do Tambangraya Megah was establishe

do Tambangraya Megah was established in 1987 as a Limited Liability Company [or PT/Perseroan Terbatas] and in 2007 was acquired by Banpu Group Thailand and then in the month of December 2007 became a public company. Banpu, through PT Centralink Wisesa International, owns 77.60% of shares. PT Sigma Buana Cemerlang, 2.40% shares and the remaining shares are owned by the public.


In 2008, PT Centralink Wisesa International transferred 73.72% of its shares to Banpu Minerals (Singapore) Pte. Ltd. thus making public shares amount to 26.28%. In 2010, Banpu Minerals (Singapore) Pte. Ltd. sold 8.72% of its shares to the public and thus maintained majority ownership of 65% where the remainder was owned by the public in which, individually, had shares of less than 5%.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไม่ Tambangraya Megah ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 เป็น บริษัท รับผิด จำกัด [หรือ PT / Perseroan Terbatas] และในปี 2007 ถูกซื้อกิจการโดยกลุ่มบ้านปูประเทศไทยและจากนั้นในเดือนธันวาคม 2007 กลายเป็น บริษัท มหาชน บ้านปูผ่าน PT Indo Tambangraya Megah สาธารณรัฐเจ้าของ 77.60% ของหุ้น PT Sigma Buana Cemerlang, 2.40% และหุ้นหุ้นที่เหลือเป็นของประชาชน. ในปี 2008 PT Indo Tambangraya Megah สาธารณรัฐโอน 73.72% ของจำนวนหุ้นที่จะ บริษัท Banpu Minerals (Singapore) Pte จำกัด จึงทำให้ประชาชนหุ้นจำนวน 26.28% ในปี 2010 บริษัท Banpu Minerals (Singapore) Pte จำกัด ขาย 8.72% ของหุ้นของ บริษัท ให้กับประชาชนและการบำรุงรักษาจึงเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ 65% ที่เหลือเป็นเจ้าของโดยสาธารณะในที่ทีมีหุ้นน้อยกว่า 5%

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำให้เยาวชน megah ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 เป็นบริษัทรับผิดจำกัด [ หรือ PT / perseroan terbatas ] และในปี 2007 ถูกซื้อโดยกลุ่มบ้านปู ประเทศไทย และในเดือนธันวาคม 2550 เป็นบริษัท มหาชน วันที่ผ่าน PT เซ็นทรัลลิงค์ wisesa นานาชาติ , เจ้าของ 77.60 % ของจำนวนหุ้นที่ PT Sigma ว่า cemerlang หุ้น 2.40 บาท และหุ้นที่เหลือเป็นของสาธารณะ


ใน 2008PT เซ็นทรัลลิงค์ wisesa นานาชาติโอน 73.72 % ของหุ้นของบ้านปู MINERALS ( สิงคโปร์ ) จำกัด จึงทำให้หุ้นเงินเพื่อสาธารณะ 26.28 % ใน 2010 , เหมืองแร่ ( สิงคโปร์ ) จำกัด ขาย 8.72 % ของหุ้นของ บริษัท ไปสาธารณะจึงรักษาความเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ 65% ที่เหลือเป็นของสาธารณะที่บุคคลมีหุ้นน้อยกว่า 5%