Since some background knowledge of

Since some background knowledge of rebirth and karma is useful for understanding Buddhism, there now follows a brief introduction to these topics taken from Geshe Kelsang’s book, Eight Steps to Happiness:

The mind is neither physical, nor a by-product of purely physical processes, but a formless continuum that is a separate entity from the body.
The mind is neither physical, nor a by-product of purely physical processes, but a formless continuum that is a separate entity from the body. When the body disintegrates at death, the mind does not cease. Although our superficial conscious mind ceases, it does so by dissolving into a deeper level of consciousness, call ‘the very subtle mind’. The continuum of our very subtle mind has no beginning and no end, and it is this mind which, when completely purified, transforms into the omniscient mind of a Buddha.

Every action we perform leaves an imprint, or potential, on our very subtle mind, and each karmic potential eventually gives rise to its own effect. Our mind is like a field, and performing actions is like sowing seeds in that field. Positive or virtuous actions sow the seeds of future happiness, and negative or non-virtuous actions sow the seeds of future suffering. This definite relationship between actions and their effects – virtue causing happiness and non-virtue causing suffering – is know as the ‘law of karma’. An understanding of the law of karma is the basis of Buddhist morality.

After we die our very subtle mind leaves our body and enters the intermediate state, or ‘bardo’ in Tibetan. In this subtle dream-like state we experience many different visions that arise from the karmic potentials that were activated at the time of our death. These visions may be pleasant or terrifying depending on the karma that ripens. Once these karmic seeds have fully ripened they impel us to take rebirth without choice.

It is important to understand that as ordinary samsaric beings we do not choose our rebirth but are reborn solely in accordance with our karma. If good karma ripens we are reborn in a fortunate state, either as a human or a god, but if negative karma ripens we are reborn in a lower state, as an animal, a hungry ghost, or a hell being. It is as if we are blown to our future lives by the winds of our karma, sometimes ending up in higher rebirths, sometimes in lower rebirths.

This uninterrupted cycle of death and rebirth without choice is called ‘cyclic existence’, or ‘samsara’ in Sanskrit.
This uninterrupted cycle of death and rebirth without choice is called ‘cyclic existence’, or ‘samsara’ in Sanskrit. Samsara is like a Ferris wheel, sometimes taking us up into the three fortunate realms, sometimes down into the three lower realms. The driving force of the wheel of samsara is our contaminated actions motivated by delusions, and the hub of the wheel is self-grasping ignorance. For as long as we remain on this wheel we shall experience an unceasing cycle of suffering and dissatisfaction, and we shall have no opportunity to experience pure, lasting happiness. By practicing the Buddhist path to liberation and enlightenment, however, we can destroy self-grasping, thereby liberating ourself from the cycle of uncontrolled rebirth and attaining a state of perfect peace and freedom.
We shall then be in a position to help others to do the same. A more detailed explanation of

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เนื่องจากบางความรู้พื้นหลังของเกิดใหม่และกรรมมีประโยชน์สำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีตอนนี้ไปแนะนำตัวสั้น ๆ หัวข้อเหล่านี้นำมาจากหนังสือ Geshe Kelsang, 8 ขั้นตอนเพื่อความสุข:จิตใจจะไม่มีอยู่จริง หรือผลพลอยได้ของกระบวนการทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่ความต่อเนื่องเป็นเกมที่แยกต่างหากจากร่างกายจิตใจจะไม่มีอยู่จริง หรือผลพลอยได้ของกระบวนการทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่ความต่อเนื่องเป็นเกมที่แยกต่างหากจากร่างกาย เมื่อร่างกาย disintegrates ที่เสียชีวิต จิตใจไม่หยุด แม้ว่าจิตใจของเราสติผิวเผินยุติ มันจึง โดยยุบเข้าไปในระดับลึกของสติ เรียก 'รายละเอียดมากจิตใจ' ความต่อเนื่องของจิตใจเราละเอียดมากได้ไม่เริ่มต้นและสิ้นสุดไม่ และมันนี้รังเกียจซึ่ง เมื่อบริสุทธิ์สมบูรณ์ แปลงเป็นจิต omniscient พระพุทธทุกการกระทำที่เราทำใบ imprint การศักยภาพ คิดละเอียดมากของเรา และศักยภาพแต่ละ karmic ในที่สุดก่อให้เกิดผลกระทบต่อตนเอง จิตใจของเราเป็นเช่นเขต และดำเนินการเช่น sowing เมล็ดพืชในเขตข้อมูลนั้น การดำเนินการบวก หรืองามหว่านเมล็ดของความสุขในอนาคต และการดำเนินการลบ หรือไม่ดีงามหว่านเมล็ดของทุกข์ในอนาคต ความสัมพันธ์นี้แน่นอนระหว่างการกระทำและผลของพวกเขา –ประเสริฐเกิดความสุขและมีคุณธรรมก่อให้เกิดทุกข์ – ไม่รู้เป็น 'กฎหมายกรรม' ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายของกรรมเป็นพื้นฐานของพุทธจริยธรรมหลังจากเราตาย ใจเราละเอียดมากออกจากร่างกายของเรา และป้อนรัฐระดับกลาง หรือ 'bardo' ในทิเบต ในสถานะนี้เหมือนฝันละเอียด เราประสบการณ์มากมายต่างกันวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นจากศักยภาพ karmic ที่ถูกเรียกใช้เมื่อความตายของเรา วิสัยทัศน์เหล่านี้อาจจะดี หรือน่ากลัวขึ้นอยู่กับกรรมที่ ripens เมื่อมีสุกเมล็ด karmic เหล่านี้ทั้งหมด พวกเขา impel เราจะเกิดใหม่ไม่ มีทางเลือกควรทำความเข้าใจว่า เป็นเทพ samsaric ปกติ เราเลือกเกิดใหม่ของเรา แต่มีรีบอร์นแต่เพียงผู้เดียวตามกรรมของเราได้ ถ้ากรรมดี ripens เรามีรีบอร์นในโชคดี เป็นมนุษย์หรือพระเจ้า แต่ถ้ากรรมลบ ripens เรามีรีบอร์นในสถานะที่ต่ำกว่า เป็นสัตว์ ผีหิว หรือนรกมี ว่า เราจะเป่าเพื่อชีวิตในอนาคต โดยคลื่นลมแห่งกรรมของเรา บางครั้งสิ้นสุดใน rebirths สูง บางครั้งใน rebirths ล่างได้เรียกวงจรนี้อย่างต่อเนื่องของความตายและเกิดใหม่ โดยเลือก 'ทุกรอบมี' หรือ 'samsara' ในภาษาสันสกฤตเรียกวงจรนี้อย่างต่อเนื่องของความตายและเกิดใหม่ โดยเลือก 'ทุกรอบมี' หรือ 'samsara' ในภาษาสันสกฤต Samsara เป็นเหมือนการชิงช้าสวรรค์ บางครั้งการกินเราไปเป็นสามโชคดี บางครั้งลงไปเป็นสามด้านล่าง กำลังขับของล้อของ samsara มีการปนเปื้อนของแรงจูงใจจาก delusions และศูนย์กลางของวงล้อจะเรียงไม่รู้ตนเอง ตราบที่เรายังคงอยู่บนล้อนี้ เราจะพบวงจรการ unceasing ของความทุกข์และความไม่พอใจ และเราจะมีโอกาสไม่บริสุทธิ์ ถาวรสุข โดยฝึกพุทธเส้นทางการปลดปล่อยและตรัสรู้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถทำลายตนเองเรียง จึงปลด ourself จากวงจรการเกิดใหม่ที่แพงกว่า และการบรรลุสงบและเสรีภาพที่รัฐ นอกจากนี้เราแล้วจะอยู่ในตำแหน่งเพื่อช่วยคนอื่นทำอย่างเดียว คำอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งแต่ความรู้พื้นหลังของการเกิดใหม่และกรรมจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำความเข้าใจพุทธศาสนามีตอนต่อไปนี้แนะนำสั้น ๆ กับหัวข้อเหล่านี้นำมาจากหนังสือเค็ลแซ็งของแปดขั้นตอนสู่ความสุข: ใจไม่เป็นทางกายภาพหรือผลิตภัณฑ์โดยกระบวนการทางกายภาพอย่างหมดจด แต่ต่อเนื่องรูปร่างที่เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากร่างกาย. ใจไม่เป็นทางกายภาพหรือผลิตภัณฑ์โดยกระบวนการทางกายภาพอย่างหมดจด แต่ต่อเนื่องรูปร่างที่เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากร่างกาย เมื่อร่างกายพังทลายตายใจไม่หยุด แม้ว่าจิตสำนึกของเราตื้นสิ้นสุดลงก็ไม่ได้โดยการละลายลงไปในระดับลึกของสติเรียกว่าจิตใจที่ละเอียดอ่อนมาก ความต่อเนื่องของจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากของเราไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดไม่มีและมันก็เป็นความคิดนี้ซึ่งเมื่อบริสุทธิ์สมบูรณ์เปลี่ยนเป็นความคิดที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า. การกระทำที่เราดำเนินการทุกใบประทับหรือที่อาจเกิดขึ้นในใจของเราละเอียดมาก และแต่ละคนมีศักยภาพกรรมในที่สุดก็ก่อให้เกิดผลกระทบของตัวเอง ใจของเราเป็นเหมือนสนามและดำเนินการเป็นเหมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ในเขตที่ การกระทำคุณงามความดีในเชิงบวกหรือหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขในอนาคตและการกระทำในทางลบหรือไม่บริสุทธิ์หว่านเมล็ดพันธุ์ของความทุกข์ทรมานในอนาคต ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการกระทำและผลกระทบของพวกเขา - คุณธรรมที่ก่อให้เกิดความสุขและไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอาศัยอำนาจ - เป็นที่รู้ว่าเป็นกฎหมายของกรรม ' ความเข้าใจในกฎหมายของกรรมเป็นพื้นฐานของความมีคุณธรรมพุทธ. หลังจากที่เราตายใจที่ลึกซึ้งมากของเราออกจากร่างกายของเราและเข้ามาในรัฐกลางหรือ 'bardo ในทิเบต ในรัฐเหมือนฝันที่ลึกซึ้งนี้เรามีประสบการณ์วิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากศักยภาพกรรมที่ถูกเปิดใช้งานในช่วงเวลาของการเสียชีวิตของเรา วิสัยทัศน์เหล่านี้อาจเป็นที่พอใจหรือน่ากลัวขึ้นอยู่กับกรรมที่ ripens เมื่อเมล็ดกรรมเหล่านี้ได้สุกอย่างเต็มที่พวกเขาผลักดันเราไปสู่การเกิดใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้ทางเลือก. มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดา samsaric เราไม่ได้เลือกเกิดใหม่ของเรา แต่จะมีการเกิดใหม่ แต่เพียงผู้เดียวเป็นไปตามกรรมของเรา ถ้ากรรมดี ripens เราจะเกิดใหม่ในรัฐโชคดีไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือพระเจ้า แต่ถ้ากรรมเชิงลบ ripens เราจะเกิดใหม่ในรัฐที่ต่ำกว่าเป็นสัตว์ผีหิวหรือเป็นนรก มันเป็นถ้าเราจะเป่าให้กับชีวิตของเราในอนาคตจากลมของกรรมของเราบางครั้งสิ้นสุดในเหม่อลอยสูงขึ้นในบางครั้งเหม่อลอยต่ำ. นี้รอบอย่างต่อเนื่องของการตายและการเกิดใหม่โดยไม่ต้องเลือกที่เรียกว่า 'การดำรงอยู่ของวงจร' หรือ 'สังสารวัฏ' ในภาษาสันสกฤต. นี้รอบอย่างต่อเนื่องของการตายและการเกิดใหม่โดยไม่ต้องเลือกที่เรียกว่า 'การดำรงอยู่ของวงจร' หรือ 'สังสารวัฏ' ในภาษาสันสกฤต Samsara เป็นเหมือนชิงช้าสวรรค์บางครั้งพาเราขึ้นไปในสามอาณาจักรโชคดีที่บางครั้งลงไปในสามอาณาจักรที่ต่ำกว่า แรงผลักดันของล้อสังสารวัฏคือการกระทำที่ปนเปื้อนของเราแรงบันดาลใจจากความหลงผิดและศูนย์กลางของล้อคือความไม่รู้ตัวเองโลภ เพราะตราบใดที่เรายังคงอยู่ในวงล้อนี้เราจะได้สัมผัสกับวงจรของความทุกข์ทรมานตลอดไปและความไม่พอใจและเราจะมีโอกาสที่จะได้สัมผัสบริสุทธิ์ไม่มีความสุขที่ยั่งยืน โดยมีการฝึกเส้นทางพุทธเพื่อปลดปล่อยและตรัสรู้ แต่เราสามารถทำลายตัวเองโลภจึงปลดปล่อยตัวเองจากวงจรของการเกิดใหม่ที่ไม่สามารถควบคุมและบรรลุรัฐของความสงบสุขที่สมบูรณ์แบบและเสรีภาพ. จากนั้นเราจะต้องอยู่ในฐานะที่จะช่วยให้คนอื่นทำ เหมือน คำอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เนื่องจากบางความรู้พื้นฐานของการเกิดใหม่และกรรมเป็นประโยชน์สำหรับความเข้าใจพระพุทธศาสนา ตอนนี้คือสั้นเบื้องต้นเหล่านี้หัวข้อที่นำมาจากหนังสือของ geshe เกลซัง แปดขั้นตอนเพื่อความสุข :

ใจทั้งทางกายภาพ หรือเป็นผลพลอยได้ของกระบวนการทางกายภาพหมดจด แต่หมายถึงต่อเนื่องที่เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากร่างกาย
จิตใจไม่ใช่ร่างกายหรือผลพลอยได้จากกระบวนการทางกายภาพหมดจด แต่หมายถึงต่อเนื่องที่เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากร่างกาย เมื่อร่างกายช่วยสลายเมื่อตาย จิตไม่ได้หยุด แต่จิตของเราตื้นหยุด มันก็ละลายลงในระดับที่ลึกของจิต เรียก ' ใจ ' ที่บอบบางมาก ต่อเนื่องของจิตของเราละเอียดมาก ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีสิ้นสุดและมีจิตใจที่บริสุทธิ์ เมื่อทั้งหมด แปลงเป็นจิตตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ทุกการกระทำเราทำใบประทับ หรืออาจเกิดขึ้นในจิตของเราละเอียดมาก และแต่ละกรรมที่อาจเกิดขึ้นในที่สุด ให้สูงขึ้นในผลของมันเอง จิตใจของเราเป็นเหมือนสนาม และการดําเนินการเป็นเหมือนการหว่านเมล็ดในเขตข้อมูลนั้นการกระทำในเชิงบวกหรือคุณธรรมที่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขในอนาคต และการกระทำเชิงลบหรือไม่เที่ยงธรรม หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความทุกข์ในอนาคต นี้แน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผลซึ่งก่อให้เกิดความสุข และไม่มีคุณธรรม คุณธรรมที่ก่อให้เกิดทุกข์ ( คือรู้ว่าเป็น ' กฎแห่งกรรม ' ความเข้าใจของกฎหมายของกรรมเป็นพื้นฐานของพุทธธรรม .

หลังจากที่เราตาย จิตของเราละเอียดมาก ออกจากร่างกายของเรา และเข้าสู่สภาพปานกลาง หรือ ' ' ในบาร์โดชาวธิเบต ในความฝันนี้บอบบางเหมือนรัฐเราประสบการณ์ที่แตกต่างกันมาก นิมิตที่เกิดขึ้นจากศักยภาพของกฎแห่งกรรมที่ถูกเปิดใช้งานในเวลาที่ความตายของเรา ภาพเหล่านี้อาจจะน่าอยู่หรือน่ากลัวขึ้นอยู่กับกรรมที่สุก .เมื่อเมล็ดพันธุ์กรรมเหล่านี้ได้เต็มที่ พวกเขากระตุ้นให้เราเกิดสุกโดยไม่ต้องเลือก

มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา samsaric การเกิดใหม่ของเรา แต่เราไม่เลือกเกิดแต่เพียงผู้เดียวตามกรรมของเรา ถ้ากรรมดีสุกเราเกิดในสถานะที่โชคดี ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือพระเจ้า แต่ถ้ากรรมลบสุกเราเกิดในสถานะที่ต่ำกว่าเป็นสัตว์เป็นเปรต หรือสัตว์นรก . มันเป็นถ้าเราเป่าให้ชีวิตของเราในอนาคตตามกรรมของเรา บางครั้งต้องจบชีวิตไปในที่สูง บางครั้งในการไปลด

รอบนี้อย่างต่อเนื่องของการตายและการเกิดใหม่ โดยเลือกแบบที่เรียกว่า ' ตัวตน ' หรือ ' ' ในภาษาสันสกฤต Samsara .
นี้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีวัฏจักรของการตายและการเกิดใหม่ทางเลือกที่ถูกเรียกว่า ' ตัวตน ' เป็นวงกลม ,หรือ ' การ ' ในภาษาสันสกฤต สังสารวัฏเป็นเหมือนชิงช้าสวรรค์ บางครั้งพาเราขึ้นสู่อาณาจักรสามโชคดี บางครั้งลงล่างสามอาณาจักร แรงขับเคลื่อนของล้อของสังสารวัฏ คือการกระทำของเรา การกระตุ้นโดยหลงผิด และดุมล้อเป็นตนเองโลภความไม่รู้