3. วัตถุประสงค์
ส่วนนี้จะเป็นการกำหนดผลลัพธ์ของธุรกิจที่เราต้องการตามช่วงระยะเวลาของแผนการตลาดที่เราตั้งเอาไว้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายโดยรวมของกิจการ เป้าหมายของแต่ละด้านในธุรกิจอย่างการเงินเช่น ยอดขาย หรือกำไร ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดที่ตั้งไว้ในแต่ละส่วนควรมีลักษณะที่สอดคล้องกัน
4. กลยุทธ์ทางการตลาด
การวิเคราะห์ STP จะช่วยให้เราทำความเข้าใจลูกค้าและตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์เราได้ชัดเจนขึ้น
กลยุทธ์ทางการตลาดถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ โดยปกติแล้วการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละธุรกิจจะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลัก STP เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าที่เราจะเปลี่ยนให้มาเป็นลูกค้า เป้าหมายว่าเราต้องการอะไรจากการทำการตลาด และตำแหน่งทางการตลาดว่าแบรนด์เราอยู่ที่ระดับใดในใจลูกค้าเพื่อทำการตลาดให้ตรงกับภาพที่ลูกค้ามองเห็นหรือเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการ โดยอธิบายหลัก STP คร่าวๆ ดังนี้
S-Segmentation คือการแบ่งส่วนของการตลาด โดยนิยมใช้ 4 ลักษณะดังนี้
1. แบ่งตามภูมิศาสตร์ ว่าเป็นในเมืองหรือชนบท
2. แบ่งตามประชากรศาสตร์ ตามเรื่องของอายุ เพศ หรือรายได้
3. แบ่งตามจิตวิทยา ดูตามฐานะทางสังคม หรือรูปแบบการดำเนินชีวิต
4. แบ่งตามพฤติกรรม สังเกตจากโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อว่ามีความถี่แค่ไหน และความภักดีต่อแบรนด์มีมากเพียงใด
T-Targeting เป็นการกำหนดเป้าหมายในการทำการตลาด โดยเรามีหน้าที่ต้องมองให้ขาดว่าผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเราเป็นใคร และต้องผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในลักษณะใดเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา
P-Positioning คือการวิเคราะห์ว่าเราอยู่ตำแหน่งใดในตลาด เรามีความโดดเด่นทางด้านไหน หรือแม้กระทั่งว่าเราต้องการอยู่ที่จุดใดในใจของลูกค้า เพื่อดึงจุดแข็งและสร้างจุดเด่นนั้นให้กลายเป็นภาพลักษณ์ของเราไปอยู่ในใจของลูกค้า
5. แผนการดำเนินงาน
นี่คือส่วนที่เราจะอธิบายว่าเราจะนำกลยุทธ์การตลาดที่กำหนดไว้มาทำให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร โดยอธิบายกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ที่เราจะลงมือทำงานจริงๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งองค์ประกอบของแผนที่ดีต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ “ทำอย่างไรสำเร็จ” “ใช้ระยะเวลาเท่าใด” “ใครเป็นผู้ดำเนินงาน” “ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร” และที่สำคัญคือ “มีวิธีวัดผลความก้าวหน้าได้อย่างไร (KPI)”