The modern, private enterprise econ

The modern, private enterprise economy of Belgium has capitalised on its central geographic location, highly developed transport network, and diversified industrial and commercial base. The first country to undergo an industrial revolution on the continent of Europe in the early 19th century, Belgium developed an excellent transportation infrastructure of ports, canals, railways, and highways to integrate its industry with that of its neighbors.[10] Industry is concentrated mainly in the populous Flanders in the north, around Brussels and in the two biggest Walloon cities, Liège and Charleroi, along the sillon industriel. Belgium imports raw materials and semi-finished goods that are further processed and re-exported. Except for its coal, which is no longer economical to exploit, Belgium has few natural resources other than fertile soils. Nonetheless, most traditional industrial sectors are represented in the economy, including steel, textiles, refining, chemicals, food processing, pharmaceuticals, automobiles, electronics, and machinery fabrication. Despite the heavy industrial component, services account for 74.9% of GDP, while agriculture accounts for only 1% of GDP.[10]

With exports equivalent to over two-thirds of GNP, Belgium depends heavily on world trade. Belgium's trade advantages are derived from its central geographic location and a highly skilled, multilingual, and productive work force. One of the founding members of the European Community, Belgium strongly supports deepening the powers of the present-day European Union to integrate European economies further.[10] About three-quarters of its trade is with other EU countries. Together with the Netherlands and Luxembourg, Belgium is also one of Benelux member states.

Belgium's public debt is about 105% of GDP.[11] The government succeeded in balancing its budget during the 2000–2008 period, and income distribution is relatively equal. Belgium began circulating the euro currency in January 2002. Economic growth and foreign direct investment dropped in 2008. In 2009 Belgium suffered negative growth and increased unemployment, stemming from the worldwide banking crisis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่ทันสมัยเศรษฐกิจองค์กรเอกชนของเบลเยี่ยมมีตัวพิมพ์ใหญ่ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ใจกลางเมืองสูงการพัฒนาเครือข่ายการขนส่งและฐานอุตสาหกรรมและการค้าที่มีความหลากหลาย ประเทศแรกที่ได้รับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรปในช่วงต้นศตวรรษที่ 19, เบลเยียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่ดีเยี่ยมของพอร์ตคลองทางรถไฟและทางหลวงเพื่อบูรณาการอุตสาหกรรมของตนกับของเพื่อนบ้าน. [10] อุตสาหกรรมมีความเข้มข้น ส่วนใหญ่อยู่ในลานเดอร์ที่มีประชากรในภาคเหนือรอบกรุงบรัสเซลส์และในสองเมืองใหญ่ที่สุด Walloon, Liègeและ Charleroi พร้อม sillon industriel เบลเยี่ยมนำเข้าวัตถุดิบและสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่มีการประมวลผลต่อไปและส่งออกอีกครั้ง ยกเว้นถ่านหินซึ่งจะไม่ประหยัดในการใช้ประโยชน์จากเบลเยียมมีทรัพยากรทางธรรมชาติไม่กี่อื่นที่ไม่ใช่ดินอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามภาคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมากที่สุดเป็นตัวแทนในระบบเศรษฐกิจรวมทั้งเหล็ก, สิ่งทอ, การกลั่น, สารเคมี, การแปรรูปอาหาร, ยา, รถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, และการผลิตเครื่องจักร แม้จะมีส่วนประกอบของอุตสาหกรรมหนักการให้บริการบัญชีสำหรับ 74.9% ของ GDP ในขณะที่ภาคเกษตรมีสัดส่วนเพียง 1% ของจีดีพี. [10] ด้วยการส่งออกคิดเป็นกว่าสองในสามของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ, เบลเยียมขึ้นอยู่กับการค้าโลก เบลเยียมข้อได้เปรียบทางการค้าจะได้มาจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของภาคกลางและมีทักษะสูงพูดได้หลายภาษาและแรงงานการผลิต หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของประชาคมยุโรปเบลเยียมขอสนับสนุนลึกอำนาจของวันปัจจุบันสหภาพยุโรปเพื่อบูรณาการเศรษฐกิจของยุโรปต่อไป. [10] เกี่ยวกับสามในสี่ของการค้าที่เป็นกับประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป ร่วมกับเนเธอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก, เบลเยียมยังเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกเบเนลักซ์. หนี้สาธารณะของประเทศเบลเยียมเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 105% ของจีดีพี. [11] รัฐบาลประสบความสำเร็จในงบประมาณสมดุลในช่วง 2000-2008 ระยะเวลาและการกระจายรายได้ที่ค่อนข้างเท่าเทียมกัน เบลเยี่ยมเริ่มการไหลเวียนของสกุลเงินยูโรในเดือนมกราคมปี 2002 การเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลงในปี 2008 ในปี 2009 ได้รับความเดือดร้อนเบลเยี่ยมเติบโตติดลบและการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากวิกฤตการธนาคารทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สมัยใหม่ องค์กรเศรษฐกิจของเบลเยียมมีทุนในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของภาคกลาง การพัฒนาเครือข่ายการขนส่งและฐานอุตสาหกรรมและการค้าที่หลากหลาย ประเทศแรกที่จะได้รับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรปในศตวรรษที่ 19 ต้น เบลเยียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่ดีของพอร์ต , คลอง , รถไฟ ,และทางหลวงเพื่อรวมอุตสาหกรรมของตนกับของประเทศเพื่อนบ้าน อุตสาหกรรม [ 10 ] มีความเข้มข้นส่วนใหญ่ในฟลานเดอร์สที่มีประชากรในภาคเหนือประมาณบรัสเซลส์และสองที่ใหญ่ที่สุดและ Walloon เมืองลีแยฌ Charleroi พร้อม sillon industriel . เบลเยียมนำเข้าวัตถุดิบ และกลุ่มสินค้าที่เพิ่มเติมประมวลผลและส่งออก ยกเว้นของถ่านหินซึ่งไม่มีการประหยัดเพื่อใช้ประโยชน์จากเบลเยี่ยมมีทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าดินที่ไม่อุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่จะแสดงในระบบเศรษฐกิจ ได้แก่ เหล็ก , สิ่งทอ , การกลั่น , สารเคมี , แปรรูปอาหาร , ยา , รถยนต์ , อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตเครื่องจักร แม้จะมีชิ้นส่วนอุตสาหกรรมหนัก บริการบัญชี 74.9 % ของ GDP ,ในขณะที่บัญชีเกษตรเพียง 1 % ของจีดีพี [ 10 ]

กับการส่งออกเท่ากับมากกว่าสองในสามของ GNP , เบลเยียมขึ้นอยู่อย่างมากในการค้าโลก เบลเยียมเป็นข้อได้เปรียบทางการค้ามาจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของส่วนกลาง และมีฝีมือสูง พูดได้หลายภาษา และบังคับให้ทำงานมีประสิทธิภาพ หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของประชาคมยุโรปเบลเยี่ยมขอสนับสนุนลดพลังของสหภาพยุโรปในปัจจุบันที่จะบูรณาการเศรษฐกิจของยุโรปต่อไป . [ 10 ] เกี่ยวกับสามในสี่ของการค้ากับประเทศอื่นๆ ด้วยกันกับ เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก เบลเยียมยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของเบลเยียมเบเนลักซ์

หนี้สาธารณะประมาณ 105 % ของ GDP[ 11 ] รัฐบาลประสบความสำเร็จในความสมดุลของงบประมาณ 2543 – 2551 ระยะเวลาและการกระจายรายได้ที่ค่อนข้างเท่าเทียมกัน เบลเยียมเริ่มหมุนเวียนค่าเงินยูโรในเดือนมกราคม 2002 การเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในต่างประเทศโดยตรงลดลง ในปี 2551 2009 เบลเยียมประสบการเจริญเติบโตทางลบและเพิ่มการว่างงานที่เกิดจากวิกฤตทั่วโลกของธนาคาร