strategy. What is important at this level is to determine whether
the selected strategy can be used in the solution of the problem.
At the beginning of the term, it was found that the number of students who practiced the selected strategy accurately
was 3 (13%), while at the end of the terms this number was found to be 17 (100%). A very clear decrease is understood
in the number of students who cannot practice (87%) the selected strategy (0%). At this stage, the accurate performance
of the selected strategy undoubtedly leads to the correct solution.
At the end of the term, it was revealed that 17 students (100%) accurately performed the step of problem assessment. In
the evaluations made at the beginning of the term, 3 students (13%) made it correct but 20 students (87%) made it
wrong. The increase in the proportions at the end of the terms disclose that the lesson course was conducted effectively.
The general conclusion of the study is that the education provided for the purpose of increasing problem solving skill
has become effective in the development of this skill, and in the increase of their level of the selection and use of proper
strategy. Pressley (1995) put forward that the students having received education for problem solving strategies were
more successful and had higher problem solving skills than those not having informed about these strategies. The
consequences of certain studies carried out similarly also showed that after having been taught several problem solving
strategies, students could learn and use these strategies, their mathematical success increased and problem solving
skills developed (Altun 2005; Arslan 2002; Faubion 2001; Ghunaym 1985; Lee 1982; Sulak 2005; Yaşar 2010; Yazgan
2002; Yazgan and Bintaş 2005; Yıldızlar 1999). From this point of view, the consequences of the performed studies are
parallel to those of our study.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่มีไม่เข้าใจกัน ดังนั้น จึงจำเป็นระบุว่า ที่กำหนด ไม่รู้จัก และจำเป็นในการ wellunderstoodปัญหานักเรียนแก้ไขปัญหา ซึ่งถูกใช้เมื่อสิ้นสุดระยะ เข้าใจขั้นตอนของทำความเข้าใจปัญหา ในขั้นตอนของการระบุการกำหนด ของ (100%) การถูกต้องงบ 70% ของนักศึกษาทำรายงานที่ถูกต้องในนิพจน์ของไม่รู้จัก เมื่อได้คำตอบในตอนท้ายของคำตรวจสอบ เป็นที่ชัดเจนว่า มีการเพิ่มในคำตอบของนักเรียนในงบที่กำหนด และไม่รู้จักเมื่อเปรียบเทียบกับคำตอบของพวกเขาที่จุดเริ่มต้นของคำ ผลลัพธ์นี้พบที่ความเข้าใจของกำหนดไม่รู้จัก และต้องจะนำนักเรียนไปสู่การแก้ปัญหาของปัญหาในขั้นตอนของการเลือกกลยุทธ์ ก่อว่า จำนวนนักเรียนกลยุทธ์เลือกจบการระยะมากขึ้น ในขณะที่จุดเริ่มต้นของคำว่า พวกเขาเลือกกลยุทธ์น้อย เป็นที่เข้าใจจากเปอร์เซ็นต์ และที่นักเรียนทำรายการระบบ คาดเดา และการทดสอบ การวาดไดอะแกรม รูปแบบ การหาค่าความถี่แก้เป็นสมการ-inequation ประมาณ แก้ปัญหา simplier เรียนย้อนหลังได้ สร้างตารางเหตุผลทางตรรกะในโปรแกรมประยุกต์ทั้งสองในขั้นตอนของการใช้กลยุทธ์ มันกลายเป็นชัดว่า ต้นคำ นักเรียนไม่สามารถใช้การกลยุทธ์ที่พวกเขาเลือก 87% ของนักเรียนที่ไม่ใช้กลยุทธ์แนะนำในขั้นตอนของการแก้ปัญหาของการปัญหา ผลนี้เป็นตัวบ่งชี้ความจริงที่ว่านักเรียนที่ไม่เข้าใจปัญหาไม่สามารถเข้าถึง การโซลูชั่นผ่านกลยุทธ์ที่พวกเขาเลือกแบบสุ่ม ท้ายคำ ไม่มีบวกเพิ่มในการประเมินความถูกต้องของปัญหาในลำดับที่สองปัญหา คง คำตอบที่ถูกต้องณจุดเริ่มต้นของคำ(43%) เข้าใจเพิ่มเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา (100%), ในขั้นตอนของการทำความเข้าใจปัญหา มันสามารถกล่าวได้ว่า บทเรียนการจัดการระหว่างคำมีประสิทธิภาพในแง่ของนักแสดง givens ในการวิธีที่ถูกต้อง เป็นที่เข้าใจจากความถี่ และร้อยละค่าที่หลังจากการแก้ปัญหาในการแสดงคำตอบที่ไม่รู้จัก ถูกต้อง 100% ได้ทำความเข้าใจปัญหาเป็นขั้นแรก และพื้นฐานของการแก้ปัญหา นักเรียนที่เข้าใจปัญหาดีจะถึงโซลูชันที่เลือกกลยุทธ์เกี่ยวข้องต้นคำ นักเรียนได้สังเกตการเลือกกลยุทธ์ในการทำรายการ ระบบทำความตาราง และการคาดเดา และการ ทดสอบ ในขณะที่ส่วนท้ายของคำ ว่าสุภัคเลือกกลยุทธ์ในการทำระบบรายการ ตาราง คาดเดา และทดสอบ การแก้สมการเป็น inequation และวาดไดอะแกรมการทำงาน รอบระยะเวลาในระยะสามารถจะกล่าวว่า เพื่อเพิ่มการเลือกกลยุทธ์ สิ่งสำคัญในระดับนี้คือเพื่อ กำหนดว่าสามารถใช้ในการเลือกใช้กลยุทธ์ในการแก้ปัญหาของปัญหาที่จุดเริ่มต้นของคำ คำพบว่าจำนวนนักเรียนที่ฝึกฝนกลยุทธ์การเลือกได้อย่างถูกต้อง3 (13%), ในขณะที่ตอนท้ายของเงื่อนไข พบหมายเลขนี้จะ 17 (100%) เข้าใจลดลงชัดเจนมากจำนวนนักศึกษาที่ไม่ฝึก (87%) การเลือกกลยุทธ์ (0%) ในขั้นตอน ประสิทธิภาพการทำงานถูกต้องกลยุทธ์การเลือกอย่างไม่ต้องสงสัยนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องในตอนท้ายของคำว่า มันถูกเปิดเผยว่า นักเรียน 17 (100%) ดำเนินขั้นตอนการประเมินปัญหาได้อย่างถูกต้อง ในการที่จุดเริ่มต้นของคำ นักเรียน 3 (13%) ทำมันถูกต้องแต่นักเรียน 20 (87%) ประเมินทำไม่ถูกต้อง เพิ่มสัดส่วนในตอนท้ายของเงื่อนไขการเปิดเผยว่า หลักสูตรการสอนได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเป็นข้อสรุปทั่วไปของการศึกษาที่ให้การศึกษาเพื่อเพิ่มทักษะการแก้ปัญหาปัญหามีผลบังคับใช้ ในการพัฒนาทักษะนี้ และเพิ่มระดับของการเลือกและใช้เฉพาะกลยุทธ์การ Pressley (1995) นำนักเรียนที่ไม่ได้รับการศึกษายุทธศาสตร์การแก้ปัญหาได้ประสบความสำเร็จ และมีทักษะมากกว่าผู้ที่ไม่มีทราบกลยุทธ์เหล่านี้ในการแก้ไขปัญหาสูงกว่า ที่ผลของการศึกษาบางอย่างดำเนินการในทำนองเดียวกันยังพบว่าหลังจากมีการสอนการแก้ปัญหาต่าง ๆกลยุทธ์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ และใช้กลยุทธ์เหล่านี้ ความสำเร็จทางคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น และการแก้ปัญหาทักษะพัฒนา (Altun 2005 Arslan 2002 Faubion 2001 Ghunaym 1985 ลี 1982 Sulak 2005 Yaşar 2010 Yazgan2002 Yazgan และ Bintaş 2005 Yıldızlar 1999) จากมุมนี้มอง ผลของการศึกษาทำได้ควบคู่กับการศึกษาของเรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่ไม่เข้าใจกันดี ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ได้รับไม่รู้จักและต้องได้รับการระบุไว้ใน wellunderstood
ปัญหา. นักเรียนแก้ปัญหาที่ถูกนำมาใช้ในตอนท้ายของคำว่าโดยการทำความเข้าใจขั้นตอนของการทำความเข้าใจปัญหา ในขั้นตอนของเซนที่ได้รับทั้งหมดของนักเรียน (100%) ใช้ที่ถูกต้องคำสั่ง 70% ของนักเรียนที่ทำงบที่ถูกต้องในการแสดงออกของความไม่รู้จัก เมื่อคำตอบที่สิ้นสุดระยะเวลาที่มีการตรวจสอบก็เป็นที่ชัดเจนว่ามีการเพิ่มขึ้นในคำตอบของนักเรียนในงบที่กำหนดและไม่รู้จักเมื่อเปรียบเทียบกับคำตอบของพวกเขาที่จุดเริ่มต้นของคำว่า ผลที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าความเข้าใจในการรับที่ไม่รู้จักและต้องจะนำไปสู่นักเรียนที่จะแก้ปัญหาของปัญหา. ในขั้นตอนของการเลือกกลยุทธ์ที่ใช้ก็เป็นที่ยอมรับว่าจำนวนของกลยุทธ์ที่นักเรียนเลือกในตอนท้ายของระยะเป็นมากขึ้นในขณะที่จุดเริ่มต้นของคำว่าพวกเขาเลือกกลยุทธ์น้อย เป็นที่เข้าใจกันจากร้อยละและค่าความถี่ให้นักเรียนทำรายการระบบคาดเดาและการทดสอบการวาดแผนภาพการหารูปแบบการแก้สมการ-inequation การประเมินการแก้ปัญหา simplier ศึกษาย้อนหลังทำให้ตารางเหตุผลเชิงตรรกะในการประยุกต์ใช้ทั้งสอง. ในขั้นตอนของการใช้กลยุทธ์ที่มันก็เห็นได้ชัดว่าที่จุดเริ่มต้นของคำว่านักเรียนล้มเหลวในการใช้กลยุทธ์ที่พวกเขาเลือก 87% ของนักเรียนไม่สามารถนำมาใช้กลยุทธ์การแนะนำในขั้นตอนของการแก้ปัญหาของปัญหา ผลที่ได้นี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงความจริงที่ว่านักเรียนที่ไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถเข้าถึงการแก้ปัญหาผ่านทางกลยุทธ์ที่พวกเขาเลือกสุ่ม ในตอนท้ายของคำว่ามีการเพิ่มขึ้นในเชิงบวกในการประเมินที่ถูกต้องของปัญหาที่เกิดขึ้น. ในผลกระทบของปัญหาที่สองในมืออื่น ๆ ที่มีคำตอบที่ถูกต้องให้ที่จุดเริ่มต้นของคำว่า(43%) เป็นที่เข้าใจกันว่าจะเพิ่มขึ้น ในตอนท้ายของคำว่า (100%), ในขั้นตอนของความเข้าใจของปัญหาที่ มันอาจกล่าวได้ว่าบทเรียนการจัดการในระหว่างระยะเวลามีประสิทธิภาพในแง่ของนักเรียนในการแสดงความ Givens ในทางที่ถูกต้อง เป็นที่เข้าใจกันจากค่าความถี่ร้อยละและว่าหลังจากที่การแก้ปัญหาบางอย่างในการแสดงที่ไม่รู้จักคำตอบที่ถูกต้อง 100%. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนแรกและพื้นฐานของการแก้ปัญหา นักเรียนที่มีความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีจะไปถึงวิธีการแก้ปัญหาการเลือกกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง. ที่จุดเริ่มต้นของคำว่านักเรียนถูกตั้งข้อสังเกตในการเลือกกลยุทธ์ในการทำรายการที่เป็นระบบการทำตารางและคาดเดาและการทดสอบในขณะที่ในตอนท้ายระยะเวลาที่พวกเขาถูกตั้งข้อสังเกตในการเลือกกลยุทธ์ในการทำรายการที่เป็นระบบทำให้ตารางการคาดเดาและการทดสอบการแก้สมการ-inequation และการวาดแผนภาพ ระยะเวลาในระยะที่สามารถกล่าวว่าเพื่อเพิ่มตัวเลือกของกลยุทธ์ อะไรคือสิ่งที่มีความสำคัญในระดับนี้คือการกำหนดกลยุทธ์ที่เลือกสามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาของปัญหา. ที่จุดเริ่มต้นของคำว่ามันก็พบว่าจำนวนของนักเรียนที่ได้รับการฝึกฝนกลยุทธ์ที่เลือกได้อย่างถูกต้องเป็น 3 (13%) ในขณะที่ส่วนท้ายของข้อตกลงจำนวนนี้พบว่ามี 17 (100%) ลดลงอย่างชัดเจนเป็นที่เข้าใจกันในจำนวนของนักเรียนที่ไม่สามารถปฏิบัติ (87%) กลยุทธ์การเลือก (0%) ในขั้นตอนนี้ผลการดำเนินงานที่ถูกต้องของกลยุทธ์ที่เลือกไม่ต้องสงสัยนำไปสู่วิธีที่ถูกต้อง. ในตอนท้ายของคำนั้นมันก็ถูกเปิดเผยว่า 17 คน (100%) ได้อย่างถูกต้องดำเนินการขั้นตอนของการประเมินปัญหา ในการประเมินผลที่เกิดขึ้นที่จุดเริ่มต้นของคำว่า 3 คน (13%) ทำให้มันถูกต้อง แต่ 20 คน (87%) ทำให้มันไม่ถูกต้อง เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ในตอนท้ายของคำที่เปิดเผยว่าหลักสูตรบทเรียนที่ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ. สรุปทั่วไปของการศึกษาคือการศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อการเพิ่มขึ้นในการแก้ปัญหาทักษะได้กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาของสกิลนี้และในการเพิ่มขึ้นของระดับของการเลือกและการใช้ที่เหมาะสมกลยุทธ์ Pressley (1995) ที่นำมาให้นักเรียนได้รับการศึกษาในการแก้ปัญหาเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นและมีปัญหาทักษะการแก้ที่สูงขึ้นกว่าผู้ที่ไม่ได้มีการแจ้งเกี่ยวกับกลยุทธ์เหล่านี้ ผลที่ตามมาของการศึกษาบางอย่างที่ดำเนินการในทำนองเดียวกันยังพบว่าหลังจากที่ได้รับการสอนปัญหาหลายแก้กลยุทธ์นักเรียนสามารถเรียนรู้และใช้กลยุทธ์เหล่านี้ประสบความสำเร็จทางคณิตศาสตร์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นและการแก้ปัญหาทักษะการพัฒนา(Altun 2005 Arslan 2002; FAUBION 2001; Ghunaym 1985; ลี 1982; Sulak 2005 Yaşar 2010; Yazgan 2002; Yazgan และBintaş 2005 Yıldızlar 1999) จากมุมมองนี้ผลที่ตามมาของการศึกษาดำเนินการที่มีคู่ขนานกับของการศึกษาของเรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่ได้รับ , ไม่รู้จัก และต้องได้รับการระบุไว้ในปัญหา wellunderstood
.
นักศึกษาแก้ไขปัญหา ซึ่งถูกใช้ในตอนท้ายของคำ โดยความเข้าใจขั้น
ความเข้าใจปัญหา ในขั้นตอนของการระบุให้นักเรียนทั้งหมด ( 100% ) ใช้ข้อความที่ถูกต้อง 70% ของ
นักเรียนทำงบที่ถูกต้องในการแสดงออกของที่ไม่รู้จัก เมื่อคำตอบที่จุดสิ้นสุดของระยะเป็น
ตรวจสอบ มันกลายเป็นที่ชัดเจนว่ามีเพิ่มในคำตอบของนักเรียนในแถลงการณ์ระบุและไม่รู้จัก
เมื่อเทียบกับคำตอบที่จุดเริ่มต้นของระยะเวลาที่ ผลที่ได้นี้พบว่า ความเข้าใจให้
ไม่รู้จัก และต้องการจะนำนักเรียนเพื่อแก้ไขปัญหา .
ในขั้นตอนของการเลือกกลยุทธ์ มันขึ้นว่า หมายเลขของกลยุทธ์ที่นักเรียนเลือกในตอนท้ายของ
ระยะเวลาได้มากขึ้น ขณะที่จุดเริ่มต้นของระยะเวลาที่พวกเขาเลือกกลยุทธ์น้อยลง มันถูกเข้าใจจากค่าร้อยละ และค่าความถี่ค่า
ที่นักเรียนทำรายการระบบ การคาดเดาและการทดสอบการวาดแผนภาพ , การหารูปแบบ
แก้สมการอสมการ ประมาณ การแก้ปัญหา simplier เรียนย้อนหลัง ทำให้โต๊ะ
เหตุผลตัวเองทั้งในใบสมัคร .
ในขั้นตอนของการใช้กลยุทธ์ มันกลายเป็นที่เห็นได้ชัดว่า ในช่วงเริ่มต้นของเทอม นักเรียนไม่สามารถใช้
กลยุทธ์ที่พวกเขาเลือก .87% ของนักเรียนไม่สามารถนำเสนอกลยุทธ์ในขั้นตอนของการแก้ปัญหาของ
ปัญหา ผลนี้เป็นตัวบ่งชี้ของความจริงที่ว่านักเรียนที่ไม่เข้าใจปัญหาไม่สามารถเข้าถึง
โซลูชั่นผ่านกลยุทธ์ที่พวกเขาเลือกแบบสุ่ม ที่จุดสิ้นสุดของระยะ มีเพิ่มเป็นบวกใน

การประเมินความถูกต้องของปัญหาในผลของปัญหาที่สองในมืออื่น ๆที่ถูกต้อง คำตอบที่ได้รับที่จุดเริ่มต้นของคำว่า
( 43% ) มีความเข้าใจที่จะเพิ่มที่ส่วนท้ายของคำ ( ร้อยละ 100 ) ในขั้นของความเข้าใจของปัญหา มัน
อาจกล่าวได้ว่า บทเรียนที่จัดการในช่วงที่มีประสิทธิภาพในแง่ของนักเรียนในการแสดงเว่นใน
วิธีที่ถูกต้องมันถูกเข้าใจจากความถี่และร้อยละ ค่า หลังจากการแก้ไขปัญหาบางอย่างในการแสดง
ไม่รู้คำตอบที่ถูกต้อง 100% .
ความเข้าใจปัญหาเป็นขั้นตอนแรกและพื้นฐานของสารละลาย นักเรียนที่เข้าใจปัญหาดี
จะถึงทางออกเลือกเกี่ยวข้องกลยุทธ์ .
ที่จุดเริ่มต้นของเทอมนักเรียนสังเกตเลือกกลยุทธ์การทำรายการระบบ ทำ
โต๊ะและการคาดเดา และ ทดสอบ ในขณะที่จุดสิ้นสุดของระยะที่พวกเขาได้เลือกกลยุทธ์การ
รายการอย่างเป็นระบบ สร้างตาราง คาดเดา และการ ทดสอบ การแก้สมการอสมการ และการวาดแผนภาพ ระยะเวลา
ในระยะสามารถพูดเพื่อเพิ่มการเลือกกลยุทธ์สิ่งที่สำคัญในระดับนี้คือการตรวจสอบว่า
กลยุทธ์เลือกสามารถใช้ในการแก้ไขปัญหา
ที่จุดเริ่มต้นของระยะเวลาที่พบว่าจำนวนนักเรียนที่ฝึกกลยุทธ์เลือกถูกต้อง
3 ( 13 % ) ในขณะที่ในตอนท้ายของเรื่อง เบอร์นี้พบว่ามี 17 ( 100% ) ลดลงชัดเจนเข้าใจ
จำนวนของนักเรียนที่ไม่สามารถปฏิบัติ ( 87% ) กลยุทธ์ที่เลือก ( 0 % ) ในขั้นตอนนี้ ที่ถูกต้องของกลยุทธ์ที่เลือกการแสดง
ไม่ต้องสงสัยจะนำไปสู่ทางออกที่ถูกต้อง .
ที่จุดสิ้นสุดของระยะ พบว่า 17 คน ( ร้อยละ 100 ) ได้ดำเนินการขั้นตอนการประเมินปัญหา ใน
การประเมินทำให้จุดเริ่มต้นของเทอม3 คน ( 13% ) ทำให้มันถูกต้อง แต่ 20 คน ( ร้อยละ 87 ) ทำให้
ผิด การเพิ่มสัดส่วนในตอนท้ายของเรื่อง เปิดเผยว่า บทเรียนหลักสูตรดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสรุปทั่วไปของการศึกษาว่า การศึกษาให้เพื่อเพิ่มทักษะการแก้ปัญหา
ได้กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะนี้และการเพิ่มขึ้นของระดับของการเลือกและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม

pressley ( 1995 ) หยิบยกว่านักเรียนได้รับการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาพฤติกรรม
ประสบความสำเร็จและมีทักษะในการแก้ไขปัญหาขึ้นกว่านั้น ไม่ได้มีการแจ้งเกี่ยวกับกลยุทธ์เหล่านี้
ผลของการศึกษาบางอย่างที่ดำเนินการในทำนองเดียวกันยังพบว่าหลังจากที่มีการสอนโจทย์ปัญหาหลาย
กลยุทธ์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ และใช้กลยุทธ์เหล่านี้ ความสำเร็จทางคณิตศาสตร์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นและการแก้ปัญหา
ทักษะพัฒนา ( ลตุน 2005 arslan 2002 ; faubion 2001 ghunaym 1985 ; ลี 1982 ; ) 2005 ; ยาเกิน yazgan
AR 2010 2002 และ 2005 ; yazgan binta เกิน ; Y ı LD ı zlar 1999 )จากมุมมองนี้ , ผลของการปฏิบัติการเรียน
ขนานของการศึกษาของเรา