Theories are out growths of abstrac

Theories are out growths of abstract thought which propose logical relationships between what we consider to be the characteristics or attributes of a given phenomenon and the actual observed phenomenon itself; that is, they are generalizations about given phenomena. It should be pointed out that while these theories are abstractions of our real world, they are not reality itself However, 'abstraction is the price paid for generalization' (Hom.ans 1950).
The formulation of a theory requires that the theorist have the ability to observe discriminately, think logically, conceptualize creatively, and communicate succitictly. There are more observations about any given phenomenon than can be summed up in any one theory; therefore, it must leave many observations out of account. According to Homans (1950), a sociological theorist, 'Theory begins by breaking up concrete reality and ends by leaving out most of it.' Determining the facts derived from the observations and analysing them demands an intellectual process of systematic thinking (King 1971, Schlotfeldt 1971). The meanings of these facts are then used in formalizing a theory. The actual formation of a theory,however, depends on the theorist's capacity to conceptualize creatively, often about phenomena that are anomalous. The theoritician must be able to 'envision new ways of perceiving phenomena and to propose meaningful explanations for these perceptions' (Rogers 1970). If such theories are to give us either an under- standing of existing scientific knowledge or new knowledge, it is absolutely essential that they are communicated clearly and concisely.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีจะออกเจริญเติบโตของความคิดซึ่งนำเสนอตรรกะความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่เราพิจารณาลักษณะหรือคุณลักษณะของปรากฏการณ์ที่กำหนดและปรากฏการณ์จริงสังเกตเอง บทคัดย่อ นั่นคือ พวกเขากำลัง generalizations ที่กำหนดปรากฏการณ์ มันควรจะชี้ให้เห็นในขณะที่ทฤษฎีเหล่านี้ abstractions ของโลกของเรา พวกเขาจะไม่จริงตัวเองอย่างไรก็ตาม 'abstraction เป็นห้องกว้างสำหรับ generalization' (Hom.ans 1950)แบ่งเป็นทฤษฎีต้อง theorist ที่มีความสามารถในการสังเกต discriminately คิดทางตรรกะ conceptualize สร้างสรรค์ และการสื่อสาร succitictly มีข้อสังเกตุเพิ่มเติมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ให้มากกว่าที่สามารถบวกค่าใด ๆ ทฤษฎีหนึ่ง ดังนั้น มันจะสังเกตหลายออกจากบัญชี ตาม Homans (1950), theorist สังคมวิทยา 'ทฤษฎีเริ่มต้นด้วยการแบ่งค่าคอนกรีตจริงและสิ้นสุด โดยออกไปที่สุด' กำหนดข้อเท็จจริงมาจากการสังเกต และวิเคราะห์นั้นต้องการกระบวนการทางปัญญาความคิดระบบ (คิง 1971, Schlotfeldt 1971) ความหมายของข้อเท็จจริงเหล่านี้จะมีการใช้ใน formalizing เป็นทฤษฎี ก่อตัวจริงของทฤษฎี อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับกำลังของ theorist กับ conceptualize สร้างสรรค์ มักเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ anomalous Theoritician ต้องการ 'วาดภาพรูปแบบใหม่ ของ perceiving ปรากฏการณ์ และเสนอคำอธิบายความหมายในภาพลักษณ์เหล่านี้' (โรเจอร์ส 1970) ถ้าทฤษฎีดังกล่าวจะให้เราเป็นใต้ยืนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือความรู้ใหม่ มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างแน่นอนว่า พวกเขาจะสื่อสารอย่างชัดเจน และ concisely

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีจะออกจากการเจริญเติบโตของความคิดที่เป็นนามธรรมซึ่งนำเสนอความสัมพันธ์เชิงตรรกะระหว่างสิ่งที่เราคิดว่าจะเป็นลักษณะหรือคุณสมบัติของปรากฏการณ์ที่ได้รับและการสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของตัวเอง; นั่นคือพวกเขามีภาพรวมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่กำหนด มันควรจะชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ทฤษฎีเหล่านี้เป็นนามธรรมของโลกแห่งความจริงของเราพวกเขาไม่ได้ตัวเองจริง แต่ 'นามธรรมคือราคาที่จ่ายสำหรับลักษณะทั่วไป (Hom.ans 1950).
การกำหนดของทฤษฎีการกำหนดว่าทฤษฎีมี ความสามารถในการสังเกต discriminately คิดเหตุผลกรอบความคิดสร้างสรรค์และการสื่อสาร succitictly มีข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ใด ๆ เกินกว่าที่จะสรุปได้ในใดทฤษฎีหนึ่งคือ จึงต้องออกจากการสังเกตการณ์หลายคนออกจากบัญชี ตามที่ Homans (1950) ซึ่งเป็นทฤษฎีสังคมวิทยาทฤษฎีเริ่มต้นด้วยการทำลายความเป็นจริงที่เป็นรูปธรรมและจบลงด้วยการออกจากส่วนใหญ่ของมัน. กำหนดข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์ความต้องการของพวกเขาเป็นกระบวนการทางปัญญาของการคิดอย่างเป็นระบบ (กิ่ง 1971 Schlotfeldt 1971) ความหมายของข้อเท็จจริงเหล่านี้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในทฤษฎี การก่อตัวของทฤษฎีที่เกิดขึ้นจริง แต่ขึ้นอยู่กับความจุของทฤษฎีในการสร้างกรอบความคิดสร้างสรรค์มักจะเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ theoritician จะต้องสามารถ 'มองเห็นวิธีการใหม่ของการรับรู้ปรากฏการณ์และเสนอคำอธิบายที่มีความหมายสำหรับการรับรู้เหล่านี้ (โรเจอร์ส 1970) ถ้าทฤษฎีดังกล่าวที่จะให้เราทั้งเข้าใจที่มีอยู่ของความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือความรู้ใหม่ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขามีการสื่อสารอย่างชัดเจนและรัดกุม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีการเจริญเติบโตของความคิดที่เป็นนามธรรมออกมาเสนอความสัมพันธ์เชิงตรรกะระหว่างสิ่งที่เราคิดว่าจะเป็นลักษณะหรือคุณสมบัติของปรากฏการณ์และความเป็นจริงให้สังเกตปรากฏการณ์นั่นเอง นั่นคือพวกเขาจะมาจากการได้รับเกี่ยวกับปรากฏการณ์ มันควรจะชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ทฤษฎีเหล่านี้เป็นนามธรรมของโลกจริงของเรา พวกเขาจะไม่ จริง ตัวเองอย่างไรก็ตาม' สิ่งที่เป็นนามธรรมคือ ราคาที่จ่ายสำหรับการ ( hom.ans 1950 ) .
สูตรของทฤษฎีมีนักทฤษฎีมีความสามารถสังเกต discriminately คิดตรรกะ คิดอย่างสร้างสรรค์ และการติดต่อสื่อสาร succitictly . มีข้อสังเกตเกี่ยวกับปรากฏการณ์ใด ๆเกินกว่าจะสรุปได้ในทฤษฎีใด ๆ หนึ่ง ดังนั้น จึงต้องไปสังเกตหลายออกจากบัญชีตาม Homans ( 1950 ) , ทฤษฎีสังคมวิทยา , ' ทฤษฎีเริ่มต้นโดยเลิกจริงคอนกรีต และสิ้นสุด ด้วยการปล่อยออกส่วนใหญ่ของ ' การกำหนดข้อเท็จจริงที่ได้จากการสังเกตและวิเคราะห์พวกเขาต้องการกระบวนการทางปัญญาของการคิดอย่างเป็นระบบ ( schlotfeldt กษัตริย์ 1971 1971 ) ความหมายของข้อเท็จจริงเหล่านี้จะใช้ใน formalizing ทฤษฎี การพัฒนาที่แท้จริงของทฤษฎีอย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความถี่ของความสามารถในการคิดอย่างสร้างสรรค์ มักจะเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ การ theoritician ต้อง ' envision วิธีใหม่ของการรับรู้ปรากฏการณ์และเสนอคำอธิบายที่มีความหมายสำหรับการรับรู้เหล่านี้ ' ( โรเจอร์ 1970 ) ถ้าทฤษฎีดังกล่าว เพื่อให้เราทั้งใต้ - มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ หรือความรู้ใหม่มันเป็นสิ่งจำเป็นที่พวกเขามีการสื่อสารอย่างชัดเจนและรัดกุม