Everybody yawns — from unborn babie

Everybody yawns — from unborn babies to the oldest great-grandparent. Animals do it, too. But why, exactly, do people and animals yawn? No one knows for sure. But there are many theories about why people yawn.
Yawning, as a mechanism for alertness, begins within the first 20 weeks after conception. It helps regulate the circadian rhythms of newborns, and this adds to the evidence that yawning is involved in the regulation of wakefulness and sleep. Since circadian rhythms become asynchronous when a person’s normal sleep cycle is disturbed, yawning should help the late-night partygoer reset the brain’s internal clock. Yawning may also ward off the effects of jet lag and ease the discomfort caused by high altitudes.
So what is the underlying mechanism that makes yawning such an essential tool? Besides activating the precuneus, it regulates the temperature and metabolism of your brain. It takes a lot of neural energy to stay consciously alert, and as you work your way up the evolutionary ladder, brains become less energy efficient. Yawning probably evolved as a way to cool down the overly active mammalian brain, especially in the areas of the frontal lobe. Some have even argued that it is a primitive form of empathy. Most vertebrates yawn, but it is only contagious among humans, great apes, macaque monkeys, and chimpanzees.
One is that when we are bored or tired, we just don't breathe as deeply as we usually do. As this theory goes, our bodies take in less oxygen because our breathing has slowed. Therefore, yawning helps us bring more oxygen into the blood and move more carbon dioxide out of the blood.
Yawning, then, would be an involuntary reflex (something we can't really control) to help us control our oxygen and carbon dioxide levels. But other studies have shown that breathing more oxygen does not decrease yawning. Likewise, breathing more carbon dioxide does not increase yawning.

Yawning is commonly perceived to be a sign of boredom or tiredness. Dr. Robert Provine, known as the yawn-expert from the University of Maryland, performed a study on 17-19 year old students to test this perception. In comparison to a group of students who watched music videos for 30 minutes, a group who watched an uninteresting color test bar pattern for 30 minutes yawned more . Dr. Provine also suggested that yawning is like stretching. Much like stretching, blood pressure and heart rate can be increased just by yawning. Perhaps animals yawn instinctively when bored or tired to get their blood pumping so that they may be physically stimulated to move or seek a new activity. But then why is it that we yawn after waking up? If we yawn after waking as a physical prompt to become active that's one thing. But yawning as a sign of tiredness can be ruled out if we yawn after waking from a restful sleep. Maybe a study could be done in which a comparison could be made between the hours of sleep and the occurrence of yawning when waking.
Another theory is that The definition of yawning is to open the mouth involuntarily with a prolonged, deep inhalation of air. Yawning is a normal response to fatigue and drowsiness, but excessive yawning can be caused by a vasovagal reaction and may indicate a heart problem. Yawning stretches the lungs and lung tissue. Stretching and yawning may be a way to flex muscles and joints, increase heart rate, and feel more awake.
Other people believe that yawning is a protective reflex to redistribute the oil-like substance called surfactant that helps keep lungs lubricated inside and keeps them from collapsing. So, if we didn't yawn, according to this theory, taking a deep breath would become harder and harder — and that would not be good!
But there is one idea about yawning that everyone knows to be true. It seems contagious. If you yawn in class, you'll probably notice a few other people will start yawning, too. Even thinking about yawning can get you yawning. How many times have you yawned while reading this article?

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทุกคน yawns — จากศพทารกไปเก่าดีปู่ย่าตายาย สัตว์ทำได้ เช่น แต่ทำไม ว่า คนและสัตว์ไม่แยแสหรือไม่ ไม่มีใครรู้ว่า แต่มีทฤษฎีจำนวนมากเกี่ยวกับทำไมคนไม่แยแสหาว เป็นกลไกสำหรับการตื่นตัว เริ่มต้นภายใน 20 สัปดาห์แรกทารกในครรภ์ ช่วยควบคุมจังหวะ circadian ของทารกแรกเกิด และเพิ่มหลักฐานที่ว่า หาวมีส่วนในการควบคุมความตื่นตัวและนอนหลับ ตั้งแต่จังหวะ circadian กลายเป็นแบบอะซิงโครนัสเมื่อวงจรการนอนหลับปกติของบุคคล หาวควรช่วย partygoer ดึกที่ตั้งค่านาฬิกาภายในของสมอง หาวอาจยังปิดลักษณะพิเศษของเพลีย และความสะดวกสบายที่เกิดจากพื้นที่สูง กลไกพื้นฐานที่ทำให้หาวดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญคืออะไร นอกจากการเปิดใช้งานการ precuneus มันสามารถควบคุมอุณหภูมิและการเผาผลาญของสมองของคุณ ใช้พลังงานประสาทพักมีสติเตือนมาก และวิธีขึ้นบันไดวิวัฒนาการการทำงาน สมองกลายเป็น พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หาวอาจจะพัฒนาเป็นวิธีการเย็นลงสมองไวใช้งานมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของสมองกลีบหน้า แม้บางได้โต้เถียงว่า เป็นรูปแบบดั้งเดิมของการเอาใจใส่ สัตว์มีกระดูกสันหลังส่วนใหญ่อ้าปากค้าง แต่มันเป็นเพียงโรคระหว่างมนุษย์ ลิงสวย ลิงวอก และลิงชิมแปนซีคือว่า เมื่อเราจะเบื่อ หรือเหนื่อย เราเพียงไม่หายใจลึกที่เรามักจะทำ เป็นทฤษฎีนี้ไป ร่างกายของเราเข้าออกซิเจนน้อยลงเนื่องจากมีการชะลอตัวการหายใจของเรา ดังนั้น หาวช่วยเรานำเติมออกซิเจนเข้าสู่เลือด และย้ายเพิ่มเติมคาร์บอนไดออกไซด์จากเลือดหาว แล้ว จะสะท้อนการล็ (สิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมจริง ๆ) จะช่วยให้เราควบคุมระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ของเรา แต่การศึกษาอื่น ๆ ได้แสดงให้เห็นว่า การหายใจออกซิเจนมากลดหาว ในทำนองเดียวกัน การหายใจเพิ่มเติมคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นหาวโดยทั่วไปรับรู้หาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเบื่อหรือล้า ดร. Robert Provine รู้จักนายเชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ทำการศึกษาในนักเรียน 17-19 ปีในการทดสอบการรับรู้นี้ เมื่อเทียบกับกลุ่มนักเรียนที่ดูวิดีโอเพลง 30 นาที กลุ่มที่ดูลวดลายแถบสีทดสอบที่ได้รับการไม่น่าทึ่ง 30 นาที อ้าปากกว้างมาก ดร. Provine บอกว่า หาวเหมือนยืด มากเช่นการยืดกล้ามเนื้อ ความดันโลหิตและอัตราการเต้นหัวใจสามารถเพิ่ม โดยการหาวขึ้น บางทีสัตว์ไม่แยแสสัญชาตญาณเมื่อเบื่อ หรือเหนื่อยรับเลือดการสูบน้ำเพื่อให้พวกเขาอาจจะกระตุ้นร่างกายเพื่อย้าย หรือหากิจกรรมใหม่ แต่แล้ว ทำไมที่เราอ้าปากค้างหลังจากตื่นขึ้นมาได้ ถ้าเราอ้าปากค้างหลังจากตื่นมาเป็นให้เปิดใช้งานทางกายภาพ ที่เป็นสิ่งหนึ่ง แต่หาวเป็นสัญญาณของความเมื่อยล้าสามารถปกครองออกถ้าเราอ้าปากค้างหลังจากตื่นจากนอน บางทีทำการศึกษาในที่ การเปรียบเทียบสามารถทำระหว่างชั่วโมงการนอนหลับและการเกิดขึ้นของการหาวเมื่อตื่นขึ้นอีกทฤษฎีคือนิยามของหาวเปิดปากสถานกับการสูดดมเป็นเวลานาน ลึกอากาศนั้น หาวคือปกติความเมื่อยล้าและอาการง่วงนอน แต่หาวมากเกินไปอาจเกิดจากปฏิกิริยา vasovagal และอาจระบุปัญหาหัวใจ หาวยาวปอดและเนื้อเยื่อปอด ยืด และหาวอาจจะวิธีการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและข้อต่อ เพิ่มอัตราการเต้นหัวใจ และรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นคนอื่น ๆ เชื่อว่า การหาวเป็นสะท้อนป้องกันการกระจายน้ำมันเช่นสารที่เรียกว่า surfactant ที่ที่ช่วยให้หล่อลื่นภายในปอด และช่วยให้พวกเขาจากการยุบ ดังนั้น หากเราไม่ได้อ้าปากค้าง ตามทฤษฎีนี้ การหายใจลึก ๆ จะได้ยาก และหนัก — และที่ไม่ดีแต่มีอีกหนึ่งแนวคิดเกี่ยวกับหาวที่ทุกคนรู้ว่าเป็นจริง เหมือนโรค ถ้าคุณไม่แยแสในชั้นเรียน คุณอาจสังเกตเห็นบางคนจะเริ่มหาว เกินไป คิดเกี่ยวกับหาวได้คุณหาว จำนวนครั้งที่คุณมีอ้าปากกว้างได้ขณะอ่านบทความนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทุกคน yawns - จากทารกในครรภ์เพื่อที่เก่าแก่ที่สุดที่ดีปู่ย่าตายาย สัตว์ทำมันเกินไป แต่ทำไมว่าไม่คนและสัตว์หาว? ไม่มีใครรู้ว่า แต่มีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับเหตุผลที่คนหาว.
หาวเป็นกลไกสำหรับการเตรียมพร้อมเริ่มต้นภายใน 20 สัปดาห์แรกหลังจากที่คิด มันจะช่วยให้ควบคุมจังหวะ circadian ของทารกแรกเกิดและนี้จะเพิ่มหลักฐานที่แสดงว่าหาวมีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุมการตื่นตัวและนอนหลับ ตั้งแต่จังหวะ circadian กลายเป็นไม่ตรงกันเมื่อวงจรการนอนหลับของคนปกติจะถูกรบกวนหาวควรช่วยปาร์ตี้ดึกรีเซ็ตนาฬิกาภายในของสมอง หาวอาจปัดผลกระทบของความล้าหลังและความสะดวกสบายที่เกิดจากระดับสูง.
ดังนั้นสิ่งที่เป็นกลไกที่ทำให้หาวดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญ? นอกจากนี้การเปิดใช้งาน precuneus มันควบคุมอุณหภูมิและการเผาผลาญของสมองของคุณ มันใช้เวลามากของพลังงานประสาทพักการแจ้งเตือนมีสติและเป็นคุณทำงานทางขึ้นบันไดวิวัฒนาการสมองกลายเป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า หาวอาจจะพัฒนาเป็นวิธีการที่จะเย็นลงสมองเลี้ยงลูกด้วยนมที่ใช้งานมากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของกลีบหน้าผาก มีบางคนแย้งว่าแม้มันเป็นรูปแบบดั้งเดิมของการทำความเข้าใจ สัตว์มีกระดูกสันหลังส่วนใหญ่หาว แต่มันก็เป็นเพียงโรคติดต่อในหมู่มนุษย์ลิงลิงลิงและลิงชิมแปนซี.
หนึ่งคือว่าเมื่อเราเบื่อหรือเหนื่อยเราก็ไม่ได้หายใจลึกในขณะที่เรามักจะทำ ในฐานะที่เป็นทฤษฎีนี้ไปร่างกายของเราใช้เวลาในการออกซิเจนน้อยลงเพราะลมหายใจของเรามีการชะลอตัว ดังนั้นการหาวช่วยให้เรานำออกซิเจนมากขึ้นเข้าสู่กระแสเลือดและย้ายคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือด.
หาวแล้วจะเป็นสะท้อนโดยไม่สมัครใจ (สิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้จริงๆ) เพื่อช่วยให้เราควบคุมออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ระดับก๊าซของเรา แต่การศึกษาอื่น ๆ ได้แสดงให้เห็นว่าการหายใจออกซิเจนมากขึ้นไม่ได้ลดลงหาว ในทำนองเดียวกันการหายใจก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นไม่ได้เพิ่มหาว. หาวเป็นที่รับรู้กันทั่วไปเพื่อเป็นสัญญาณของความเบื่อหน่ายหรือความเมื่อยล้า ดร. โรเบิร์ต Provine ที่เรียกว่าหาวผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับนักเรียนเก่า 17-19 ปีเพื่อทดสอบการรับรู้นี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มของนักเรียนที่เฝ้าดูมิวสิควิดีโอ 30 นาทีกลุ่มที่ดูรูปแบบการทดสอบแถบสีจืดเป็นเวลา 30 นาทีหาวมากขึ้น ดร. Provine ก็บอกว่าหาวเป็นเหมือนการยืด เหมือนยืดความดันโลหิตและอัตราการเต้นหัวใจจะเพิ่มขึ้นเพียงแค่หาว บางทีอาจจะเป็นสัตว์หาวสัญชาตญาณเมื่อเบื่อหรือเหนื่อยที่จะได้รับการสูบน้ำเลือดของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาอาจได้รับการกระตุ้นทางร่างกายที่จะย้ายหรือหากิจกรรมใหม่ แต่แล้วทำไมมันคือการที่เราหาวหลังจากตื่นขึ้นมา? ถ้าเราหาวหลังจากตื่นเป็นพรอมต์ทางกายภาพที่จะกลายเป็นที่ใช้งานที่เป็นสิ่งหนึ่งที่ แต่หาวเป็นสัญลักษณ์ของความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสามารถตัดออกถ้าเราหาวหลังจากตื่นจากการนอนหลับพักผ่อน บางทีการศึกษาสามารถทำได้ในการเปรียบเทียบซึ่งอาจจะทำให้ระหว่างชั่วโมงการนอนหลับและการเกิดขึ้นของหาวเมื่อตื่นได้. อีกทฤษฎีหนึ่งคือความหมายของการหาวคือการเปิดปากโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยเป็นเวลานาน, การสูดดมลึกของอากาศ หาวคือการตอบสนองปกติเมื่อยล้าและง่วงนอน แต่มากเกินไป Yawning อาจเกิดจากปฏิกิริยาเกร็งตัวร่วมด้วยและอาจบ่งบอกถึงปัญหาโรคหัวใจ หาวเหยียดปอดและเนื้อเยื่อปอด การยืดกล้ามเนื้อและหาวอาจจะมีวิธีที่จะดิ้นกล้ามเนื้อและข้อต่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและความรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น. คนอื่น ๆ เชื่อว่าการหาวเป็นสะท้อนป้องกันเพื่อแจกจ่ายสารน้ำมันเหมือนที่เรียกว่าลดแรงตึงผิวที่ช่วยให้ปอดหล่อลื่นภายในและช่วยให้พวกเขาจาก ยุบ ดังนั้นถ้าเราไม่หาวตามทฤษฎีนี้การหายใจลึก ๆ จะกลายเป็นยากขึ้นและหนัก - และที่จะไม่ดี! แต่มีหนึ่งความคิดเกี่ยวกับหาวว่าทุกคนรู้ว่าจะเป็นจริง ดูเหมือนว่าโรคติดต่อ หากคุณอ้าปากค้างในชั้นเรียนที่คุณอาจจะสังเกตเห็นคนอื่นไม่กี่จะเริ่มหาวมากเกินไป แม้จะคิดเกี่ยวกับการหาวจะได้รับคุณหาว คุณมีวิธีการหาวหลายครั้งในขณะที่อ่านบทความนี้หรือไม่?