Deductive reasoning is at the core

Deductive reasoning is at the core of troubleshooting, which is essentially the art of investigation. In fact, the most famous deductive reasoner might be ace investigator Sherlock Holmes.

Deductive reasoning is the logical thinking process, which goes from general to specific. It is based on premises, and if the premises are true, then the reasoning will be valid. The reasoning statement starts with the premise and often uses an if/then format. For example:

If all squares are rectangles and all rectangles have four sides, then squares must have four sides.
If snakes are reptiles and reptiles are cold-blooded, then snakes are cold-blooded.
If 5 + a = 9 then a must be 4.
It's also possible to eliminate facts that are irrelevant to the deduction:

If both long and short snakes are reptiles, and all reptiles are cold-blooded, then snakes are cold-blooded.
All snakes are cold-blooded, their size is irrelevant to the logical conclusion.

Another example: A customer brings in an iPhone and says, "My iPhone won't power on. I often skip breakfast. I haven't charged it in days. I use Siri all the time."

Of the information provided, the fact that the customer skips breakfast seems irrelevant to the power issue.

The ability to narrow down the information set and draw logical conclusions is the DNA of the troubleshooting and diagnostic process. To diagnose an issue you need to understand the issue's circumstances and history so you can work with relevant facts, and then discard the distractors or irrelevancies. From the relevant facts you can deduce likely causes.

As Sherlock Holmes said, "Eliminate all other factors, and the one which remains must be the truth.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เหตุผลนิรนัยเป็นหัวใจหลักของการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นศิลปะของการสืบสวนเป็นหลัก ในความเป็นจริง reasoner นิรนัยที่มีชื่อเสียงอาจจะเก่งนักสืบเชอร์ล็อกโฮมส์ เหตุผลนิรนัยเป็นกระบวนการคิดเชิงตรรกะ ที่ไปจากทั่วไปเฉพาะ ขึ้นอยู่กับสถาน และถ้าสถานเป็นจริง แล้วเหตุผลจะถูกต้อง คำชี้แจงเหตุผลเริ่มต้น ด้วยสถานที่ และมักจะใช้หาก และรูปแล้ว ตัวอย่างเช่น:ถ้าสี่เหลี่ยมทั้งหมดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้านมี สี่เหลี่ยมต้องมีสี่ด้าน ถ้างูเป็นสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น แล้วงูมีเลือดเย็นถ้า 5 + = 9 นั้นต้องไม่ก็ยังเป็นการกำจัดข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการหัก:ถ้าทั้งยาว และสั้นงูสัตว์เลื้อยคลาน และทั้งสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น แล้วงูมีเลือดเย็นงูทั้งหมดเลือดเย็น ขนาดของตนไม่เกี่ยวข้องสรุปตรรกะอีกตัวอย่าง: ลูกค้านำใน iPhone และกล่าวว่า "ฉันไม่สามารถ เปิดเครื่อง ฉันมักจะข้ามอาหารเช้า ฉันยังไม่ได้เรียกเก็บในวัน ผมใช้ Siri ในครั้งนี้ ของข้อมูลที่ให้ ความจริงที่ว่า ลูกค้าข้ามอาหารเช้าดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาพลังงาน ความแคบลงชุดข้อมูล และตรรกะสรุปคือ ดีเอ็นเอของกระบวนการการแก้ปัญหา และวินิจฉัย การวินิจฉัยปัญหา คุณต้องเข้าใจสถานการณ์ของปัญหาและประวัติคุณจึงสามารถทำงานกับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และทิ้งลวงหรือ irrelevancies จากข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถ deduce สาเหตุ เชอร์ล็อกโฮล์มส์กล่าว "ขจัดปัจจัยอื่น ๆ และส่วนที่เหลือซึ่งต้องเป็นความจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เหตุผลแบบนิรนัยอยู่ที่หลักของการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นหลักศิลปะของการสืบสวน ในความเป็นจริงเฟ้นนิรนัยมีชื่อเสียงมากที่สุดอาจจะเก่งนักสืบ Sherlock Holmes.

เหตุผลแบบนิรนัยเป็นกระบวนการคิดเชิงตรรกะที่จะไปจากทั่วไปที่เฉพาะเจาะจง มันขึ้นอยู่กับสถานที่และหากสถานที่ที่เป็นจริงแล้วเหตุผลจะถูกต้อง คำสั่งเริ่มต้นด้วยการให้เหตุผลหลักฐานและมักจะใช้หาก / รูปแบบแล้ว ตัวอย่างเช่น

ถ้าสี่เหลี่ยมทั้งหมดเป็นรูปสี่เหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมทั้งหมดมีสี่ด้านแล้วสี่เหลี่ยมต้องมีสี่ด้าน.
ถ้างูและสัตว์เลื้อยคลานสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็นแล้วงูเลือดเย็น.
ถ้า 5 + A = 9 แล้วจะต้อง 4.
นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่จะกำจัดข้อเท็จจริงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการหักเงิน:

. หากทั้งสองงูยาวและระยะสั้นที่มีสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลื้อยคลานทุกคนมีความเลือดเย็นแล้วงูเลือดเย็น
งูทั้งหมดอยู่ในเลือดเย็นขนาดของพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้อง ถึงข้อสรุปตรรกะ.

อีกตัวอย่างหนึ่ง: ลูกค้านำใน iPhone และกล่าวว่า "... iPhone ของฉันจะไม่ได้มีอำนาจในการฉันมักจะข้ามอาหารเช้าผมยังไม่ได้เรียกเก็บเงินในวันที่ผมใช้ Siri ตลอดเวลา."

ของ ข้อมูลที่ให้ความจริงที่ว่าลูกค้าข้ามอาหารเช้าดูเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาพลังงาน.

ความสามารถในการที่จะแคบลงข้อมูลที่ตั้งและข้อสรุปตรรกะเป็นดีเอ็นเอของการแก้ไขปัญหาและขั้นตอนการวินิจฉัย เพื่อวินิจฉัยปัญหาที่คุณต้องเข้าใจสถานการณ์ปัญหาและประวัติศาสตร์เพื่อให้คุณสามารถทำงานร่วมกับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องและจากนั้นทิ้งลวงหรือ irrelevancies จากข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องที่คุณสามารถอนุมานสาเหตุน่าจะ.

ในฐานะที่เป็น Sherlock Holmes กล่าวว่า "กำจัดปัจจัยอื่น ๆ ทั้งหมดและหนึ่งซึ่งยังคงต้องเป็นความจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การให้เหตุผลแบบนิรนัย เป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นหลักศิลปะของการสืบสวน ในความเป็นจริง รีเซอเนอร์นิรนัยที่มีชื่อเสียงที่สุดอาจเป็นเอซนักสืบเชอร์ล็อค โฮล์มส์การให้เหตุผลแบบนิรนัย หมายถึง กระบวนการคิดเชิงตรรกะ ซึ่งไปจากทั่วไปที่เฉพาะเจาะจง มันขึ้นอยู่กับสถานที่ และถ้าสถานที่จริงแล้วเหตุผลจะถูกต้อง ชี้แจงเหตุผลที่เริ่มต้นด้วยสถานที่ตั้งและมักจะใช้ถ้า / แล้วในรูปแบบ ตัวอย่างเช่น :ถ้าเป็นสี่เหลี่ยมและสี่เหลี่ยม สี่เหลี่ยม สี่เหลี่ยมมีสี่ด้าน แล้วต้องมีสี่ด้านถ้างูเป็นสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นสัตว์เลือดเย็น จากนั้นงูเลือดเย็นถ้า 5 + = 9 แล้วต้อง 4นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่จะกำจัดข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง กับการหัก :ถ้างูทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลื้อยคลานเป็นงูเป็นสัตว์เลือดเย็น และเลือดเย็นงูเป็นสัตว์เลือดเย็น ขนาดไม่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปเชิงตรรกะอีกตัวอย่างหนึ่ง : ลูกค้านำใน iPhone และกล่าวว่า " iPhone ของฉันจะไม่เปิด . ผมมักจะข้ามอาหารเช้า ฉันยังไม่ได้เรียกเก็บในวัน ผมใช้ Siri ได้ตลอดเวลา "จากข้อมูลที่ให้ ความจริง ว่าลูกค้าจะไม่กินข้าวเช้า ดูเหมือนไม่มีพลังออกความสามารถที่จะแคบลงในชุดข้อมูลและข้อสรุปเชิงตรรกะเป็นดีเอ็นเอของการแก้ไขปัญหาและการวินิจฉัย ในการวินิจฉัยปัญหาที่คุณต้องการที่จะเข้าใจสถานการณ์ของปัญหาและประวัติเพื่อให้คุณสามารถทำงานกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องและจากนั้นทิ้ง distractors หรือความไม่สอดคล้อง . จาก ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องคุณสามารถสรุปสาเหตุที่เป็นไปได้เป็น Sherlock Holmes ว่า " ขจัดปัจจัยอื่น ๆทั้งหมดและหนึ่งซึ่งยังคงต้องมีความจริง