Experimental research is an attempt

Experimental research is an attempt to establish causality, to prove that the dependent variable (The dependent variable, the variable being measured by the research) is a direct result of the independent variable (The independent variable, the variable being manipulated by the research to determine the extent to which manipulation effects the dependent variable). In order to demonstrate causation it is necessary to show that the effect(Y or DV, dependent variable)is not only preceded by the cause (X or IV, independent variable) but that X produced Y and will do so repeatedly, temporal precedence being essential (Pearl, 2002). Causality is essentially a theoretical concept, a hypothesis that is impossible to verify empirically. ‘Perhaps the best we can do is to note covariations together with temporal sequences. But the mere fact that X and Y vary together in a predictable way, and that a change in X always precedes the change in Y, can never assure us that X had produced a change in Y’ (Blalock, 1961, cited in Corbetta, 2003, 89). Covariance is the empirical equivalent of causation, the closest we can get to demonstrating a relationship between phenomena.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การวิจัยทดลองเป็นความพยายามที่จะสร้าง causality เพื่อพิสูจน์ว่าตัวแปรขึ้นอยู่กับ (ขึ้นอยู่กับตัวแปร ตัวแปรที่ถูกวัด โดยการวิจัย) ของตัวแปรอิสระ (ตัวแปรอิสระ ตัวแปรที่ถูกจัดการ โดยการกำหนดขอบเขตที่จัดการผลตัวแปรขึ้นอยู่กับการวิจัย) เพื่อสาธิต causation ได้แสดงว่า ผล (Y หรือ DV ขึ้นอยู่กับตัวแปร) จะไม่เท่านำหน้า ด้วยสาเหตุ (X หรือ IV ตัวแปรอิสระ) แต่ X ที่ผลิต Y และซ้ำ ๆ กัน จะทำชั่วคราวสำคัญที่จำเป็น (เพิร์ล 2002) Causality เป็นหลักการทฤษฎีแนวคิด สมมติฐานที่เป็นไปไม่ได้ตรวจสอบ empirically ' อาจจะหมายเหตุ covariations พร้อมลำดับชั่วคราวส่วนที่เราสามารถทำ แต่ข้อเท็จจริงเพียงที่ X และ Y แตกต่างกันในแบบคาดเดาได้ และ การเปลี่ยนแปลงใน X เสมอก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงใน Y จะไม่มั่นใจเราว่า X มีผลิตเปลี่ยน Y' (Blalock, 1961 อ้างถึงใน Corbetta, 2003, 89) แปรปรวนกว่าประจักษ์ causation ใกล้ที่เราจะได้รับการเห็นความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยเชิงทดลองเป็นความพยายามที่จะสร้างเวรกรรมที่จะพิสูจน์ว่าตัวแปร (ตัวแปรตามตัวแปรที่ถูกวัดโดยการวิจัย) เป็นผลโดยตรงจากตัวแปรอิสระ (ตัวแปรอิสระตัวแปรถูกครอบงำโดยการวิจัยเพื่อตรวจสอบ ขอบเขตที่การจัดการผลกระทบตัวแปรตาม) เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงสาเหตุมันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแสดงให้เห็นว่าผลกระทบ (Y หรือ DV, ตัวแปรตาม) ไม่ได้นำหน้าเท่านั้นโดยสาเหตุ (X หรือ IV, ตัวแปรอิสระ) แต่ที่ผลิต X Y และจะทำซ้ำความสำคัญเป็นชั่วขณะ ที่สำคัญ (เพิร์ล, 2002) เวรกรรมเป็นหลักแนวคิดทฤษฎีสมมติฐานที่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบสังเกตุ 'บางทีดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือการที่จะต้องทราบ covariations ร่วมกับลำดับชั่วขณะ แต่ความจริงที่ว่า X และ Y มีความแตกต่างกันในทางที่คาดเดาได้และที่มีการเปลี่ยนแปลงใน X มักจะนำไปสู่​​การเปลี่ยนแปลงใน Y ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเราได้ผลิต X การเปลี่ยนแปลงใน Y '(Blalock, 1961, อ้างใน Corbetta, 2003, 89) ความแปรปรวนร่วมเป็นเทียบเท่าเชิงประจักษ์ของสาเหตุที่อยู่ใกล้ที่สุดเราจะได้รับการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยทดลอง คือ ความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวแปร ( ตัวแปรตามตัวแปรที่ถูกวัดโดยการวิจัยเป็นผลโดยตรงของตัวแปรอิสระ ( ตัวแปรอิสระตัวแปรที่ถูกควบคุมโดยการวิจัยเพื่อกำหนดขอบเขต ซึ่งการจัดการผลตัวแปร )เพื่อแสดงถึงการกระทำที่จำเป็นเพื่อแสดงผล ( Y หรือ DV , ตัวแปรตาม ) ไม่ได้เป็นเพียงที่นำหน้าโดยสาเหตุ ( X หรือ IV , ตัวแปรอิสระ ) แต่ X ผลิต Y และจะทำเช่นนั้นซ้ำอยู่ชั่วคราวที่สําคัญ ( ไข่มุก , 2002 ) ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลเป็นหลักแนวคิดทฤษฎี , สมมติฐานว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์เชิงประจักษ์ .' บางทีดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือการบันทึก covariations ร่วมกับชั่วคราวดังนี้ แต่ความจริงเพียงว่า x และ y แตกต่างกันเข้าด้วยกันในลักษณะที่คาดเดาได้ และการเปลี่ยนแปลงใน x เสมอ precedes เปลี่ยน Y ไม่มั่นใจเราว่า X ได้ผลิตการเปลี่ยนแปลงใน Y ' ( บลาล็อค , 1961 , อ้างใน corbetta , 2003 , 89 ) ความเทียบเท่าเชิงประจักษ์ของการเป็น ,ใกล้เราได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์