สาระสำคัญ โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คน ร่วมกันเล่นการพนันในบริเวณบริษ การแปล - สาระสำคัญ โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คน ร่วมกันเล่นการพนันในบริเวณบริษ ไทย วิธีการพูด

สาระสำคัญ โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม

สาระสำคัญ



โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คน ร่วมกันเล่นการพนันในบริเวณบริษัทจำเลยผู้เป็นนายจ้าง เป็นการกระทำฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานของจำเลยที่กำหนดว่าพนักงานต้องประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่ประพฤติตนไปในทางนำความเสื่อมเสียมาสู่ตนและหมู่คณะ ต้องไม่กระทำการผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนาถึงแม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ตาม ต้องไม่เล่นการพนันขันต่อทุกชนิด



การฝ่าฝืนมีโทษทางวินัยโดยการไล่ออก การเล่นการพนันนอกจากเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม เป็นชนวนให้เกิดการวิวาทบาดหมางในหมู่ลูกจ้างด้วยกัน ทำลายความสามัคคีของหมู่คณะ ทั้งยังทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายทางชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดครั้งแรกและโจทก์สำนึกผิดหรือไม่ก็ตาม



การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นเพียงการกระทำผิดวินัยที่ทำให้เสียหายด้านชื่อเสียงต่อจำเลยเพียงอย่างเดียวอันจะลงโทษด้วยการตักเตือนเท่านั้น



แต่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (4) เป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุสมควร ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49





คำพิพากษาฉบับย่อ



โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย จำนวน 147,550 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จำนวน 23,116.17 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม หรือในตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าเดิมอัตราค่าจ้างและสวัสดิการเท่าเดิม หรือไม่ต่ำกว่าเดิมพร้อมทั้งให้นับอายุงานต่อเนื่องให้โจทก์เสมือนไม่มีการเลิกจ้าง หากจำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมได้ ขอให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำนวน 250,835 บาท



จำเลยให้การว่า ขอให้ยกฟ้อง



ศาลแรงงานภาค 2 พิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง



โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา



ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยทำหน้าที่หัวหน้างานส่งเสริมการผลิต เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 เวลา 3.30 นาฬิกา โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คน รวมกันเล่นการพนันประเภทไฮโลว์ บริเวณโรงเก็บเหล็กของจำเลย



เมื่อพิจารณาจากประเภทของการพนันและการรวมกลุ่มกันเล่นการพนันของโจทก์กับพนักงานรวมถึง 7 คน ประกอบกับผู้ร่วมเล่นการพนันถือธนบัตรและวางเงินบนแผ่นอุปกรณ์การเล่นไฮโลว์เป็นจำนวนเงินไม่น้อย จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรง



จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119(4) และไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม



มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่มีเหตุสมควรหรือไม่



โดยโจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของโจทก์เป็นกระทำผิดฐานเล่นการพนันเป็นครั้งแรกและเป็นการกระทำผิดทางวินัยในด้านชื่อเสียงต่อบริษัท จึงต้องลงโทษโดยการตักเตือนด้วยวาจาหรือตักเตือนเป็นหนังสือหรือพักงาน หาอาจลงโทษโดยการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าได้ไม่



ทั้งนี้ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย ข้อ 8.2 เรื่องบทลงโทษ 8.2.1 ถึง 8.2.5 การเลิกจ้างโจทก์ดังกล่าวจึงฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงาน ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่มีเหตุอันสมควร



เห็นว่า ตามข้อบังคับการทำงานของจำเลย บทที่ 8 วินัยและการลงโทษ การประพฤติปฏิบัติซึ่งถือว่าผิดวินัยของจำเลยมีดังนี้.....8.1.7 ความประพฤติ 8.1.7.1 “พนักงานต้องประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่ประพฤติตนไปในทางที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตนและหมู่คณะ หรือบริษัท” 8.1.7.5 “พนักงานต้องไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนา ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ตาม” 8.1.7.10 “พนักงานต้องไม่เล่น.......การพนันขันต่อทุกชนิด.....”



ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษทางวินัย ตามข้อ 8.2.5 โดยการไล่ออก (เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย)



ผู้มีอำนาจลงโทษมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงโทษดังนี้....เมื่อพนักงานได้กระทำการอันเป็นการผิดวินัยร้ายแรง นอกจากนี้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ยังให้อยู่ในดุลพินิจของจำเลยที่จะนำหลักตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานมาบังคับใช้ได้เพื่อประโยชน์ของจำเลยในการบริหาร โดยให้เกิดความเป็นธรรมและเสมอภาคแก่พนักงานทุกคน





การที่โจทก์กับพวกเล่นการพนันประเภทไฮโลว์ในบริเวณบริษัทจำเลย นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม เป็นชนวนให้เกิดการวิวาทบาดหมางในหมู่พนักงานด้วยกันทำลายความสามัคคีของหมู่คณะทั้งยังทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลงและอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายทางชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดครั้งแรกและโจทก์สำนึกผิดหรือไม่ก็ตาม



การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับการทำงานของจำเลยและเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีที่ร้ายแรง



จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (4)



การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นเพียงการกระทำผิดวินัยที่ทำให้เสียหายด้านชื่อเสียงต่อจำเลยเพียงอย่างเดียว อันจะลงโทษได้โดยการตักเตือนเท่านั้น



เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยสาเหตุที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีที่ร้ายแรง จึงเป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุผลสมควร



การเลิกจ้างโจทก์จึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
สาระสำคัญ โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คนร่วมกันเล่นการพนันในบริเวณบริษัทจำเลยผู้เป็นนายจ้างเป็นการกระทำฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานของจำเลยที่กำหนดว่าพนักงานต้องประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีไม่ประพฤติตนไปในทางนำความเสื่อมเสียมาสู่ตนและหมู่คณะต้องไม่กระทำการผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนาถึงแม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ตามต้องไม่เล่นการพนันขันต่อทุกชนิด การฝ่าฝืนมีโทษทางวินัยโดยการไล่ออกการเล่นการพนันนอกจากเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาแล้วยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมเป็นชนวนให้เกิดการวิวาทบาดหมางในหมู่ลูกจ้างด้วยกันทำลายความสามัคคีของหมู่คณะทั้งยังทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลงและอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดครั้งแรกและโจทก์สำนึกผิดหรือไม่ก็ตาม การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นเพียงการกระทำผิดวินัยที่ทำให้เสียหายด้านชื่อเสียงต่อจำเลยเพียงอย่างเดียวอันจะลงโทษด้วยการตักเตือนเท่านั้น แต่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรงจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (4) เป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุสมควรไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 คำพิพากษาฉบับย่อ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 147,550 บาทสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 23,116.17 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหรือในตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าเดิมอัตราค่าจ้างและสวัสดิการเท่าเดิมหรือไม่ต่ำกว่าเดิมพร้อมทั้งให้นับอายุงานต่อเนื่องให้โจทก์เสมือนไม่มีการเลิกจ้างหากจำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมได้ขอให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 250,835 บาท จำเลยให้การว่าขอให้ยกฟ้อง พิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องศาลแรงงานภาค 2 โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยทำหน้าที่หัวหน้างานส่งเสริมการผลิตเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ๒๕๔๙ เวลา 3.30 นาฬิกาโจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คนรวมกันเล่นการพนันประเภทไฮโลว์บริเวณโรงเก็บเหล็กของจำเลย เมื่อพิจารณาจากประเภทของการพนันและการรวมกลุ่มกันเล่นการพนันของโจทก์กับพนักงานรวมถึง 7 คนประกอบกับผู้ร่วมเล่นการพนันถือธนบัตรและวางเงินบนแผ่นอุปกรณ์การเล่นไฮโลว์เป็นจำนวนเงินไม่น้อยจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119(4) และไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่มีเหตุสมควรหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของโจทก์เป็นกระทำผิดฐานเล่นการพนันเป็นครั้งแรกและเป็นการกระทำผิดทางวินัยในด้านชื่อเสียงต่อบริษัทจึงต้องลงโทษโดยการตักเตือนด้วยวาจาหรือตักเตือนเป็นหนังสือหรือพักงานหาอาจลงโทษโดยการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าได้ไม่ ทั้งนี้ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยข้อ 8.2 เรื่องบทลงโทษ 8.2.1 ถึง 8.2.5 การเลิกจ้างโจทก์ดังกล่าวจึงฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่มีเหตุอันสมควร เห็นว่าตามข้อบังคับการทำงานของจำเลยบทที่ 8 วินัยและการลงโทษการประพฤติปฏิบัติซึ่งถือว่าผิดวินัยของจำเลยมีดังนี้... 8.1.7 ความประพฤติ 8.1.7.1 "พนักงานต้องประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดีไม่ประพฤติตนไปในทางที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตนและหมู่คณะหรือบริษัท" 8.1.7.5 "พนักงานต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนาถึงแม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ตาม" 8.1.7.10 "พนักงานต้องไม่เล่น... การพนันขันต่อทุกชนิด..." ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษทางวินัยตามข้อ 8.2.5 โดยการไล่ออก (เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย) ผู้มีอำนาจลงโทษมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงโทษดังนี้... เมื่อพนักงานได้กระทำการอันเป็นการผิดวินัยร้ายแรงนอกจากนี้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวยังให้อยู่ในดุลพินิจของจำเลยที่จะนำหลักตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานมาบังคับใช้ได้เพื่อประโยชน์ของจำเลยในการบริหารโดยให้เกิดความเป็นธรรมและเสมอภาคแก่พนักงานทุกคน การที่โจทก์กับพวกเล่นการพนันประเภทไฮโลว์ในบริเวณบริษัทจำเลยนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาแล้วยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมเป็นชนวนให้เกิดการวิวาทบาดหมางในหมู่พนักงานด้วยกันทำลายความสามัคคีของหมู่คณะทั้งยังทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลงและอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดครั้งแรกและโจทก์สำนึกผิดหรือไม่ก็ตาม การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับการทำงานของจำเลยและเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีที่ร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (4) การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นเพียงการกระทำผิดวินัยที่ทำให้เสียหายด้านชื่อเสียงต่อจำเลยเพียงอย่างเดียวอันจะลงโทษได้โดยการตักเตือนเท่านั้น เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยสาเหตุที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีที่ร้ายแรงจึงเป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุผลสมควร การเลิกจ้างโจทก์จึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
สำคัญสาระโจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คน ยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม ทำลายความสามัคคีของหมู่คณะ พ. ร. บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) เป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุสมควร พ.ศ. 2522 มาตรา 49 คำพิพากษาฉบับย่อโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 147,550 บาทสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 23,116.17 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำนวน 250,835 บาทจำเลยให้หัวเรื่อง: การว่าได้ขอให้ยกฟ้องศาลแรงงานภาค 2 ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 เวลา 3.30 นาฬิกาโจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คนรวมกันเล่นการพนันประเภทไฮโลว์ 7 คน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) ข้อ 8.2 เรื่องบทลงโทษ 8.2.1 ถึง 8.2.5 ตามข้อบังคับการทำงานของจำเลยบทที่ 8 วินัยและการลงโทษ ความประพฤติ 8.1.7.1 หรือ บริษัท "8.1.7.5" พนักงานต้องไม่กระทำการใด ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ตาม "8.1.7.10 ตามข้อ 8.2.5 โดยการไล่ออก นอกจากนี้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 พ.ศ. 2522 มาตรา 49 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น





































































































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
สาระสำคัญ



โจทก์กับเพื่อนพนักงานรวม 7 คนร่วมกันเล่นการพนันในบริเวณบริษัทจำเลยผู้เป็นนายจ้างเป็นการกระทำฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานของจำเลยที่กำหนดว่าพนักงานต้องประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีต้องไม่กระทำการผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนาถึงแม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ตามต้องไม่เล่นการพนันขันต่อทุกชนิด



การฝ่าฝืนมีโทษทางวินัยโดยการไล่ออกการเล่นการพนันนอกจากเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาแล้วยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมเป็นชนวนให้เกิดการวิวาทบาดหมางในหมู่ลูกจ้างด้วยกันทำลายความสามัคคีของหมู่คณะและอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดครั้งแรกและโจทก์สำนึกผิดหรือไม่ก็ตาม







การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นเพียงการกระทำผิดวินัยที่ทำให้เสียหายด้านชื่อเสียงต่อจำเลยเพียงอย่างเดียวอันจะลงโทษด้วยการตักเตือนเท่านั้นแต่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรงจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพ . Flying " . คุ้มครองแรงงานพ . ศ .2541 มาตรา 119 ( 4 ) เป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุสมควรไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพ . Flying " . จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ . ศ . 2522 มาตรา 49









คำพิพากษาฉบับย่อโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 147550 บาทสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 23116 .17 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหรือในตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าเดิมอัตราค่าจ้างและสวัสดิการเท่าเดิมหากจำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมได้ขอให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 250 ,คุณบาทจำเลยให้การว่าขอให้ยกฟ้อง







ศาลแรงงานภาค 2 พิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง







โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: