1.การศึกษาของไทยสมัยโบราณ ( พ.ศ. 1781 - พ.ศ. 2411) การศึกษาสมัยนี้เป็น การแปล - 1.การศึกษาของไทยสมัยโบราณ ( พ.ศ. 1781 - พ.ศ. 2411) การศึกษาสมัยนี้เป็น ไทย วิธีการพูด

1.การศึกษาของไทยสมัยโบราณ ( พ.ศ. 17

1.การศึกษาของไทยสมัยโบราณ ( พ.ศ. 1781 - พ.ศ. 2411)
การศึกษาสมัยนี้เป็นการศึกษาแบบสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี โดยมีบ้านและวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษา เช่นบ้านเป็นสถานที่อบรมกล่อมเกลาจิตใจของสมาชิกภายในบ้าน วังเป็นสถานที่รวมเอานักปราชญ์สาขาต่างๆ มาเป็นขุนนางรับใช้เบื้องพระยุคลบาท วัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งพระจะทำหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชนจะเห็นได้ว่าสถาบันทั้งสามนี้ล้วนแต่มีบทบาทในการศึกษาอบรมสำหรับคนไทยในสมัยนั้นในการถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง 1.1 การศึกษาในสมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781 พ.ศ. 1921)มีลักษณะการจัด ดังนี้
1. รูปแบบการจัดการศึกษา แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายอาณาจักรแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนที่หนึ่งเป็นการจัดการศึกษาสำหรับผู้ชายที่เป็นทหาร เช่น มวย กระบี่กระบองและอาวุธต่างๆ ตลอดจนวิธีการบังคับม้า ช้างตำราพิชัยยุทธ์ และส่วนที่สองพลเรือน เป็นการจัดการศึกษาให้แก่พลเรือนผู้ชายเรียนคัมภีร์ไตรเวทโหราศาสตร์เวชกรรม ส่วนพลเรือนผู้หญิงให้เรียนวิชาช่างสตรี การปัก การย้อม การเย็บการถักทอ
2. สถานศึกษาสำหรับสถานศึกษาในสมัยนี้ ประกอบด้วย
(1) บ้านเป็นสถาบันสังคมพื้นฐานที่ช่วยทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ด้านอาชีพตามบรรพบุรุษการก่อสร้างบ้านเรือนศิลปะการป้องกันตัวสำหรับลูกผู้ชายและการบ้านการเรือน
(2) สำนักสงฆ์เป็นสถานศึกษาที่สำคัญของราษฎรทั่วไป เพื่อหน้าที่ขัดเกลาจิตใจ และแสวงหาธรรมะ
(3) สำนักราชบัณฑิต เป็นบ้านของบุคคลที่ประชาชนยกย่องว่ามีความรู้สูงบางคนก็เป็นขุนนางมียศถาบรรดาศักดิ์ บางคนก็เคยบวชเรียนแล้วจึงมีความรู้แตกฉานในแขนงต่างๆ
(4) พระราชสำนักเป็นสถานศึกษาของพระราชวงศ์และบุตรหลานของขุนนางในราชสำนักมีพราหมณ์หรือราชบัณฑิตเป็นครูสอน
3. วิชาที่สอน ไม่ได้กำหนดตายตัว พอแบ่งออกได้ดังนี้
(1) วิชาความรู้สามัญ สันนิษฐานว่าในช่วงต้นสุโขทัยใช้ภาษาบาลีและสันสกฤต ต่อมาในสมัยหลังจากที่พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้เมื่อ พ.ศ. 1826 จึงมีการเรียนภาษาไทยกัน
(2) วิชาชีพ เรียนกันตามแบบอย่างบรรพบุรุษตระกูลใดมีความชำนาญด้านใดลูกหลานจะมีความถนัดและประกอบอาชีพตามแบบอย่างกันมา เช่นตระกูลใดเป็นแพทย์ก็จะสอนบุตรหลานให้เป็นแพทย์
(3) วิชาจริยศึกษาสอนให้เคารพนับถือบรรพบุรุษการรู้จักกตัญญูรู้คุณการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม และการรู้จักทำบุญให้ทานถือศีลในระหว่างเข้าพรรษา เป็นต้น
(4) วิชาศิลปะป้องกันตัวเป็นการสอนให้รู้จักการใช้อาวุธการบังคับสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะในการออกศึกและตำราพิชัยยุทธ
1.2 การศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 2310)
กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีอันยาวนาน 417 ปีซึ่งมีความเจริญทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งเกิดจากมีชนชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองและสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ลักษณะการจัดการศึกษาสมัยกรุงศรีอยุธยา มีดังนี้
1. รูปแบบการจัดการศึกษา มีดังนี้
(1) การศึกษาวิชาสามัญ เน้นการอ่าน เขียนเรียนเลข อันเป็นวิชาพื้นฐานสำหรับการประกอบสัมมาอาชีพของคนไทย
(2) การศึกษาทางด้านศาสนา วัดยังมีบทบาทมาก ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นต้นมามีนักสอนศาสนาหรือมิชชันนารีได้จัดตั้งโรงเรียนสอนหนังสือและวิชาอื่น ๆขึ้นเรียกโรงเรียนมิชชันนารีนี้ว่า โรงเรียนสามเณรเพื่อชักจูงให้ชาวไทยหันไปนับถือศาสนาคริสต์

(3) การศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดี มีการสอนทั้งภาษาไทยบาลี สันสกฤตฝรั่งเศส เขมร พม่า มอญ และภาษาจีน
(4) การศึกษาของผู้หญิงมีการเรียนวิชาชีพ การเรือนการครัว ทอผ้า กิริยามารยาทเพื่อป้องกันไม่ให้เขียนเพลงยาวโต้ตอบกับผู้ชาย แต่ผู้หญิงที่อยู่ในราชตระกูลเริ่มเรียนภาษาไทยตลอดทั้งการประพันธ์
(5) การศึกษาวิชาการด้านทหาร มีการจัดระเบียบการปกครองในแผ่นดิน
ในรัชสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงจัดวางระเบียบทางด้านการทหาร มีการทำบัญชี คือการเกณฑ์คนเข้ารับราชการทหาร ผู้ชายอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปถึง 60 ปีเรียกว่าไพร่หลวง
2. สถานศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยานี้ยังคงเหมือนกับสมัยสุโขทัยที่ต่างออกไป คือมีโรงเรียนมิชชันนารีเป็นโรงเรียนที่ชาวตะวันตกได้เข้ามาสร้างเพื่อเผยแพร่ศาสนาและขณะเดียวกันก็สอนวิชาสามัญด้วย
3. เนื้อหาวิชาที่สอนมีสอนทั้งวิชาชีพและวิชาสามัญ กล่าวคือ
(1) วิชาสามัญมีการเรียนวิชาการอ่าน เขียน เลข ใช้แบบเรียนภาษาไทยจินดามณี
(2) วิชาชีพเรียนรู้กันในวงศ์ตระกูล สำหรับเด็กผู้ชายได้เรียนวิชาวาดเขียน แกะสลักและช่างฝีมือต่าง ๆ (3) ด้านอักษรศาสตร์ มีการศึกษาด้านอักษรศาสตร์มีวรรณคดีหลายเล่มที่เกิดขึ้น เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ และกำศรวลศรีปราชญ์ เป็นต้นอีกทั้งมีการสอนภาษาไทย บาลี สันสกฤต ฝรั่งเศส เขมร พม่า มอญ และจีน
(4) วิชาจริยศึกษา เน้นการศึกษาด้านพระพุทธศาสนามากขึ้น เช่นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงกวดขันในเรื่องการศึกษาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ทรงให้เสรีภาพไม่กีดกันศาสนาทรงอุปถัมภ์พวกสอนศาสนา
1.3 การศึกษาในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2311 พ.ศ. 2411)
การศึกษาในสมัยนี้เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา บ้านและวัดยังคงมีบทบาทเหมือนเดิมการจัดการศึกษาในช่วงนี้ มีดังนี้
(1) สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นระยะเก็บรวบรวมสรรพตำราจากแหล่งต่าง ๆที่รอดพ้นจากการทำลายของพม่า เน้นการทำนุบำรุงตำราทางศาสนา ศิลปะและวรรณคดี
(2) สมัยพระบาทสมเด็จพ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
1.การศึกษาของไทยสมัยโบราณ (พ.ศ. 1781 - พ.ศ. 2411)
การศึกษาสมัยนี้เป็นการศึกษาแบบสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีโดยมีบ้านและวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษาเช่นบ้านเป็นสถานที่อบรมกล่อมเกลาจิตใจของสมาชิกภายในบ้านวังเป็นสถานที่รวมเอานักปราชญ์สาขาต่าง ๆ วัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 11 การศึกษาในสมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781 พ.ศ. 1921) มีลักษณะการจัดดังนี้
1 รูปแบบการจัดการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายคือฝ่ายอาณาจักรแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ส่วนที่หนึ่งเป็นการจัดการศึกษาสำหรับผู้ชายที่เป็นทหารเช่นมวยกระบี่กระบองและอาวุธต่าง ๆ ตลอดจนวิธีการบังคับม้า และส่วนที่สองพลเรือนเป็นการจัดการศึกษาให้แก่พลเรือนผู้ชายเรียนคัมภีร์ไตรเวทโหราศาสตร์เวชกรรมส่วนพลเรือนผู้หญิงให้เรียนวิชาช่างสตรีการปักการย้อมการเย็บการถักทอ
2. สถานศึกษาสำหรับสถานศึกษาในสมัยนี้ประกอบด้วย
(1) บ้านเป็นสถาบันสังคมพื้นฐานที่ช่วยทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ด้านอาชีพตามบรรพบุรุษการก่อสร้างบ้านเรือนศิลปะการป้องกันตัวสำหรับลูกผู้ชายและการบ้านการเรือน
(2) สำนักสงฆ์เป็นสถานศึกษาที่สำคัญของราษฎรทั่วไปเพื่อหน้าที่ขัดเกลาจิตใจและแสวงหาธรรมะ
(3) สำนักราชบัณฑิตเป็นบ้านของบุคคลที่ประชาชนยกย่องว่ามีความรู้สูงบางคนก็เป็นขุนนางมียศถาบรรดาศักดิ์บางคนก็เคยบวชเรียนแล้วจึงมีความรู้แตกฉานในแขนงต่าง ๆ
(4) พระราชสำนักเป็นสถานศึกษาของพระราชวงศ์และบุตรหลานของขุนนางในราชสำนักมีพราหมณ์หรือราชบัณฑิตเป็นครูสอน
3 วิชาที่สอนไม่ได้กำหนดตายตัวพอแบ่งออกได้ดังนี้
(1) วิชาความรู้สามัญสันนิษฐานว่าในช่วงต้นสุโขทัยใช้ภาษาบาลีและสันสกฤตต่อมาในสมัยหลังจากที่พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้เมื่อพ.ศ. 1826 จึงมีการเรียนภาษาไทยกัน
(2) วิชาชีพเรียนกันตามแบบอย่างบรรพบุรุษตระกูลใดมีความชำนาญด้านใดลูกหลานจะมีความถนัดและประกอบอาชีพตามแบบอย่างกันมาเช่นตระกูลใดเป็นแพทย์ก็จะสอนบุตรหลานให้เป็นแพทย์
(3) วิชาจริยศึกษาสอนให้เคารพนับถือบรรพบุรุษการรู้จักกตัญญูรู้คุณการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมและการรู้จักทำบุญให้ทานถือศีลในระหว่างเข้าพรรษาเป็นต้น
(4) วิชาศิลปะป้องกันตัวเป็นการสอนให้รู้จักการใช้อาวุธการบังคับสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะในการออกศึกและตำราพิชัยยุทธ
การศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยา 1.2 (พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 2310)
กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีอันยาวนาน 417 ปีซึ่งมีความเจริญทั้งทางด้านการเมืองเศรษฐกิจและสังคมการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวซึ่งเกิดจากมีชนชาติต่างๆ ลักษณะการจัดการศึกษาสมัยกรุงศรีอยุธยามีดังนี้
1 รูปแบบการจัดการศึกษามีดังนี้
อันเป็นวิชาพื้นฐานสำหรับการประกอบสัมมาอาชีพของคนไทยเขียนเรียนเลขเน้นการอ่านการศึกษาวิชาสามัญ (1)
(2) การศึกษาทางด้านศาสนาวัดยังมีบทบาทมากในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นต้นมามีนักสอนศาสนาหรือมิชชันนารีได้จัดตั้งโรงเรียนสอนหนังสือและวิชาอื่นๆขึ้นเรียกโรงเรียนมิชชันนารีนี้ว่า
(3) การศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดีมีการสอนทั้งภาษาไทยบาลีสันสกฤตฝรั่งเศสเขมรพม่ามอญและภาษาจีน
(4) การศึกษาของผู้หญิงมีการเรียนวิชาชีพการเรือนการครัวทอผ้ากิริยามารยาทเพื่อป้องกันไม่ให้เขียนเพลงยาวโต้ตอบกับผู้ชายแต่ผู้หญิงที่อยู่ในราชตระกูลเริ่มเรียนภาษาไทยตลอดทั้งการประพันธ์
(5) การศึกษาวิชาการด้านทหารมีการจัดระเบียบการปกครองในแผ่นดิน
ในรัชสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงจัดวางระเบียบทางด้านการทหารมีการทำบัญชีคือการเกณฑ์คนเข้ารับราชการทหารผู้ชายอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปถึง 60 ปีเรียกว่าไพร่หลวง
2 สถานศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยานี้ยังคงเหมือนกับสมัยสุโขทัยที่ต่างออกไปคือมีโรงเรียนมิชชันนารีเป็นโรงเรียนที่ชาวตะวันตกได้เข้ามาสร้างเพื่อเผยแพร่ศาสนาและขณะเดียวกันก็สอนวิชาสามัญด้วย
3 เนื้อหาวิชาที่สอนมีสอนทั้งวิชาชีพและวิชาสามัญกล่าวคือ
ใช้แบบเรียนภาษาไทยจินดามณีเลขเขียนวิชาสามัญมีการเรียนวิชาการอ่าน (1)
(2) วิชาชีพเรียนรู้กันในวงศ์ตระกูลสำหรับเด็กผู้ชายได้เรียนวิชาวาดเขียนแกะสลักและช่างฝีมือต่าง (3) ๆ ด้านอักษรศาสตร์มีการศึกษาด้านอักษรศาสตร์มีวรรณคดีหลายเล่มที่เกิดขึ้นเช่นสมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นต้นอีกทั้งมีการสอนภาษาไทยบาลีสันสกฤตฝรั่งเศสเขมรพม่ามอญและจีน
(4) วิชาจริยศึกษาเน้นการศึกษาด้านพระพุทธศาสนามากขึ้นเช่นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงกวดขันในเรื่องการศึกษาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
1.3 การศึกษาในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2311 พ.ศ. 2411)
การศึกษาในสมัยนี้เช่นเดียวกับสมัยอยุธยาบ้านและวัดยังคงมีบทบาทเหมือนเดิมการจัดการศึกษาในช่วงนี้มีดังนี้
(1) สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นระยะเก็บรวบรวมสรรพตำราจากแหล่งต่างๆที่รอดพ้นจากการทำลายของพม่าเน้นการทำนุบำรุงตำราทางศาสนา ศิลปะและวรรณคดี
(2) สมัยพระบาทสมเด็จพ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
1 การศึกษาของไทยสมัยโบราณ (พ.ศ. 1781 - พ.ศ.
1.1 ศึกษาในสมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781 พ.ศ. 1921) มีจัดดังนี้การลักษณะการ
1 รูปจัดการศึกษาแบ่งออก 2 ฝ่ายคือฝ่ายอาณาจักรแบ่งออกเป็น 2 ส่วนแบบการเป็น เช่นมวยกระบี่กระบองและอาวุธต่างๆตลอดจนวิธีการบังคับม้าช้างตำราพิชัยยุทธ์และส่วนที่สองพลเรือน การปักการย้อมการเย็บการถักทอ
ที่ 2 สถานศึกษาสำหรับสถานศึกษาในสมัยนี้ประกอบด้วย
(1)
เพื่อหน้าที่ขัดเกลาจิตใจและแสวงหาธรรมะ
(3) สำนักราชบัณฑิต วิชาที่สอนไม่ได้กำหนดตายตัวพอแบ่งออกได้ดังนี้(1) วิชาความรู้สามัญ พ.ศ. 1826 จึงมีการเรียนภาษาไทยกัน(2) วิชาชีพ เป็นต้น(4) การศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 417 ซึ่งเกิดจากมีชนชาติต่าง ๆ มีดังนี้1 รูปแบบการจัดการศึกษามีดังนี้(1) การศึกษาวิชาสามัญเน้นการอ่านเขียนเรียนเลข การศึกษาทางด้านศาสนาวัดยังมีบทบาทมาก มีการสอนทั้งภาษาไทยบาลีสันสกฤตฝรั่งเศสเขมรพม่ามอญและภาษาจีน(4) การเรือนการครัวทอผ้า การศึกษาวิชาการด้านทหาร 2 ทรงจัดวางระเบียบทางด้านการทหารมีการทำบัญชีคือการเกณฑ์คนเข้ารับราชการทหารผู้ชายอายุตั้งแต่ 13 ปีถึง 60 ปีไพร่หลวงขึ้นไปเรียกว่า2 กล่าวคือ(1) วิชาสามัญมีการเรียนวิชาการอ่านเขียนเลขใช้แบบเรียนภาษาไทยจินดามณี(2) วิชาชีพเรียนรู้กันในวงศ์ตระกูล แกะสลักและช่างฝีมือต่าง ๆ (3) ด้านอักษรศาสตร์ เช่นสมุทรโฆษคำฉันท์และกำศรวลศรีปราชญ์เป็นต้นอีกทั้งมีการสอนภาษาไทยบาลีสันสกฤตฝรั่งเศสเขมรพม่ามอญและจีน(4) วิชาจริยศึกษา (พ.ศ. 2311 พ.ศ. มีดังนี้(1) ๆ ที่รอดพ้นจากการทำลายของพม่าเน้นการทำนุบำรุงตำราทางศาสนาศิลปะและวรรณคดี(2) สมัยพระบาทสมเด็จพ

























การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
1 . การศึกษาของไทยสมัยโบราณ ( พ . ศ . 1781 - พ . ศ . ใน )
การศึกษาสมัยนี้เป็นการศึกษาแบบสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีโดยมีบ้านและวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษาเช่นบ้านเป็นสถานที่อบรมกล่อมเกลาจิตใจของสมาชิกภายในบ้านวังเป็นสถานที่รวมเอานักปราชญ์สาขาต่างๆวัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา1 .1 การศึกษาในสมัยสุโขทัย ( พ . ศ . 1781 พ . ศ . 1921 ) มีลักษณะการจัดดังนี้
1รูปแบบการจัดการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายความฝ่ายอาณาจักรแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ส่วนที่หนึ่งเป็นการจัดการศึกษาสำหรับผู้ชายที่เป็นทหารเช่นมวยกระบี่กระบองและอาวุธต่างๆตลอดจนวิธีการบังคับม้าและส่วนที่สองพลเรือนเป็นการจัดการศึกษาให้แก่พลเรือนผู้ชายเรียนคัมภีร์ไตรเวทโหราศาสตร์เวชกรรมส่วนพลเรือนผู้หญิงให้เรียนวิชาช่างสตรีการปักการย้อมการเย็บการถักทอ
2 . สถานศึกษาสำหรับสถานศึกษาในสมัยนี้ประกอบด้วย
( 1 ) บ้านเป็นสถาบันสังคมพื้นฐานที่ช่วยทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ด้านอาชีพตามบรรพบุรุษการก่อสร้างบ้านเรือนศิลปะการป้องกันตัวสำหรับลูกผู้ชายและการบ้านการเรือน
( 2 ) สำนักสงฆ์เป็นสถานศึกษาที่สำคัญของราษฎรทั่วไปเพื่อหน้าที่ขัดเกลาจิตใจและแสวงหาธรรมะ
( 3 ) สำนักราชบัณฑิตเป็นบ้านของบุคคลที่ประชาชนยกย่องว่ามีความรู้สูงบางคนก็เป็นขุนนางมียศถาบรรดาศักดิ์บางคนก็เคยบวชเรียนแล้วจึงมีความรู้แตกฉานในแขนงต่างๆ
( 4 ) พระราชสำนักเป็นสถานศึกษาของพระราชวงศ์และบุตรหลานของขุนนางในราชสำนักมีพราหมณ์หรือราชบัณฑิตเป็นครูสอน
3 วิชาที่สอนไม่ได้กำหนดตายตัวพอแบ่งออกได้ดังนี้
( 1 ) วิชาความรู้สามัญสันนิษฐานว่าในช่วงต้นสุโขทัยใช้ภาษาบาลีและสันสกฤตต่อมาในสมัยหลังจากที่พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้เมื่อพ . ศ . 1826 จึงมีการเรียนภาษาไทยกัน
( 2 ) วิชาชีพเรียนกันตามแบบอย่างบรรพบุรุษตระกูลใดมีความชำนาญด้านใดลูกหลานจะมีความถนัดและประกอบอาชีพตามแบบอย่างกันมาเช่นตระกูลใดเป็นแพทย์ก็จะสอนบุตรหลานให้เป็นแพทย์
( 3 ) วิชาจริยศึกษาสอนให้เคารพนับถือบรรพบุรุษการรู้จักกตัญญูรู้คุณการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมและการรู้จักทำบุญให้ทานถือศีลในระหว่างเข้าพรรษาเป็นต้น
( 4 ) วิชาศิลปะป้องกันตัวเป็นการสอนให้รู้จักการใช้อาวุธการบังคับสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะในการออกศึกและตำราพิชัยยุทธ
1.2 การศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ( พ . ศ . 1893 - พ . ศ . 2310 )
กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีอันยาวนาน 417 ปีซึ่งมีความเจริญทั้งทางด้านการเมืองเศรษฐกิจและสังคมการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวซึ่งเกิดจากมีชนชาติต่างไม่มีลักษณะการจัดการศึกษาสมัยกรุงศรีอยุธยามีดังนี้
1 รูปแบบการจัดการศึกษามีดังนี้
( 1 ) การศึกษาวิชาสามัญเน้นการอ่านเขียนเรียนเลขอันเป็นวิชาพื้นฐานสำหรับการประกอบสัมมาอาชีพของคนไทย
( 2 ) การศึกษาทางด้านศาสนาวัดยังมีบทบาทมากในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นต้นมามีนักสอนศาสนาหรือมิชชันนารีได้จัดตั้งโรงเรียนสอนหนังสือและวิชาอื่นๆขึ้นเรียกโรงเรียนมิชชันนารีนี้ว่า
( 3 ) การศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดีมีการสอนทั้งภาษาไทยบาลีสันสกฤตฝรั่งเศสเขมรพม่ามอญและภาษาจีน
( 4 ) การศึกษาของผู้หญิงมีการเรียนวิชาชีพการเรือนการครัวทอผ้ากิริยามารยาทเพื่อป้องกันไม่ให้เขียนเพลงยาวโต้ตอบกับผู้ชายแต่ผู้หญิงที่อยู่ในราชตระกูลเริ่มเรียนภาษาไทยตลอดทั้งการประพันธ์
( 5 ) การศึกษาวิชาการด้านทหารมีการจัดระเบียบการปกครองในแผ่นดิน
ในรัชสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงจัดวางระเบียบทางด้านการทหารมีการทำบัญชีคือการเกณฑ์คนเข้ารับราชการทหารผู้ชายอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปถึง 60 ปีเรียกว่าไพร่หลวง
2สถานศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยานี้ยังคงเหมือนกับสมัยสุโขทัยที่ต่างออกไปคือมีโรงเรียนมิชชันนารีเป็นโรงเรียนที่ชาวตะวันตกได้เข้ามาสร้างเพื่อเผยแพร่ศาสนาและขณะเดียวกันก็สอนวิชาสามัญด้วย
3เนื้อหาวิชาที่สอนมีสอนทั้งวิชาชีพและวิชาสามัญกล่าวคือ
( 1 ) วิชาสามัญมีการเรียนวิชาการอ่านเขียนเลขใช้แบบเรียนภาษาไทยจินดามณี
( 2 ) วิชาชีพเรียนรู้กันในวงศ์ตระกูลสำหรับเด็กผู้ชายได้เรียนวิชาวาดเขียนจะแกะสลักและช่างฝีมือต่าง ( 3 ) ด้านอักษรศาสตร์มีการศึกษาด้านอักษรศาสตร์มีวรรณคดีหลายเล่มที่เกิดขึ้นเช่นสมุทรโฆษคำฉันท์เป็นต้นอีกทั้งมีการสอนภาษาไทยบาลีสันสกฤตฝรั่งเศสเขมรพม่ามอญและจีน
( 4 ) วิชาจริยศึกษาเน้นการศึกษาด้านพระพุทธศาสนามากขึ้นเช่นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงกวดขันในเรื่องการศึกษาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
1.3 การศึกษาในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ( พ . ศ . 2311 พ . ศ . ในบ้านและวัดยังคงมีบทบาทเหมือนเดิมการจัดการศึกษาในช่วงนี้มีดังนี้

การศึกษาในสมัยนี้เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา )( 1 ) สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นระยะเก็บรวบรวมสรรพตำราจากแหล่งต่างๆที่รอดพ้นจากการทำลายของพม่าเน้นการทำนุบำรุงตำราทางศาสนาศิลปะและวรรณคดี
( 2 ) สมัยพระบาทสมเด็จพ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: