It is hardly breaking news that Fac

It is hardly breaking news that Facebook (FB) continues to dominate as the preferred social
networking (SN) site. During the last ten years, it’s unabated growth has appeared to be
unstoppable and the statistics continue to impress, with FB now reaching in excess of 1.3
billion monthly active users worldwide (Facebook 2014). Although some teenagers might be
looking for alternatives, FB remains the preferred social network for students. While 85% of
students still choose to use FB over other social media providers, it is likely to maintain its
dominance of the market. (McDermott 2014).
Despite recent evidence that indicates students rarely use email1 many higher education
institutions (HEIs) still utilise email as the official medium for communication. Whether for
security or general policy reasons, academic staff tend to rely much more on email and do not
utilise social media to the same extent as students. In general, students seem quite open to using
Facebook in connection with their course of study. Students rely on social media to discuss
various aspects of their daily lives that are, of course, also related to their studies (Roblyer et al.
2010). Thus, given they regard it as a beneficial communication tool (Grosseck, Bran, and Tiru
2011), it is only natural that they should exchange information related to courses, assignments
etc. (Belshaw 2010) using this form of communication.
The growing popularity of social networking has led to an increase in research output in
academic journals on the use of SN in higher education for both teaching and research. The FB
trend has raised the question of whether or not the usage of SN sites should be incorporated into
higher education, i.e. whether or not it should be used in an official capacity to promote and
support effective student learning. (Aydin 2012).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันแทบไม่แบ่งข่าวที่ Facebook (FB) ยังคงครองเป็นสังคมต้องเว็บไซต์เครือข่าย (SN) เมื่อสิบปีที่ ด้วยเติบโตที่คงที่ได้ปรากฏให้ผ่านพ้นและสร้างความประทับใจ กับ FB ถึงขณะนี้ เกิน 1.3 สถิติพันล้านรายเดือนผู้ใช้งานทั่วโลก (Facebook 2014) แม้เด็กวัยรุ่นบางมองหาทางเลือก FB ยังคง เครือข่ายทางสังคมสำหรับนักเรียน ในขณะที่ร้อยละ 85นักศึกษายังคงเลือกใช้ FB ผ่านผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ เป็นไปได้ในการรักษาความปกครองของตลาด (แม็กเดอมอตต์ 2014)แม้ มีหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า นักเรียนไม่ค่อยใช้ email1 ศึกษาหลายสถาบันการศึกษา (HEIs) ยังใช้อีเมล์เป็นสื่ออย่างเป็นทางการสำหรับการสื่อสาร ว่าสำหรับความปลอดภัยหรือนโยบายทั่วไปเหตุผล อาจารย์มักจะ ใช้อีเมล์มากขึ้น และไม่ใช้สื่อสังคมในขอบเขตเดียวกันเป็นนักเรียน ทั่วไป นักเรียนดูเหมือนค่อนข้างเปิดใช้Facebook กับหลักสูตรการศึกษา นักเรียนใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อหารือเกี่ยวกับแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตประจำวันที่ แน่นอน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการศึกษา (Roblyer et al2010) . จึง ให้พวกเขาถือว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เป็นประโยชน์ (Grosseck รำ และ Tiru2011), เป็นเพียงธรรมชาติที่พวกเขาควรแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร กำหนดฯลฯ (Belshaw 2010) โดยใช้แบบฟอร์มนี้การสื่อสารความนิยมเติบโตของเครือข่ายสังคมได้นำไปสู่การเพิ่มผลผลิตงานวิจัยในวารสารวิชาการการใช้ SN ศึกษาวิจัยและการเรียนการสอน FBแนวโน้มได้ยกคำถามหรือไม่ว่าการใช้งานของเว็บไซต์ SN ควรรวมอยู่ในอุดมศึกษา คือว่ามันควรจะใช้ดำรงส่งเสริม และสนับสนุนนักเรียนที่มีผลการเรียนรู้ (ดึ 2012)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันแทบจะไม่ข่าวว่า Facebook (FB) ยังคงครองเป็นที่ต้องการของสังคม
เครือข่าย (SN) เว็บไซต์ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็คงเจริญเติบโตได้ดูเหมือนจะ
ผ่านพ้นและสถิติยังคงสร้างความประทับใจให้กับ FB ถึงตอนนี้ในส่วนที่เกิน 1.3
พันล้านผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลก (Facebook 2014) แม้ว่าวัยรุ่นบางคนอาจจะ
มองหาทางเลือก, FB ยังคงเป็นเครือข่ายทางสังคมที่แนะนำสำหรับนักเรียน ในขณะที่ 85% ของ
นักเรียนยังคงเลือกที่จะใช้ FB มากกว่าผู้ให้บริการสื่อสังคมอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะรักษามัน
ครอบงำของตลาด (McDermott 2014).
แม้จะมีหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่านักเรียนไม่ค่อยใช้อีเมล 1 การศึกษาระดับอุดมศึกษาหลาย
สถาบัน (เมลิสซ่า) ยังคงใช้อีเมลเป็นสื่ออย่างเป็นทางการสำหรับการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็น
เหตุผลด้านความปลอดภัยหรือนโยบายทั่วไปนักวิชาการมีแนวโน้มที่จะพึ่งพามากขึ้นในอีเมลและไม่
ใช้สื่อทางสังคมในระดับเดียวกับนักเรียน โดยทั่วไปนักเรียนดูเหมือนค่อนข้างเปิดให้ใช้
Facebook ในการเชื่อมต่อกับสนามของการศึกษา นักเรียนพึ่งพาสื่อสังคมเพื่อหารือเกี่ยวกับ
แง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตประจำวันของพวกเขาที่เป็นของหลักสูตรยังเกี่ยวข้องกับการศึกษาของพวกเขา (Roblyer et al.
2010) ดังนั้นให้พวกเขาคิดว่ามันเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เป็นประโยชน์ (Grosseck รำและ Tiru
2011) มันเป็นเพียงธรรมชาติที่พวกเขาควรจะแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่ได้รับมอบหมาย
ฯลฯ (Belshaw 2010) โดยใช้รูปแบบของการสื่อสารนี้.
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเครือข่ายทางสังคมได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของผลงานวิจัยใน
วารสารทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้ SN ในการศึกษาที่สูงขึ้นสำหรับทั้งการเรียนการสอนและการวิจัย FB
แนวโน้มได้ยกคำถามที่ว่าหรือไม่การใช้งานของเว็บไซต์ SN ควรจะรวมอยู่ใน
การศึกษาที่สูงขึ้นคือว่าหรือไม่ก็ควรจะใช้ในกำลังการผลิตอย่างเป็นทางการในการส่งเสริมและ
สนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีประสิทธิภาพ (เอดิน 2012)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันแทบจะไม่มีข่าวว่า Facebook ( FB ) ยังคงครองเป็นที่ต้องการ สังคมเครือข่ายสังคม ( SN ) เว็บไซต์ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมามันเติบโตคงที่มีปรากฏเป็นผ่านพ้นและสถิติที่ยังคงประทับใจกับ FB ตอนนี้ถึงเกิน 1.3ล้านผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลก ( Facebook 2014 ) ถึงแม้ว่าวัยรุ่นบางคนอาจเป็นมองหาทางเลือก FB ยังคงต้องการเครือข่ายทางสังคมสำหรับนักเรียน ในขณะที่ 85% ของนักเรียนที่ยังเลือกใช้ FB มากกว่าผู้ให้บริการสื่อทางสังคมอื่น ๆ มันมีแนวโน้มที่จะรักษาของการปกครองของตลาด ( McDermott 2014 )แม้จะมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ล่าสุดนักเรียนไม่ค่อยได้ใช้หลาย email1 อุดมศึกษาสถาบัน ( ลิฟท์ ) ยังใช้อีเมล์เป็นสื่ออย่างเป็นทางการสำหรับการสื่อสาร ว่าเหตุผลด้านความปลอดภัยหรือนโยบายทั่วไป อาจารย์มักจะพึ่งพามากขึ้นในอีเมลและไม่ใช้สื่อสังคมในแบบเดียวกัน เช่น นักเรียน โดยทั่วไปนักเรียนดูค่อนข้างเปิดให้ใช้ใช้ในการเชื่อมต่อกับหลักสูตรการเรียน นักเรียนต้องพึ่งพาสื่อสังคมเพื่อหารือต่าง ๆ ด้านของชีวิตทุกวันที่แน่นอนยังเกี่ยวข้องกับการศึกษาของพวกเขา ( roblyer et al .2010 ) ดังนั้นให้พวกเขาถือว่ามันเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เป็นประโยชน์ ( grosseck รำข้าว และ tiru2011 ) , มันเป็นเพียงธรรมชาติที่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่ได้รับมอบหมายฯลฯ ( เบลชอว์ 2010 ) โดยใช้รูปแบบของการสื่อสารความนิยมเพิ่มขึ้นของเครือข่ายทางสังคมได้นำไปสู่การเพิ่มผลผลิตงานวิจัยในวารสารวิชาการใช้ SN ในระดับอุดมศึกษาทั้งการสอนและการวิจัย FBแนวโน้มที่ได้ยกคำถามของหรือไม่ใช้ SN ควรจะรวมอยู่ในเว็บไซต์อุดมศึกษา ได้แก่ หรือไม่ก็ควรจะใช้อย่างเป็นทางการ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพการเรียนรู้ ของนักเรียน ( Aydin 2012 )