Among 515 patients in this study, 2

Among 515 patients in this study, 288 were females (55.9%). The mean ± SD age of the participants was 50.0 ± 10.1 years. An overwhelming majority of the respondents were married (87.18%) and had a family history of diabetes (68%). About 40% of the participants completed higher secondary education or above, while the median (IQR) income was 30,000 (34,000) Bangla-deshi Taka (BDT) per month. The median (IQR) duration of DM was 3 (6) years. The socio-demographic and clini-cal characteristics of the patients has been published pre-viously (Islam et al. 2014a, b, c, 2015).
Table 1 presents knowledge on diabetes of the partici-pants in terms of different characteristics. Overall, 45.6% participants had good knowledge, 37.7% had moderate knowledge and 16.7% had poor knowledge on diabetes. Knowledge was better among males than females in all categories and this difference was statistically significant (P 

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

515 ผู้ป่วยในการศึกษานี้ 288 ถูกหญิง (55.9%) อายุเฉลี่ย± SD ร่วมเป็น 50.0 ± 10.1 ปี ส่วนใหญ่ที่ครอบงำของผู้ตอบได้แต่งงานกัน (87.18%) และมีประวัติครอบครัวของโรคเบาหวาน (68%) ประมาณ 40% ของผู้เข้าร่วมสำเร็จสูงกว่ามัธยมศึกษา หรือข้างบน ในขณะที่ค่ามัธยฐาน (เติม) คือรายได้ 30,000 (34,000 ลา deshi Taka (BDT) ต่อเดือน ระยะเวลามัธยฐาน (เติม) ของ DM ถูก 3 (6) ปี ลักษณะทางประชากรและสังคมและ clini cal ของผู้ป่วยได้รับการเผยแพร่ก่อน-viously (อิสลาม et al. 2014a, b, c, 2015)ตารางที่ 1 แสดงความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานของ partici-กางเกงในแง่ของลักษณะแตกต่างกัน โดยรวม 45.6% ผู้เข้าร่วมมีความรู้ดี 37.7% มีความรู้ปานกลาง และ 16.7% มีความรู้โรคเบาหวานไม่ดี รู้ดีในหมู่เพศชายมากกว่าเพศหญิงในทุกประเภท และความแตกต่างนี้มีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.001) ความรู้สูงขึ้นในผู้ที่มีการศึกษา และความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.001) ความรู้ก็มีความสัมพันธ์กับรายได้ต่อเดือน (P = 0.02), สมรส sta-tus (P = 0.006), ประวัติครอบครัวของโรคเบาหวาน (P < 0.001) และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในผู้ป่วยที่ 515 ในการศึกษาครั้งนี้เป็นเพศหญิง 288 (55.9%) ค่าเฉลี่ย± SD อายุของผู้เข้าร่วมเป็น 50.0 ± 10.1 ปี ส่วนใหญ่ที่ครอบงำของผู้ตอบแบบสอบถามได้แต่งงาน (87.18%) และมีประวัติครอบครัวของโรคเบาหวาน (68%) เกี่ยวกับ 40 ของผู้เข้าร่วม% จบการศึกษาระดับมัธยมหรือสูงกว่าในขณะที่ค่ามัธยฐาน (IQR) รายได้ 30,000 (34,000) บางลา-Deshi Taka (BDT) ต่อเดือน ระยะเวลาเฉลี่ย (IQR) ของ DM 3 (6) ปี ลักษณะทางสังคมและประชากรและ Clini-Cal ของผู้ป่วยที่ได้รับการเผยแพร่ก่อน viously (อิสลาม et al. 2014a, B, C, 2015).
ตารางที่ 1 นำเสนอความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานของ partici กางเกงในแง่ของลักษณะแตกต่างกัน โดยรวม, 45.6% ผู้เข้าร่วมมีความรู้ที่ดี 37.7% มีความรู้ในระดับปานกลางและ 16.7% มีความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานที่ไม่ดี ความรู้เป็นเรื่องที่ดีในหมู่เพศชายมากกว่าเพศหญิงในทุกหมวดหมู่และความแตกต่างนี้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.001) ความรู้สูงในหมู่ผู้มีการศึกษาสูงและความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.001) ความรู้ยังเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญที่มีรายได้ต่อเดือน (p = 0.02) สมรส STA-TUS (p = 0.006) ประวัติครอบครัวของโรคเบาหวาน (p <0.001) และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ของผู้ป่วยช่วยในการศึกษานี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ( 55.9 % ) ค่าเฉลี่ยอายุของผู้เข้าร่วม ±  SD 50.0  ±  10.1 ทำไมปี ส่วนใหญ่ที่ครอบงำของผู้ตอบแบบสอบถามเคยแต่งงาน ( 87.18 % ) และมีประวัติครอบครัวของโรคเบาหวาน ( 68% ) ประมาณ 40% ของผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ในขณะที่ค่ามัธยฐาน ( iqr ) รายได้ 30 , 000 ( 34000 ) คือ deshi ทากะ ( BDT ) ต่อเดือน ค่ามัธยฐาน ( iqr ) ระยะเวลาของ DM 3 ( 6 ) ปี สภาพและลักษณะทางประชากร clini แคลของผู้ป่วยที่ได้รับการตีพิมพ์ก่อน viously ( ศาสนาอิสลามและ ทำไมอัล 2014a , B , C , 2015 )ตารางที่ 1 แสดงความรู้อะไรเกี่ยวกับโรคเบาหวานของเข้าร่วมกางเกงในแง่ของลักษณะที่แตกต่างกัน โดยผู้เข้าร่วม 45.6 % มีความรู้ พบ % มีความรู้ปานกลาง และ 16.7% มีความรู้ที่ดีในโรคเบาหวาน ความรู้ที่ดีในหมู่เพศชายมากกว่าเพศหญิง ในประเภทและความแตกต่างนี้มีนัยสำคัญทางสถิติ ( P < 0.001    ) ความรู้ที่สูงขึ้นในหมู่ผู้ที่มีการศึกษาสูงและมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( P < 0.001    ) ความรู้มีความสัมพันธ์กับรายได้ต่อเดือน ( p = 0.02 ,    ) สถานภาพสมรส ( P    STA ทัส = 0.006 ) , ประวัติครอบครัวของโรคเบาหวาน ( p < 0.001 และ   )